บทที่ 63 แทรกแซงอี๋เฟย
1/
บทที่ 63 แทรกแซงอี๋เฟย
พิษรักองค์ชายโฉมงาม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 63 แทรกแซงอี๋เฟย
บ๗ที่ 63 แทรกแซงอี๋เฟย นางสามารถมั่นใจได้ว่าในตำหนักจะต้องมีเรื่องราวที่คนนอกไม่อาจรับรู้ได้แน่ องครักษ์บอกว่านางแอบฟังอยู่ด้านนอก อี๋เฟยจึงได้ตกตะลึงขึ้นมา หลีโม่ไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในตำหนักว่ามีอะไรกันแน่ ตอนนี้อยากไป ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน องครักษ์มาถึงอย่างว่องไว ไม่กี่คนบิดนางลงไป ผลักเข้าสู่ในตำหนักด้านข้าง ประตูตำหนักปิดสนิท หลีโม่มองผ่านช่องประตู อารักขาในวังเฝ้าอยู่ด้านนอก มีเงาร่างหนึ่งออกไปอย่างรวดเร็ว คนผู้นั้นไม่ได้นำผู้ติดตามไปด้วยเลยสักคนเดียว หลีโม่จำเงาร่างนี้ได้ นั่นคือองค์รัชทายาทซือถูเย่ หัวใจของหลีโม่อึมครึม หรือว่าระหว่างอี๋เฟยและองค์รัชทายาท จะมีเรื่องบางอย่างที่ไม่อาจบอกผู้อื่นได้ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ อี๋เฟยไม่อาจให้นางย่างกรายทวารใหญ่แม้แต่ครึ่งก้าวได้อย่างง่ายดายแน่ๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ประตูตำหนักก็เปิดออก ท่าทีของหลีโม่แปรสภาพไป ถอยไปอยู่ด้านข้าง ยืนกำมือตัวตรง หญิงสาวนางหนึ่งสวมอาภรณ์หรูหราเดินเข้ามา เกษาของนางม้วนขึ้นลวกๆ หวีอย่างเรียบง่ายแต่ดูร่วงปอยลงมาอย่างเกียจคร้าน ติดกิ๊บลาดเอียง มวยผมคลายเล็กน้อย ผิวพรรณของนางขาวกว่าหิมะ เรียวหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะความโกรธหรือเพราะอย่างอื่น นางสาวเท้าเข้ามา นั่งลงบนเก้าอี้ ใช้แววตาถมึงทึงมองสำรวจหลีโม่ จากนั้นจึงถามเสียงกร้าว “เจ้าเป็นนางกำนัลของตำหนักใด ผู้ใดใช้ให้เจ้ามาตำหนักอี๋หลาน” ตอนที่นางอยู่ข้างกายของหลีโม่นั้น หลีโม่สามารถสูดดมกลิ่นหอมชนิดหนึ่งได้อย่างชัดเจน กลิ่นหอมแบบนี้ ตอนที่เข้าวังมาวันนั้นก็เคยได้กลิ่นจากเรือนกายขององค์รัชทายาทซือถูเย่ อีกประการ การแสดงออก สีหน้า แววตาของอี๋เฟย ล้วนสามารถมองออกถึงร่องรอยของความพิศวาสได้ หลีโม่เป็นหมอ ปฏิกิริยาทางกายภาพเหล่านี้ โกหกนางไม่ได้ หลังจากยืนยันการคาดเดาในอกแล้ว ในใจของหลีโม่ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินการซักถาม หลีโม่ก็ทำความเคารพอย่างเป็นพิธีการ “เรียนอี๋เฟยเหนียงเหนียง เป็นหมุยเฟยให้หม่อมฉันเข้ามาเจ้าค่ะ” “หมุยเฟย?” อี๋เฟยนิ่งงัน “นางให้เจ้าเข้ามา?” หลีโม่เอ่ยตอบคำถาม “เรียนพระนาง ใช่แล้วเจ้าค่ะ” หมุยเฟยมิได้เป็นปฏิปักษ์กับผู้คนในวัง และสามารถซื้อตัวคนในตำหนักของอี๋เฟยได้ ซ้ำยังรู้ความสัมพันธ์ส่วนตัวอี๋เฟยและใครบางคน นางปักใจเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างอี๋เฟยและหมุยเฟยจะต้องดีมากแน่ๆ “ในเมื่อหมุยเฟยให้เจ้าเข้ามา เหตุใดเจ้าต้องแอบฟังอยู่นอกตำหนัก” อี๋เฟยจ้องนางด้วยสายตาคมกริบ เสมือนกำลังศึกษาว่านางรู้มากเท่าใดกันแน่ หลีโม่รู้สึกมึนงงเล็กน้อย “ไม่ได้แอบฟังเสียหน่อยเจ้าค่ะ ตอนที่หม่อมฉันมา นอกตำหนักไร้คนเฝ้า หม่อมฉันจึงเดินเข้ามา นี่เพิ่งจะขึ้นบันได พี่ใหญ่องครักษ์นายนี้ก็เข้ามาเสียแล้ว” “พูดอีกอย่างคือ เจ้าเพิ่งจะขึ้นบันไดหิน?” อี๋เฟยเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ หลีโม่กล่าว “ใช่แล้ว เมื่อครู่พี่ใหญ่องครักษ์นายนั้นมองเห็นกับตา แม้นพระนางไม่เชื่อก็สามารถถามเขาได้เจ้าค่ะ” สีหน้าของอี๋เฟยผ่อนคลายลง ตอบรับเสียงหนึ่ง แต่ว่ายังหวนย้อนนึกอะไรขึ้นมา และเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “หม่อมฉัน? เมื่อครู่เจ้าพูดว่าหม่อมฉัน เจ้ามิใช่นางในวังหลวงหรือ เจ้าเป็นผู้ใดกัน” หลีโม่เอ่ยตอบคำถาม “หม่อมฉันนามว่าเสี้ยหลีโม่ เป็นหลานสาวของหมุยเฟยเหนียงเหนียง ประจวบกับเมื่อครู่หม่อมฉันจะไปถวายความเคารพแด่ฮองไทเฮา ดังนั้น หมุยเฟยเหนียงเหนียงจึงให้หม่อมฉันเข้ามาปราศัยอี๋เฟยเหนียงเหนียงด้วยพอดีเจ้าค่ะ” อี๋เฟยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เรียวหน้างงงวยเล็กน้อย “เสี้ยหลีโม่? เจ้าคือเสี้ยหลีโม่ที่ถอนงานแต่งอ๋องเหลียงคนนั้น?” “เป็นหม่อมฉันเองเจ้าค่ะ” หลีโม่เอ่ยตอบ อี๋เฟยสำรวจนาง เอ่ยอย่างเหยียดหยาม “ได้ยินว่าเจ้าถอนงานแต่งเป็นเพราะหมายตาองค์รัชทายาท?” หลีโม่แสร้งทำเป็นก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว หมุนกำไลสะกดจิต เพื่อปลดปล่อยพลังงาน รบกวนคลื่นสมองของอี๋เฟย ทำให้นางเดินตามความคิดของตนเอง การแทรกแซงนี้มิใช่การสะกดจิต แต่ว่าประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการสะกดจิต ระยะใกล้เช่นนี้ หลีโม่ควรจะสะกดจิตนาง แต่ว่า ในตำหนักยังมีคนอื่นๆ เมื่อครั้นอี๋เฟยถูกสะกดจิต ก็จะสามารถถูกคนอื่นมองออกได้ง่ายมาก จึงสามารถทำได้เพียงควบคุมแทรกแซงคลื่นสมองเท่านั้น เพียงแต่ว่า การรบกวนแทรกแซงคลื่นสมองทำได้นานที่สุดแค่สิบห้านาที หลังจากสิบห้านาทีแล้ว ประสิทธิภาพจะมลายไป ดังนั้น นางจำต้องออกจากตำหนักอี๋หลานก่อนที่อี๋เฟยจะรู้สึกตัว ก่อนที่อี๋เฟยจะเปล่งเสียงตะโกน นางหยุดฝีก้าวลง ปรนลมหายใจเฮือกหนึ่งอย่างเงียบๆ “นึกไม่ถึงว่าเรื่องฉาวโฉ่เช่นนี้แม้แต่พระนางก็รู้แล้ว หม่อมฉันชอบเขาแล้วจะมีประโยชน์อะไร เขาไม่ได้ชอบหม่อมฉันเลยสักนิด พระองค์ตรัสว่า ในพระทัยของเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว มิอาจปรายตามองหม่อมฉันได้เลยชั่วกัลป์” อี๋เฟยสดับตรับฟังน้ำคำนั้น รูม่านตาของนางก็หดย่อลง รูจมูกเปิดออกเล็กน้อย มุมปากยกขึ้น “พระองค์มีสตรีที่ชอบแล้ว เป็นผู้ใดกัน ตัวข้านั้นใคร่รู้ยิ่งนัก” หลีโม่ส่ายหน้าด้วยสีหน้าขมขื่น “ไม่ทราบ ดูท่าทางของเขาราวกับว่ามีความลับยากจะเอ่ยอยู่” “ความลับยากจะเอ่ย ความลับยากจะเอ่ยอันใด เจ้าซ่อนอะไรอยู่” อี๋เฟยกล่าวอย่างเย็นชา หลีโม่เข้ามาในความคิดที่นางสร้างขึ้นทีละขั้น ทว่าสามารถมองเห็นการต่อต้านของอี๋เฟย เป็นที่ชัดเจนว่าความตื่นตัวของอี๋เฟยผู้นี้สูงอย่างยิ่ง หากไม่แทรกแซง วันนี้นางต้องออกจากตำหนักอี๋หลาน ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย หลีโม่ส่ายหน้า ดวงตาผุดน้ำตาขึ้น “ในเมื่อพระนางรู้ว่าข้าถอนงานแต่งเพื่อองค์รัชทายาท ยังมีอะไรที่หลบซ่อนอีก หม่อมฉันไม่ทราบจริงๆ ก็ถูก ผู้ที่โดดเด่นเหมือนรัชทายาทเช่นนี้ ผู้ที่จะคู่ควรกับเขาทุกด้านเองจะต้องเป็นสตรีที่โดดเด่นด้วย จะเป็นหม่อมฉันได้เช่นไร หม่อมฉันเองก็ปล่อยวางแล้ว และดูว่าน้องสาวข้าจะสามารถได้รับหัวใจของพระองค์ได้หรือไม่แล้ว” ทันใดนั้นอี๋เฟยก็เงยหน้าขึ้นจ้องนาง “น้องสาวเจ้า?” หลีโม่พยักหน้า “ใช่แล้ว น้องสาวของหม่อมฉันเสี้ยหว่านเอ๋อร์เองก็ชอบพระองค์ ทั้งน้องสาวระยะนี้มักจะนัดพระองค์ออกไป ได้ยินว่าพระองค์เองก็มอบของดีๆ ให้แก่น้องสาวบ้าง หวังว่านางจะประสบความสำเร็จกระมัง” สีหน้าของอี๋เฟยนั้นแปรเป็นโหดเหี้ยมขึ้นมา “พระองค์มอบของดีๆ แก่น้องสาวเจ้า?” หลีโม่คิดเล็กน้อย “ต่างหูกำไลข้อมือ แล้วก็สร้อยคอปะการังแดง ใช่แล้ว น้องสาวเองก็มอบภาพวาดม้วนหนึ่งแด่พระองค์ด้วย” ทันใดนั้นหน้าของอี๋เฟยก็เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมา ช่วงเวลาที่หลีโม่ตรึกตรอง สิบห้านาทีก็ใกล้จะผ่านไปแล้ว นางอดจะร้อนรนขึ้นมาไม่ได้ ถ้าหากหลังสิบห้านาที อี๋เฟยรู้สึกตัวขึ้นมา จะต้องค้นพบว่าบทสนทนาของพวกเขามีปัญหาแน่นอน ทั้งยังจะสงสัยว่านางจงใจนำทางหัวข้อสนทนาและนำไปสู่บทสรุปว่าเมื่อครู่นางต้องเหลือบเห็นอะไรบางอย่างแล้ว คิดถึงตรงนี้ หลีโม่พลันกล่าวขึ้น “ใช่แล้ว พระนาง หม่อมฉันเกือบลืมเรื่องหลักไปสิ้น หมุยเฟยเหนียงเหนียงให้หม่อมฉันมาถวายความเคารพต่อพระนาง ยังให้หม่อมฉันทูลต่อพระนาง บอกว่านางอยากจะจัดงานเลี้ยงที่ตำหนักอี๋หลาน ทั้งหานักแสดงเข้าวังเพื่อร้องรำทำเพลง เรียนเชิญพระนางแต่ละท่านเข้ามารับชม” “จัดงานเลี้ยง? ยังเชิญนักแสดงเข้าวัง? นางจะทำอะไรกัน” อี๋เฟยไม่พอใจอย่างยิ่ง “ยามนี้ฝ่าบาทประชวรหนัก นางจะทำเสียงครึกโครมกลางวัง ให้ฮองไทเฮาทรงทราบ ใช่เรื่องหรือ” “พระนางตรัสว่าระยะนี้ในวังเงียบเหงาเป็นพิเศษ เนื่องจากพระประชวรหนักของฝ่าบาทอารมณ์ของทุกคนจึงไม่ดี ดังนั้นจึงต้องการมีเทศกาลเพื่อความบันเทิงครั้งยิ่งใหญ่เสียหน่อย อีกประการ ยังเรียนเชิญครอบครัวขุนนางเข้าวังมาเพลิดเพลินสังสรรค์อีกด้วย” หลีโม่แจกแจง “เหตุใดต้องเป็นตำหนักอี๋หลาน ที่ตำหนักเล่อชิงของนางมิได้หรือ” อี๋เฟยเอ่ยถาม ความคิดของนางถูกออกแบบโดยหลีโม่โดยสิ้นเชิง สถานการณ์เบื้องหน้า ผู้ใดก็ชัดเจน หมุยเฟยเป็นพี่น้องที่ดีของนาง แต่ว่า พวกนางต่างมีองค์ชาย เมื่อครั้นนางซึ่งเป็นพระมารดาขององค์ชายเจ็ดถูกวิจารณ์จากคณะขุนนาง องค์ชายเจ็ดก็พลอยจะสูญเสียอำนาจไปด้วย หลีโม่นิ่งงัน “เอ่อ พระนางมิได้เอ่ยอันใด หม่อมฉันจะรีบกลับไปทูลถามหมุยเฟยเหนียงเหนียง” “เจ้ารีบไปประเดี๋ยวนี้ บอกนางให้ทราบว่าจัดงานเลี้ยงที่วังของนาง มิต้องมาสร้างปัญหาในตำหนักอี๋หลานของตัวข้า ตัวข้าไม่ชมชอบความอึกทึก” อี๋เฟยเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าค่ะ หม่อมฉันจะไปประเดี๋ยวนี้” หลีโม่กล่าว อี๋เฟยจ้องนาง จากนั้นจึงเรียกคนๆ หนึ่งเข้ามา “ต้าเฉวียน เจ้าตามนางไปด้วย” องครักษ์เมื่อครู่นายนั้นเดินเข้ามา “ขอรับ”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 63 แทรกแซงอี๋เฟย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A