ตอนที่ 58 นางหลอกลวงเจ้า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 58 นางหลอกลวงเจ้า
ต๭นที่ 58 นางหลอกลวงเจ้า เวลาราวกับหยุดนิ่งไปสักพัก หลีโม่ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ ซือถูเย้น กลัวหากเป็นสามีในอนาคตของนาง โดยที่ทั้งสองคนไม่ได้รักกัน มีเพียงผลประโยชน์ซึ่งกันและกันเท่านั้น หลังจากที่ได้ยินความเงียบของฮองเฮามาเป็นเวลาเนิ่นนาน จึงได้ถามหลี่ซื่อว่า “ภาพนี้ ไม่ได้ตกไปอยู่ในมือของอ๋องอานชิน นางกำนัลในวันนั้นของเจ้า ได้นำมันมาให้กับซูหลิงหลง ซูหลิงหลงจึงได้มอบให้แกสามีของเจ้า” หลี่ซื่อพยักหน้า ด้วยใบหน้าเรียบเฉย “หม่อมฉันรู้เพคะ วันนั้นเสี้ยห้วยจุนได้นำภาพวาดผืนนี้กลับมาให้หม่อมฉันดู เขาบอกว่า เขาหลงรักคนๆหนึ่ง อยากจะพานางกลับมาจวนด้วยเพคะ” หลี่ซื่อพูดอย่างสบายๆ แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ยังไม่ขึ้นๆลงๆตามอารมณ์แต่อย่างใด ราวกับว่ากำลังพูดเรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่งเท่านั้น ฮองเฮาส่งเสียงอ่าออกมา “เขาก็เคยให้เจ้าดูอย่างนั้นหรือ? ทำไมเจ้าถึงไม่บอกเขาละ ว่าภาพผืนนี้เป็นฝีมือของเจ้า?” หลี่ซื่อหัวเราะเบาๆออกมา การเผยให้เห็นซี่ฟันเล็กน้อย กลับเป็นการเยาะเย้ยถึงขีดสุด “เขาชื่นชมข้า ตามจีบข้า ข้าจึงได้แต่งงานเป็นภรรยาของเขา แต่เขากลับไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของข้า ตั้งแต่บัดนั้น ข้าก็รู้ว่าเขาไม่เคยรักข้ามาก่อน ข้าปวดใจมาก” “เจ้าเสียใจไหม?” ฮองเฮาถามขึ้นด้วยความใคร่รู้ หลี่ซื่อจึงได้หัวเราะออกมาอีกครั้ง การหัวเราะครั้งนี้ ได้เผยความเปล่าเปลี่ยวใจอย่างสุดซึ้งออกมา โดยที่ไม่ตอบคำถามใดๆ ฮองเฮามองไปทางรอยยิ้มของนาง ไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้อ่านออกมาว่ามันเป็นความรู้สึกผิดหวังอย่างมาก ในฐานะที่เป็นหญิงสาวเหมือนกัน นางรู้ว่าหลี่ซื่อเคยรักเสี้ยห้วยจุนมากมาก่อนอย่างแน่นอน แม่นางที่มีความภาคภูมิใจเช่นนี้ ทำไมถึงต้องมายอมรับคนที่นางเลือกผิดด้วย? มีเพียงแค่ตัวเองที่แบกรับผลทั้งหมดอย่างเงียบๆ เฉิงเสี้ยงเสี้ยที่ยืนอยู่ด้านหลังฉากกั้น แล้วมองไปทางรอยยิ้มที่มีแนวโน้มไปทางผิดหวังบนใบหน้าของนาง มีเพียงความรู้สึกอึดอัดที่แพร่กระจายอยู่บริเวณรอบๆเท่านั้น เมื่อหายใจไม่ค่อยออก เขาจึงได้ยืดคอตรง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่กลับไม่สามารถเพิกเฉยต่อความรู้สึกเจ็บปวดที่คมชัดขึ้นมาเรื่อยๆไปได้ หลิงหลงฮูหยินค่อยๆมองไปยังด้านนอกของประตู นางมองไปทางหลี่ซื่อด้วยความตื่นตกใจ นางไม่กล้าจะเชื่อเลยจริงๆว่าวันนั้นหลี่ซื่อเคยเห็นภาพผืนนี้มาก่อน แล้วก็ยิ่งไม่เชื่อว่านางจะเงียบขรึมโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาเมื่อเห็นภาพนั้น นางกำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่? ทำไมฮองเฮาถึงไม่ซักไซ้ถามเรื่องการทรยศต่อละ? บรรยากาศในตำหนัก ได้คงที่ขึ้นมาแล้ว หลังจากผ่านพ้นไปเนิ่นนาน ฮองเฮาจึงได้พูดขึ้นอย่างช้าๆว่า :“หมุยเฟย เฉิงเสี้ยง ออกมา” หลิงหลงฮูหยินเงยหน้าขึ้นทันใด จากนั้นก็มองไปทางฮองเฮาด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นทั้งสองเดินออกมาจากด้านหลังของฉากกั้นทางด้านซ้าย นางคร่ำครวญ ณ เบื้องหน้าของเฉิงเสี้ยงเสี้ยด้วยความหมดแรงอยู่บนพื้น ด้วยจิตใจที่เหลือแค่เพียงความสิ้นหวัง หลี่ซื่อโค้งคำนับหมุยเฟย “ทูลเข้าเฝ้าหมุยเฟยเหนียงเหนียงเพคะ” หมุยเฟยปรายตามองไปทางหญิงสาวที่มีหน้าตาสะอาดสะอ้านงดงามผู้นี้ ก่อนจะถอดถอนใจออกมาเบาๆ “อื้อ” ฮองเฮาถามเฉิงเสี้ยงเสี้ยว่า “เจ้ามีอะไรอยากจะพูดไหม?” เฉิงเสี้ยงเสี้ยคุกเข่าลง แล้วพูดอย่างสงบนิ่งว่า : “หม่อมฉันไม่มีอะไรจะพูดพะยะคะ” ฮองเฮาจึงพูดขึ้นว่า : “เจ้ายินยอมที่จะเซ็นใบหย่าไหม?” เฉิงเสี้ยงเสี้ยตื่นตกใจขึ้นทันใด แล้วส่ายหน้าด้วยจิตใต้สำนึก “ไม่!” ใบหย่าคือการจากกัน เขาไม่สามารถแยกจากนางได้ ไม่จะวันนี้หรือสถานการณ์ไหนก็คือไม่ หากในกรณีที่แยกจากนาง จะต้องมีความขัดแย้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุดพัวพันอยู่กับเขาเป็นแน่ จะต้องไปให้ข้าราชบริพารตรวจสอบ อ๋องซื่อเจิ้งได้เคยกล่าวไว้ว่าเขาเป็นเพียงสามัญชนในรัชสมัยแรกเริ่มหลายครั้ง หากแยกจากกันอีกครั้ง คนภายนอกย่อมต้องกล่าวว่าเขาแน่นอน เขาได้เพียงแต่ทอดทิ้งภรรยา บอกได้แค่เพียงว่าเป็นความผิดของหลี่ซื่อ เขาจึงจะสามารถเฝ้ารักษาคุณงามความดีเฉพาะตนได้ เมื่อหลิงหลงฮูหยินได้ยินคำนี้ ก็ได้แต่ปิดปากคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด แต่ไหนแต่ไรมา นางเฝ้าแต่หวังให้หลี่ซื่อออกไปจากที่นี่ มีเพียงแค่ทางนี้ นางถึงจะได้เป็นฮูหยินเมียหลวงที่แท้จริง ลูกสาวของนาง จึงจะไม่ใช่ลูกของเมียน้อย แต่เขากลับไม่ยินยอม? เขาเป็นคนทอดทิ้งหลี่ซื่อมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่ยอมกันละ? ซือถูเย้นถามหลีโม่ขึ้นว่า “เขาไม่ยอมเซ็นใบหย่า คุณคิดว่าเป็นเพราะเหตุผลใด?” หลีโม่ใบหน้าเคร่งขรึม “เขาทำได้แค่เพียงทอดทิ้งภรรยา ไม่สามารถเซ็นใบหย่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการหย่าร้างภายในตำหนักเฉิงเสี้ยง” ซือถูเย้นตอบอื้อกลับมา แล้วปล่อยตัวนาง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “เรื่องในตอนนั้น ก็ยังไตร่สวนไม่เสร็จสิ้น ภาพที่ส่งมอบให้กับเสด็จน้องผืนนี้ เปิ่นหวางอยากอยากส่งคืนให้เป็นเจ้าของที่แท้จริง” “อ๋องอานชิน......” หลีโม่ลังเลเล็กน้อย จึงยังไม่พูดอะไรออกมามากนัก “เพื่อแม่ของเจ้า เสด็จน้องถึงกับสาบานว่าจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต ตอนนี้ก็ยังคงโดดเดี่ยวเดียวดายเช่นเดิม เจ้าจินตนาการไม่ออกหรอกว่าเขาและแม่ของเจ้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแค่ไหน” ซือถูเย้นพูดขึ้น เฮ้ นี่เป็นเรื่องเจ้ารักนาง นางก็รักเขาอีกแล้ว น้ำเสียงของฮองเฮาที่แฝงไปด้วยความมีชีวิตชีวาและเย็นยะเยือกดังขึ้นมาอีกครั้ง “เรื่องครอบครัวของเจ้า เปิ่นกงไม่สมควรถาม ในเมื่อเจ้ามายินยอมที่จะเซ็นใบหย่า งั้น ก็กลับไปซะเถอะ” หลิงหลงฮูหยินถามขึ้นยังไม่อยากจะเชื่อว่า : “เหนียงเหนียงเพคะ เรื่องภาพผืนนี้ จะไม่สืบเสาะหาความจริงแล้วใช่ไหมเพคะ?” ฮองเฮาประหลาดใจ ทำไมใต้หล้านี้ถึงได้มีแม่นางที่โง่เขลาเบาปัญญาเช่านี้ด้วย? ตอนนี้นางยังไม่เข้าใจอีกหรือ? ว่ามันไม่ได้มีเรื่องการทรยศอะไรตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เฉิงเสี้ยงเสี้ยจึงได้ตำหนิขึ้น : “หุบปาก!” หลิงหลงฮูหยินถูกเขาตะคอกใส่ จึงเกิดความรู้สึกผิดในใจ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก ทำได้เพียงแค่คุกเข่าลงไปบนพื้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำเท่านั้น “กลับไปทั้งหมดเลย!” ฮองเฮาพูดขึ้นด้วยความเย็นชา หมุยเฟนนำกล่าวทูลลาพวกเขา หลี่ซื่อเดินนำออกไปจากตำหนัก หลิงหลงฮูหยินกลับอยากให้เฉิงเสี้ยงเสี้ยมาประคองเท่านั้นถึงจะออกไป เฉิงเสี้ยงเสี้ยที่ยืนอยู่ด้านนอกของตำหนัก ได้มองไปทางเงาของหลี่ซื่อในเวลาพลบค่ำ เสื่อสีดำของนางได้ปกคลุมแสงสว่าง แผ่นหลังตั้งตรง พร้อมกับเดินเหินอย่างสบายๆ นางเดินไปทีละก้าวๆ เดินจนพ้นขอบเขตสายตาของเขาไป เข้านึกถึงเรื่องที่ฮองเฮาถามนางขึ้นมาได้ เจ้าเสียใจไหม? นางก็ยังไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด นางเสียงใจไหม? ซือถูเย้นยืนมองเงาของพวกเขาอยู่ด้านหน้าของระเบียงทางเดิน ซือถูเย้นจึงพูดขึ้นว่า: “บางทีเขาอาจจะเสียใจเรื่องแม่ของเจ้าก็ได้ แต่ไม่นานเกินรอ จิตใจของเขา จะหนักแน่นยิ่งกว่าชื่อเสียงและยศถาบรรดาศักดิ์แน่นอน” หลีโม่ไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกมา เพราะรู้ว่าสิ่งที่ซือถูเย้นพูดนั้นเป็นความจริง รถม้าที่มีม่านผืนใหญ่ปกคลุมคนที่อยู่ในรถม้าคันหนึ่งได้วิ่งไปตามกระดานหิน เฉิงเสี้ยงเสี้ยหลับตาลง พยายามกดความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ แต่เห็นได้ชัดว่าหลิงหลงฮูหยินไม่คิดที่จะให้เขาได้เงียบสงบแต่อย่างใด นางเอาแต่พูดฉอดๆตลอดทางไม่หยุดหย่อน : “ทำไมถึงไม่ยอมรับข้อเสนอของฮองเฮาเหนียงเหนียงกัน? หากเจ้าเซ็นใบหย่า ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องเจอหน้าตาอย่างหลี่ซื่ออีกแล้ว หรือว่าเจ้ายังมีความรู้สึกต่อนางอยู่? หลายปีมานี้นางเย็นชาต่อเจ้า เจ้ายังมองคนผู้นี้ไม่ออกอีกหรือ? นางยึดแต่ความสามารถของตัวเอง มองอย่างยโสโอหัง ไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตาสักนิด บุรุษเหล่านี้ ก็ล้วนแล้วแต่มีภรรยาหลายคนทั้งนั้น นางมีสิทธิอะไรมาให้เจ้ามีนางแค่ผู้เดียว? นางคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?” เฉิงเสี้ยงเสี้ยลืมตาขึ้นทันใด จากนั้นก็ปรายตามองไปทางหลิงหลงฮูหยินด้วยความโกรธ ก่อนจะขยับไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว นางอ้าปากค้าง และยังคงพูดอย่างต่อเนื่องว่า :“เจ้าคิดว่าไม่ถูกต้องหรือ?” เฉิงเสี้ยงเสี้ยจ้องเขม็งไปทางนางด้วยความเกลียดชัง “ทำไม? ทำไมเจ้าต้องแอบขโมยภาพวาดของนางมาให้ข้าด้วย?” ความละอายแก่ใจที่มีต่อหลี่ซื่อเมื่อสักครู่ ได้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเคือง ในตอนที่เขานำภาพวาดให้นางดู นางรู้ว่าไม่ใช้ภาพวาดของหลิงหลง แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา นางต้องแอบหัวเราเยาะอยู่ในใจอย่างแน่นอน นางถึงได้ไม่สนใจเขาตั้งแต่นั้นจนถึงบัดนี้ เมื่อหลิงหลงฮูหยินเห็นท่าไม่ดีของเขา จึงได้ร้องห่มห้องไห้ฮือฮือออกมา “เรื่องนี้ มันก็หลายปีมาแล้ว เจ้ายังจะสืบเสาะหาความจริงอีกหรือ? ดูจากสถานะของโล่เยว่และฮ่าวหรานแล้ว เจ้าไม่ควรที่จะสืบหาความจริงอีก” เฉิงเสี้ยงเสี้ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมา “ซูหลิงหลง ทำไมเจ้าถึงได้ช่างโง่เขลาเช่นนี้นะ? เจ้าเอาภาพวาดของนางมาให้ข้า ไม่กลัวว่านางจะเปิดโปงเจ้าหรือ?” หลิงหลงฮูหยินจึงพูดไปร้องไห้ไปว่า :“นางกล้าหรือ? ภาพวาดผืนนี้ นางเป็นผู้ส่งมอบให้กับอ๋องอานชิน ทำไมนางถึงได้กล้ายอมรับละ? ถึงนางจะบอกว่าได้นำภาพวาดผืนนี้ส่งมอบให้กับอ๋องอานชิน เพื่อให้อ๋องอานชินตายใจก็ตาม แต่ใครจะไปรู้ว่ามีความหมายอื่นแฝงไว้หรือไม่? หากไม่มีความเห็นแก่ตัว ทำไมนางถึงไม่เปิดโปงข้าละ?”
已经是最新一章了
加载中