ตอนที่ 52 เหล่าไท่เฮาพยายามไกล่เกลี่ย
1/
ตอนที่ 52 เหล่าไท่เฮาพยายามไกล่เกลี่ย
พิษรักองค์ชายโฉมงาม
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 52 เหล่าไท่เฮาพยายามไกล่เกลี่ย
ตนที่ 52 เหล่าไท่เฮาพยายามไกล่เกลี่ย ซุนกงกงตะโกนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า: “บังอาจ ต่อหน้าพระพักตร์ของฮองไทเฮาในตำหนักโส้อาน กล้าดีอย่างไรมาพูดจาล่วงเกินหยาบคายเช่นนี้?” เมื่อหลิงหลงฮูหยินเห็นข้าหลวงคนหนึ่งกล้าตำหนินาง จึงได้บันดาลโทสะออกมา “เจ้าอยู่ในสถานะไหน? ถึงได้กล้ามาตะโกนใส่ข้า” หมุยเฟยนึกไม่ถึงว่าหลิงหลงฮูหยินจะไม่รู้ถึงขนาดนี้ มันน่าแค้นเคืองใจจริงๆ จนเหยียบย้ำเข้าไปในโคลนตม ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้าของฮองไทเฮาแสดงออกถึงความโกรธเคือง ในขณะที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่นั้น ก็ได้ชำเลืองมองไปทางหมุยเฟย ก่อนจะค่อยๆอดกลั้นลง จากนั้นก็พูดตะโกนออกไปว่า: “เอาละ เฉิงเสี้ยงและฮูหยินที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจงออกไป หลังจากนี้หากไม่มีการอนุญาตจากอายเจีย ก็ห้ามเข้ามาเหยียบย้ำในวังแม้แต่ก้าวเดียวโดยเด็ดขาด” หลิงหลงฮูหยินตื่นตระหนกตกใจไปในทันที จากนั้นก็รีบคุกเข่าลงพร้อมหมอบคลานลงไปกับพื้น “ไทเฮาเหนียงเหนียงโปรดอภัยโทษ หม่อมฉันเพียงแค่พลั้งปากพูดไป.......” “จะพลั้งปากหรือว่าจะเป็นนิสัยเดิมแท้ อายเจียไม่อยากรับรู้ทั้งนั้น อายเจียเองก็เอือมระอาที่จะต้องพูดคุยกับเจ้าเช่นนี้แล้วเหมือนกัน เรื่องการถอนหมั้น ดูเหมือนจะเป็นความดีความชอบของหลีโม่เอง อายเจียจะสืบเสาะแล้ว พวกเจ้าออกจากวังไปเถอะ” ฮองไทเฮาออกคำสั่งขับไล่ในที่สุด ชอบขึ้นมาในใจ “หุบปาก เจ้ายังเสียหน้าไม่พออย่างนั้นหรือ?” หลิงหลงฮูหยินอึ้งไปชั่วขณะ ตั้งแต่ที่นางเดินเข้าประตูจวนเฉิงเสี้ยงมา เขาไม่เคยพูดจาเสียงดังเช่นนี้กับนางมาก่อน เฉิงเสี้ยงเสี้ยโค้งตัวคำนับด้วยใบหน้าซีดขาว: “ไทเฮาเหนียงเหนียง หม่อมฉันกล่าวทูลลา!” ในเมื่อฮองไทเฮาไม่คิดจะสืบเสาะเรื่องการถอนหมั้นแล้ว เขาเองจึงไม่อยากพัวพันไปมากกว่านี้อีก จึงทำได้เพียงแค่รีบถอยออกไป หลีกเลี่ยงไม่ให้หลิงหลงหญิงสาวโง่เขลาผู้นี้พูดอะไรผิดพลาดออกมา ให้ฮองไทเฮาทรงโกรธเคืองไปมากกว่านี้อีกแล้ว เฉิงเสี้ยงเสี้ยเดินขึ้นมา แล้วมองไปทางหลีโม่ด้วยสายตาสับสน หลีโม่จ้องมองเขาอย่างไม่มีความเกรงกลัวสักนิด ในสายตาของพ่อลูกทั้งสองคนได้ฉายแววขุ่นเคืองผสมผสานกันสู่ภายนอก คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ต่างก็เห็นแววตาของทั้งคู่ ฮองเฮาขมวดคิ้ว พร้อมกับเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาอยู่ในใจ จึงไม่สามารถให้เสี้ยหลีโม่ออกจากวังได้ในเร็วๆนี้ ถึงแม้ว่านางจะมีสถานะเป็นหมอก็ตาม แต่จะออกไปต่อสู้กับเฉิงเสี้ยงเสี้ยและนายหญิงแก่ที่มีกลอุบายแยบยลลึกซึ้งได้อย่างไรกัน? อีกอย่าง ในเวลานี้ทั้งสองคนก็ได้เกลียดกันอย่างเป็นทางการแล้ว ในจวนเฉิงเสี้ยงแห่งนี้ มันไม่ง่ายสำหรับเสี้ยหลีโม่อีกแล้ว เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ นางก็หันไปส่งสายตาให้กับหยางมามา พร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมา หยางมามาเป็นอันเข้าใจ จากนั้นก็โค้งคำนับถอยออกไป ซือถูเย้นเห็นภาพตรงหน้า จึงค่อยๆกระตุกยิ้มมุมปาก หลิงหลงฮูหยินคงได้อยู่อย่างสบายๆแล้วละ ฮองไทเฮามองไปทางหมุยเฟย ก่อนพูดขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า :“อายเจียอ่านความคิดในใจของเจ้าออกอย่างชัดเจน หากยังไม่ถือโอกาสนี้โผล่หางออกมา งั้นก็รีบซ่อนมันไว้ซะ อายเจียไม่อยากเห็นมันอีกในครั้งต่อไป ” นางที่เพิ่งจะอดกลั้นอารมณ์ได้ เพื่อไว้หน้าแก่พระราชโอรสทั้งสามพระองค์ ผ่านไปอีก2-3ปี พระราชโอรสทั้งสามพระองค์ก็จะได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว จึงไม่อยากให้คนภายนอกมาเห็นว่าแม่ของเขาไม่ดีในเวลานี้ สีหน้าของหมุยเฟยซีดเผือดลง “หม่อมฉันไม่มีความคิดอะไรเลยเพคะ ไทเฮาอย่าได้เข้าใจผิดหม่อมฉัน เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ หม่อมฉันเองก็ถูกทำให้เข้าใจผิดเพคะ แต่หม่อมฉันจะระมัดระวังมากกว่านี้ หากไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกันหม่อมฉัน หม่อมฉันจะไม่ขอข้องเกี่ยวเพคะ” ฮองไทเฮาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “พระราชโอรสทั้งสามพระองค์ต้องได้รับการศึกษาที่ดี สั่งสอนเขาให้ดีๆ จากนี้เจ้าถึงจะมีความสุข เขาเป็นบุตรชายของฮ่องเต้ เป็นหลานของอายเจีย ต้องไม่มีใครที่เอาผิดกับเขา หากแม่อย่างเจ้าไม่เข้าใจความสุขีเพื่อเขา ต่อไปเจ้าย่อมต้องทำร้ายเขาอย่างแน่นอน อายเจียจะไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเด็ดขาด เจ้าจะได้ไม่ตำหนิคำพูดนี้ของอายเจียในวันข้างหน้าได้” หมุยเฟยก้มหน้าลง รู้ว่าอธิบายไปก็ไร้ประโยชน์ไทเฮาเองก็ไม่เชื่อคำพูดของนางอีกแล้ว จึงทำได้เพียงแค่ก้มหน้าลง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า: “หม่อมฉันรับทราบเพคะ หม่อมฉันทูลลา!” หมุยเฟยมองไปทางหลีโม่ที่ยืนอยู่ด้านหน้า เขาไม่รู้จริงๆว่าทำไมอ๋องซื่อเจิ้งถึงได้ยอมสู่ขอแม่นางที่ชื่อว่าหลีโม่ผู้นี้มาเป็นภรรยา นางรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงแก่ความเจริญของบุตรชาย เสี้ยหลีโม่ผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆอย่างแน่นอน หลังจากที่หมุยเฟยเหนียงเหนียงจากไป ฮองไทเฮาก็ถอดถอนใจออกมา “ทำไมฮ่องเต้ถึงได้ทรงประชวรนานขนาดนี้? ความคิดของคนเหล่านี้ก็ได้ถูกเปิดโปงออกมากันแล้ว แค่ตำหนิไท่จื่อเป็นกลางเกินไป ขุนนางท่านทั้งหลายต่างก็มีความคิด คอยส่งเสริมให้นางสนมให้กำเนิดบุตรชาย ใครๆต่างก็คิดที่จะเป็นขุนนางช่วยสร้างประเทศ ตอนนี้ฮองเฮาต้องสั่งสอนไท่จื่อให้ดีๆซะแล้ว มิเช่นนั้นตำแหน่งไท่จื่อผู้นี้จะถูกคนช่วงชิงไปได้ ฮองเฮาอย่างเจ้าก็คงจะร่ำไห้จนสิ้นชีวาอย่างแน่นอน!” คำพูดของฮองไทเฮาในเวลานี้ทรงหนักแน่นและดุดันมาก ในเวลานี้ซือถูเย้นและเสี้ยหลีโม่ก็ล้วนแล้วแต่ไม่กล้าเผชิญหน้าต่อหน้าพระพักตร์ของฮองเฮาและหมุยเฟยแม้แต่เสี้ยวเดียว หมุยเฟยเดินจากไปด้วยความขุ่นเคืองอยู่ในใจ แต่ฮองเฮากลับเข้าใจเหตุผลที่ฮองไทเฮากล่าวออกมาทั้งหมด ไท่จื่อค่อนข้างจะเป็นกลางเกินไป คนที่เห็นดีเห็นงามในวังต่อเขานั้นมีไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หมุยเฟยสร้างเรื่องในวันนี้ขึ้น ฮองเฮาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยับยั้งขึ้นว่า “ท่านแม่มีเหตุผล หม่อมฉันรู้ว่าควรจะทำเช่นไรแล้วเพคะ” เมื่อฮองไทเฮาพูดจบ ก็มองไปทางซือถูเย้นอีกครั้ง จากนั้นก็ถอดถอนใจออกมาเบาๆ “ถึงเจ้าจะมีคุณสมบัติในการเป็นกษัตริย์ก็ตาม แต่กลับไม่มีวิถีชีวิตอย่างกษัตริย์เลย ไม่ว่าลมฝนใต้หล้าจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร เจ้าเป็นเสด็จอา ต้องช่วยเหลือเกื้อหนุนหลายชายของเจ้า อย่าให้เขาต้องโดดเดี่ยวไร้ความช่วยเหลือ ” ฮองไทเฮาพูดถึงหลานชายหมายได้ถึงไท่จื่อ สิ่งนี้ฟังแล้วทำให้หลีโม่รู้สึกได้ถึงความลึกลับ หรือว่าฮองไทเฮาจะไม่พอพระทัยไท่จื่อ? แต่ในเวลานี้คนที่จะได้ครองตำแหน่งไท่จื่อ นอกจากพระราชโอรสของหมุยเฟยแล้ว ก็มีเพียงอ๋องเหลียงเตี้ยนเซี่ยเท่านั้น ซือถูเย้นได้ยินคำพูดของฮองไทเฮา กลับหัวเราะออกมาก่อนพูดขึ้นว่า: “ลูกที่ไม่มีความสามารถหรอก รอให้ท่านพี่ดีขึ้นก่อนแล้วค่อยมาสั่งสอนไท่จื่อเถอะ” สีหน้าของฮองไทเฮาเปลี่ยนสีทันใด พร้อมกับฉายแววโกรธเคืองออกมาทางแววตาอย่างฉับพลัน จากนั้นน้ำเสียงจึงแปรเปลี่ยนไปเป็นเศร้าโศกเสียใจทันที “ท่านพี่เจ้า เขาคงไม่ดีขึ้นแล้ว” ซือถูเย้นมองไปทางหลีโม่ “ท่านแม่ บัดนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว มีหมอท่านหนึ่งอยู่ที่นี่ด้วยนะพะยะคะ” หลีโม่มองไปทางซือถูเย้นด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนเขาอยากจะแนะนำตัวเองให้ทำการรักษาฮ่องเต้อย่างไรอย่างนั้น แต่เรื่องนี้เขาเองก็ไม่สามารถตัดสินใจเองได้นิ? นางเองก็ไม่อยากไปรักษาฮ่องเต้ด้วย ถึงอย่างไรอาการป่วยของฮ่องเต้ก็หนักหนามานานแล้ว ไม่รู้ว่าป่วยเป็นโรคอะไรด้วย นางอาจจะไม่สามารถรักษาฮ่องเต้ได้ หากฮ่องเต้ทรุดลงในระหว่างที่นางกำลังทำการรักษาละ เช่นนั้นเท่ากับนางก็ฆ่าตัวตายเองชัดๆนะสิ นางเพียงแค่แปลกใจ เรื่องการรักษาอาการป่วยของอ๋องเหลียง อ๋องซื่อเจิ้งเด็ดขาดมาโดยตลอด แต่กลับยืนหยัดให้นางรักษา แต่ฮองไทเฮาต่างคัดค้านมาโดยตลอด แต่ก็เท่านั้น นี่ยิ่งเป็นการพิสูจน์ได้ว่าฮ่องเต้ได้ให้อำนาจยิ่งให้แก่เขาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้เขาเองก็มีสิทธิในการตัดสินใจการรักษาของฮ่องเต้ แต่เขาเพิ่งจะพูดติดตลกเพื่อขอความยินยอมจากฮองไทเฮา หลีโม่มองไปทางฮองไทเฮา เมื่อเห็นว่าส่ายหน้าเบาๆ ด้วยสีหน้าลำบากใจ จึงได้พูดขึ้นว่า: “พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ อายเจียเหนื่อยมากแล้ว” เมื่อเห็นอย่างนี้ยิ่งทำให้หลีโม่ประหลาดใจอย่างมาก ฮองไทเฮาไม่ตอบคำถามตรงไปตรงมาแต่อย่างใด เมื่อฮองเฮายืนขึ้นแล้วทูลลา “ท่านแม่พักผ่อนเถอะเพคะ หม่อมฉันไปดูฮ่าวเอ๋อก่อน” ฮองไทเฮาชำเลืองมองไปทางนาง กำลังจะเอื้อนเอ๋ยออกมาแต่ก็หยุดลง สุดท้าย ก็ทำได้เพียงแค่โบกมือไปมา “ไปเถอะ!” ท่าทางของฮองเฮานั้นแสดงออกถึงความรุ่งโรจน์ ไม่ว่านางจะพูดอะไร ฮองเฮาก็ตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง หยางมามาที่เพิ่งจะจากไป นางก็รู้ได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ดี คนในจวนเฉิงเสี้ยงจะได้รู้ถึงความเก่งกาจ อย่าได้เลือกลูกพลับที่อ่อนนุ่มมาคัดค้าน หลีโม่มองไปทางใบหน้าของซือถูเย้นที่แสดงออกถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่ารอยยิ้มที่มุมปากจะไม่หุบลงก็ตาม แต่หางตากลับไม่มีรอยยิ้มแต่อย่างใด จนกระทั่ง มีความเหนื่อยล้าและความหดหู่ใจเกินขึ้นมาแทน เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้ผ่านพ้นไป หลีโม่เองก็รู้สึกว่าฮองไทเฮามีความคิดโมโหร้ายไม่เหมือนแต่ก่อน วันนี้นางสามารถจัดการหลิงหลงฮูหยินได้ ถึงอย่างไรก็เป็นการล่วงเกินต่อตำหนักโส้อาน ในฐานะที่เป็นฮองไทเฮา หากนางไม่ลงทัณฑ์ มันก็เกินไปแล้ว แต่ว่า ฮองไทเฮากลับแสดงออกอย่างราบรื่น เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสามฝ่าย หลีโม่เข้าใจ นางไม่ได้กลัว นางเพียงแค่พยายามทำสุดความสามารถ เพื่อรักษาความสงบของในวังหลังไว้ ที่ฮองไทเฮาทำเช่นนี้ ก็เพราะเห็นแก่สถานการณ์ในเวลานี้ ว่ามันค่อยๆมีแนวโน้มเพิ่มความระดับความแข็งแกร่งขึ้น
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 52 เหล่าไท่เฮาพยายามไกล่เกลี่ย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A