บทที่ 66 พี่สาวจะแก้แค้นแทนเจ้าเอง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 66 พี่สาวจะแก้แค้นแทนเจ้าเอง
บ๗ที่ 66 พี่สาวจะแก้แค้นแทนเจ้าเอง หลีโม่แอบกลับตำหนักฉางเซิง นางมิได้เข้าไปทางประตูพระตำหนัก แต่เป็นปีนกำแพงเข้ามาต่างหาก หยางมามากำลังเก็บสัมภาระอยู่ในห้องที่นางพักพอดี เห็นว่านางเข้ามาด้วยสภาพเลือดท่วมกาย ก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น ตอนที่จับจ้องเห็นว่าเลือดนั้นไม่ใช่ของนาง จึงปรนลมหายใจเฮือกหนึ่ง รีบปิดประตูห้องให้สนิทอย่างรวดเร็ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” หยางมามาเอ่ยถามอย่างร้อนรน หลีโม่ทรุดนั่งลงบนพื้น สองมือปิดหน้า น้ำตาไหลออกมาผ่านง่ามนิ้วของนาง นี่ก็เพียงพอต่อการทำให้หยางมามาตกอกตกใจแล้ว นางเองก็ไม่ถาม รีบออกไปรับอาภรณ์มาเปลี่ยนให้หลีโม่ในทันที ดึงหลีโม่ขึ้นมาพลางผลัดเปลี่ยนแก่นาง จากนั้นจึงนำอาภรณ์โชกเลือดของนางไปเผาจนมอด นางออกไปเอาน้ำมาเพื่อชำระคราบเลือดบนมือบนใบหน้าของหลีโม่ จากนั้นจึงกล่าว “คุณหนูใหญ่ ไม่ว่าเมื่อครู่จะเกิดอะไรขึ้น ท่านก็ไม่อาจย้ำคิดอีก ท่านต้องกลับมาร่าเริง มิเช่นนั้นคนที่จะต้องตายรายต่อไปก็คือท่านเอง” หลีโม่เช็ดหน้าเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นเยียบ “มามาวางใจ ข้าไม่เป็นไร” นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองไปยังใบหน้าซีดขาวที่อยู่ในกระจก นางกล่าว “มามา ท่านช่วยข้าประทินโฉมที ข้าจะไปถวายความเคารพแด่หมุยเฟยเหนียงเหนียง” หยางมามานิ่งงัน “ถวายความเคารพแด่หมุยเฟย?” “ใช่แล้ว ทำความเคารพครั้งนี้ จำเป็นจะต้องไปถวาย” น้ำเสียงของหลีโม่เสมือนน้ำแข็งที่ไหลลงมาจากภูเขาสูงชัน ปราศจากความอบอุ่นโดยสิ้นเชิง มีวิธีการบางอย่าง วันที่ล่วงเลยมานางไม่เคยงัดมาใช้ แต่ว่า วันนี้กลับจำเป็นต้องใช้ หยางมามาไปรับแป้งประทิน และผัดลงบนใบหน้านางอย่างแช่มช้า ประทินแป้ง วาดคิ้ว แต้มปาก เกลามันบนเล็บมือ หลีโม่เงียบงันเสียจนเหมือนรูปปั้นหิน ปล่อยให้หยางมามาเสริมแต่งตามสบาย หยางมามารู้ว่าหลีโม่จะทำอะไรบางอย่าง หลังจากประทินโฉมเสร็จ นางมองไปยังหลีโม่พลางกล่าวอย่างจริงจัง “คุณหนูใหญ่ หวังว่าท่านจะเข้าใจถึงสถานการณ์ของท่านในยามนี้ มีบางคน หากสามารถไม่ขัดใจ ก็พยายามอย่าได้ขัดใจ วันหน้ายังอีกยาวไกล” มามาเอ่ยเตือนหลีโม่ ตอนนี้นางไม่ได้มีชะตามากมายนัก หากแม้นยังจะยั่วยุคนที่ไม่จำเป็นต้องขัดใจ ก็จะนำความวุ่นวายอันไม่จำเป็นมาสู่ตนเองได้ หลีโม่เปิดประตู หันหน้ากลับไปยิ้มให้หยางมามา รอยยิ้มนี้ทำให้หยางมามานิ่งทื่อ ไม่ว่าจะเป็นนางที่เข้าวังหลวงมาในตอนแรกหรือเห็นตอนได้รับความต้อยต่ำในจวนเฉิงเสี้ยง ล้วนไร้การปรากฏรอยยิ้มที่สิ้นหวังขนาดนี้มาก่อน หลีโม่เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “มามา ท่ามกลางวังหลังแห่งนี้ ดูแล้วเหมือนว่าต่างสันติสุข แต่ว่า ความจริงกลับกลบซ่อนสิ่งปรกอยู่ มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกลางวังหลวง ต้องแก้ไขอยู่ในวังหลวงเท่านั้น” “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” หยางมาเอ่ยอย่างตกใจ หลีโม่หมุนกาย น้ำเสียงมาดมั่น “มามารอข้าอยู่ตรงนี้ หนึ่งชั่วยามให้หลัง ข้าจะกลับมาแน่นอน” ในตำหนักเล่อชิง อาฟากลับมาและรายงานว่าจับเสี้ยหลีโม่เอาไว้ไม่ได้ เป็นไปได้ว่านางจะไปหาฮองไทเฮาแล้ว เสี้ยเฉิงเสี้ยงกล่าวด้วยความโกรธ “ไม่ได้ความ ช่างไม่ได้ความนัก คนตั้งมากมายขนาดนั้นยังขวางผู้หญิงอ่อนแอเพียงคนเดียวไว้ไม่ได้ พวกเจ้ายังจะมีประโยชน์อะไร” อาฟาสังหารเสี้ยฮ่าวหรานแล้ว ในเชิงจิตวิทยานั้นมีใจแห่งความหวาดกลัวต่อเสี้ยเฉิงเสี้ยง ดังนั้นจึงก้มหน้าถูกดุด่า ไม่กล้าต่อปาก ทำเพียงก้มหน้ายืนตรงกำหมัดอยู่ข้างๆ “พระนางโปรดจงอภัย” หมุยเฟยรู้สึกโล่งใจจริงๆ สองวันมานี้ การตัดสินใจใดๆ ก็ล้วนทำไปด้วยความเร่งรีบ อันที่จริงนางคิดว่า เสี้ยหลีโม่ตายในวังหลวง อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เสี้ยห้วยจุนฝังใจจนเป็นบ้าไปแล้ว นางไม่สามารถบ้าเดือดไปกับเขาได้ “เอาเถิด เจ้าออกไปเสีย” หมุยเฟยกล่าว อาฟาเองก็ปรนลมหายใจ นึกถึงคนโง่นั่น ในใจก็สาปแช่งอย่างเหี้ยมเกรียมหนึ่งประโยค คนโง่ก็คือคนโง่ พระราชวังตั้งใหญ่โต แต่กลับไปเล่นอยู่ตรงนั้น ตายไปก็เป็นตราบาปเขา หมุยเฟยเอ่ยต่อเสี้ยเฉิงเสี้ยง “เอาล่ะ เจ้าเองก็ออกจากวังเสีย” เสี้ยเฉิงเสี้ยงเอ่ยอย่างไม่แยแส “สามารถลงมือได้อีกหรือไม่” บัดนั้นหมุยเฟยทรงกริ้วนัก “เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร เมื่อครู่มีการสกัดกั้นในวังหลวงก็อันตรายมากอยู่แล้ว เคราะห์ดีที่อยู่ละแวกตำหนักอี๋หลาน ไร้คนพบเห็น แม้นว่านางไปตำหนักฮองไทเฮา ตลอดทางเป็นพระตำหนัก ทั้งวังมีแต่คนทั้งนั้น เจ้าคิดว่ามีความเป็นได้หรือ” เสี้ยเฉิงเสี้ยงกล่าวอย่างเดือดดาล “เช่นนั้นจะให้นางซ่อนตัวต่อไปอย่างนี้?” หมุยเฟยตรัสอย่างเย็นชา “วันนี้นางกลับจวนแล้ว เจ้ามีโอกาสฆ่านางตั้งมากมาย” เสี้ยเฉิงเสี้ยงส่ายหน้า “ไม่สามารถลงมือในจวนได้ นางตายในจวน ข้าก็ไม่สามารถรอดพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยได้” “เช่นนั้นลงมือในวัง ข้าก็จะรอดพ้นจากผู้ต้องสงสัย? อี๋เฟยมิใช่คนโง่เขลา วันนี้เป็นต้นไป นางไม่อาจเชื่อข้าได้อีกแล้ว” หมุยเฟยโกรธกริ้วยิ่งนัก อุตส่าห์สร้างสัมพันธไมตรีกับอี๋เฟยตั้งหลายปีเพียงนั้น เชื่อมพันธมิตรกับนางอย่างยากลำบาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะพังลงมาในครานี้ เสี้ยเฉิงเสี้ยงมองไปยังนาง ในดวงตาไม่ได้มีแววแห่งความเคารพยำเกรงอีกต่อไป มีเพียงเย่อหยิ่งและผยอง “พระนาง ท่านก็ไปมาหาสู่กับอี๋เฟยให้น้อยลง อี๋เฟยไม่ง่ายดายนัก ท่านเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอี๋เฟย” หมุยเฟยโบกมือ “พอได้แล้ว เจ้ากลับไปเสีย” เสี้ยเฉิงเสี้ยงเสมองทั่วสารทิศแวบหนึ่ง “เสี้ยฮ่าวหรานเล่า?” หมุยเฟยกล่าว “เมื่อครู่เจ้าเพิ่งไล่เขาออกไปเล่นเองมิใช่หรือ” เสี้ยเฉิงเสี้ยงเอ่ยด้วยสีหน้าโกรธ “เจ้าเด็กโง่เง่า ทำให้ข้าเดือดร้อนตลอดเลยเชียว” หมุยเฟยรับสั่งให้นางในเข้ามา ขอให้นางไปตามหาเสี้ยฮ่าวหราน นางในเพิ่งจะออกไป หลีโม่ก็มาถึงพอดี อาฟามองเห็นหลีโม่ แววตาทอประกาย ในมือกำดาบยาวแน่น แต่กลับคลายลงอีกครั้ง ฆ่าคนในตำหนักเล่อชิง เขายังไม่ได้โง่ขนาดนั้น สายตาของหลีโม่ปราดสำรวจมองที่ใบหน้าเขาเบาๆ เล็กน้อย จากนั้นจึงเบือนหนี เอ่ยต่อนางในที่อยู่หน้าประตูตำหนัก “โปรดแจ้งหมุยเฟยเหนียงเหนียง บอกว่าเสี้ยหลีโม่มาทูลลา” นางในเหลือบมองนาง ก่อนกล่าว “เจ้ารอประเดี๋ยว” กล่าวจบ แล้วก็หมุนกายเข้าไปข้างใน หมุยเฟยได้ยินว่าหลีโม่มา ก็ประหม่าเล็กน้อย มองทางเสี้ยเฉิงเสี้ยง “นางรู้อะไรแล้วใช่หรือไม่” เสี้ยเฉิงเสี้ยงพูด “รู้แล้วจะอย่างไร” หมุยเฟยนึกๆ ดูก็จริง รู้แล้วจะอย่างไร ยังจะสามารถสร้างปัญหาในวังหลวงได้อีกเชียวหรือ “เจ้าไปซ่อนตัวก่อนเถิด” หมุยเฟยตรัส เสี้ยเฉิงเสี้ยงเอ่ยอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นต้องหลบ ข้าอยากได้ยินว่านางจะพูดอะไร อีกอย่าง ข้าปลอมตัวอยู่ นางอาจจะจำข้าไม่ได้” หมุยเฟยทำได้เพียงกล่าว “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า” นางนั่งลงบนเก้าอี้ รับสั่งให้หลีโม่เข้ามาในตำหนัก ม่านลูกปัดดังขึ้น ตัวคนยังไม่ได้เข้ามา หมุยเฟยรู้สึกถึงกลิ่นอายที่ผิดปกติ นางจ้องม่านลูกปัดเคลือบเงาสามสี ปรากฏใบหน้านิ่งๆ อันหนึ่ง ใบหน้าของนางถูกเคลือบทาประทินโฉมอ่อนๆ มีความซีดขาวราวกับโปร่งแสง ปลายคางเรียวเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อย แผ่รัศมีมาดมั่น นางเหลือบสายตาขึ้น ดวงตาดุจบ่อศักดิ์สิทธิ์ เงียบสงบเสียจนมองไม่เห็นระลอกคลื่นเลยสักเสี้ยว ในใจหมุยเฟยรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวเสี้ยวหนึ่ง การตระหนักข้อนี้ทำให้นางรู้สึกผวามาก เสี้ยหลีโม่เป็นคนประเภทที่ไม่แสดงออกเรื่อยมาในจวนเฉิงเสี้ยง ไม่พูดด้วยอารมณ์ความรู้สึกอะไร ก็แม้แต่อุปนิสัยยังอ่อนแอสุดจะทน ถึงแม้พูดว่าเข้าวังไม่กี่วันนี้ดูแล้วไม่ค่อยจะเป็นอย่างนั้นเท่าใด ทว่าก็ไม่เหมือนกับในวันนี้ เพียงแค่แววตาอย่างเดียว ก็ทำให้คนรู้สึกถึงกลิ่นมาคุเต็มเปี่ยม “หลีโม่เข้าเฝ้าหมุยเฟยเหนียงเหนียง” หลีโม่เดินเข้าไป ถอนสายบัวเล็กน้อย หมุยเฟยสงวนท่าที หัวเราะร่าเริง “เป็นหลีโม่มาแล้ว? ไม่ใช่ว่าไปทูลลาฮองไทเฮาหรอกหรือ” หลีโม่สบสายตานางโดยตรง “เดิมทีนั้นใช่ แต่ว่าเกิดเหตุสุดวิสัยบางอย่าง” “เหตุสุดวิสัย?” หัวใจหมุยเฟยเต้นโครมคราม “เหตุสุดวิสัยอะไร” หลีโม่เหลียวมองด้านข้างเล็กน้อย เสี้ยเฉิงเสี้ยงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ถึงแม้จะปลอมตัวอยู่ แต่ว่า ไม่สามารถอำพรางบุคคลใดได้เลย หลีโม่กระตุกริมฝีปากขึ้น “บิดาก็อยู่?” เสี้ยเฉิงเสี้ยงคิดไม่ถึงว่านางจะมองออกในปราดเดียว ก่อนแค่นเสียงหนึ่งออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ยังรู้ว่าข้าคือบิดาของเจ้า?” น้ำเสียงหลีโม่ราบเรียบและเป็นธรรมชาติ “ท่านเป็นบิดาของเสี้ยหลีโม่เสมอ” 
已经是最新一章了
加载中