บทที่ 68 ฟื้นแผนปองร้าย   1/    
已经是第一章了
บทที่ 68 ฟื้นแผนปองร้าย
บ๗ที่ 68 ฟื้นแผนปองร้าย หลีโม่กลับถึงจวน ก็เป็นเวลาใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว หลังจากสังหารอาฟาแล้ว นางไปทูลลาฮองไทเฮาที่ตำหนัก เป็นธรรมดา ที่จะถูกส่งตัวภายใต้การคุ้มครองของหยางมามาและองครักษ์ ฮองไทเฮาตรัสกับนางพักหนึ่ง ก่อนจะให้นางออกมา อ๋องเหลียงกลับจวน นางจึงต้องตามไปหาอ๋องเหลียงเสียก่อน จัดแจงสถานที่แก่อ๋องเหลียงอย่างดี และกำชับหมอหลวงที่อยู่หน่วยดูแลร่วมกันถึงเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง จึงสามารถกลับจวนเฉิงเสี้ยงได้ ดังนั้น นางจึงให้หยางมามาส่งเย็นเอ๋อร์กลับไปก่อน หลังจากเข้าสู่จวนเฉิงเสี้ยง สีท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดสนิทลง ว่าตามกฎเกณฑ์ นางกลับออกมาข้างนอกก็เพื่อมาทำความเคารพแด่นายหญิงแก่ แต่ว่า นางกลับตรงดิ่งไปลานเสี้ยจื้อเสียดื้อๆ หลี่ซื่อเห็นนางกลับมา จึงกอดนางเอาไว้หลวมๆ “ลำบากแล้ว” หลีโม่กอดหลี่ซื่อเอาไว้ ความขมขื่นแผ่กระจายอยู่ในดวงใจ ความเจ็บปวดก็ทำให้หัวใจสั่นระรัว ก่อนกล่าวด้วยความเหนื่อยล้าเกินทน “มารดา ฮ่าวหรานตายแล้ว” หลี่ซื่อสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ผลักหลีโม่ออกและมองที่นาง “เจ้าว่าอะไรนะ” หลีโม่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันนี้ให้หลี่ซื่อรับรู้ หลังจากฟังจบหลี่ซื่อก็ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นน้ำตาก็ไหลพรากตามมา เด็กคนนั้น เป็นเด็กดียิ่งนัก เขาเป็นผู้ที่บริสุทธิ์เพียงคนเดียวในจวนเฉิงเสี้ยงอันโสมมแห่งนี้ แต่กลับสูญสิ้นไปเยี่ยงนี้? หลี่ซื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองหลีโม่ “อยู่ในวังยังกล้าลงมือ? พวกนางบังอาจเพียงนี้? อาฟาเป็นคนของหมุยเฟย เขาไม่ได้มองให้ดีก็ยิงลูกศร ก็หมายความว่ามีคนสั่งให้สังหาร แต่ว่า หมุยเฟยเป็นคนรอบคอบเสมอมา เป็นไปไม่ได้ว่าจะทำเช่นนี้” “เสี้ยเฉิงเสี้ยงอยู่ในตำหนักของหมุยเฟยด้วย” หลีโม่กล่าวอย่างเย็นชา ดวงตาของหลี่ซื่อผุดแววเย็นชา “เขาเข้าวังแต่เช้ามืด ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อจะฆ่าเจ้า” “กลับฆ่าฮ่าวหรานโดยไม่เจตนาเข้าให้แล้ว” ดวงใจของหลีโม่รู้สึกผิดเกินคำบรรยาย หลี่ซื่อกุมมือของนางเอาไว้ “หลีโม่ อย่าโทษตัวเอง มิใช่ความผิดเจ้า” หลีโม่เห็นฮ่าวหรานตายไปกับตา อารมณ์เศร้าและขมขื่นนี้ ไม่สามารถกำจัดไปได้เลยสักนิด “ใช่แล้ว พิษของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้ารู้ว่าพวกเขาวางยาพิษเจ้า” จู่ๆ หลี่ซื่อก็นึกถึงเรื่องดังกล่าวขึ้น และเอ่ยถามอย่างรีบร้อน หลีโม่กล่าว “หมอหลวงสั่งยาต้มแก้พิษให้ข้าแล้ว ข้าดื่มมาสองวัน ดีขึ้นมากแล้ว แค่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดยาอีกสักสองสามวันก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว” “เช่นนั้นก็ดี จากนี้ไปอยู่ในจวนก็ระวังสักหน่อย พวกเราสองแม่ลูกล้วนต้องระมัดระวังหน่อย” หลี่ซื่อกล่าว หลีโม่นั่งลง พูดในใจว่า ต่อให้ระวัง ก็หลีกไม่พ้นการคำนวณแผนแบบระดมหัวคิดได้ เพียงแต่ ในช่วงเวลาที่ทำการรักษาอ๋องเหลียงนี้ นางยังคงปลอดภัยได้ชั่วคราว อย่างน้อยที่สุด ต่อให้มีแผนการ ก็มิกล้าจะกระทำการอย่างอล่างฉ่างได้ปานนั้น กว่าเสี้ยเฉิงเสี้ยงจะกลับไปถึงจวนอ๋องก็ช่วงเย็น หลังจากเขาออกจากวัง ก็ไปดื่มเหล้าที่โรงเตี๊ยม ดื่มจนเมาหัวราน้ำจึงค่อยกลับมา เพิ่งถึงจวนอ๋องทางฝั่งของนายหญิงแก่ก็มาบออกล่าว ให้เขาไปหา เขาไม่ได้ล้างหน้า ก็ตรงเข้ามาเลย หลิงหลงฮูหยินเหลือบมองว่าไม่มีเสี้ยฮ่าวหราน ก็คิดเอาเองว่าเขาเล่นสนุกอยู่ที่ลาน จึงไม่ได้สนใจเขา รีบร้อนตามเสี้ยเฉิงเสี้ยงไป นายหญิงแก่นั่งอยู่หน้าระเบียง แสงไฟหน้าระเบียงสะท้อนใบหน้าของนางให้ดูเคร่งขรึม นางหันลูกประคำจีนในมือ พลางเงยหน้าขึ้น หรี่ดวงตาเสมองเสี้ยเฉิงเสี้ยง พลางกล่าวอย่างไม่ปรีติ “เข้าวังตั้งแต่เช้ามืด เพิ่งกลับมาเอาป่านนี้ กลับมาก็เอาเถิด เวลานี้ยังดื่มจนเมามายขนาดนั้น ไม่รู้ความเลยสักนิด” กล่าวจบ ก็มองทางหลิงหลงฮูหยินแวบหนึ่งด้วยความโกรธ “เจ้าก็เช่นกัน ไม่รู้จักเวทนาสามีเลยสักนิด ไฉนจึงไม่ไปต้มชาร้อนแก้เมาสักกามาให้เขา” หลิงหลงฮูหยินเอ่ยอย่างตัดพ้อ “มิใช่ว่ายังมิทันจะได้ต้มก็ถูกท่านเรียกตัวเข้ามาแล้วหรอกหรือ” นายหญิงแก่มองใบหน้าที่บวมเหมือนหัวหมูของนางก็พลันโกรธ เรื่องน่าอายที่นางก่อในวังได้แพร่สะพัดกลับมานานแล้ว โกรธเสียจนนางคว่ำแก้วชา “เอาล่ะ เจ้าไปรออยู่ด้านข้าง” นายหญิงแก่เอ่ยเสียงกร้าว ตอนนี้หลิงหลงฮูหยินเองก็ไม่กล้าทำผิดอีกครั้ง ทำได้เพียงถอยไปยืนอยู่ข้างๆ เงยหน้าปราดมองนายหญิงแก่ด้วยความชิงชังเป็นครั้งคราว นายหญิงแก่มองเห็นก็แสร้งเป็นมองไม่เห็น ผู้หญิงไร้รู้ผิวเผินพรรค์นี้ แม้นไม่ใช่ว่าอยู่ในฐานะที่ให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งหญิงหนึ่งให้แก่ตระกูลเสี้ย คงไม่ผ่อนปรนให้สักน้อย “ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของเจ้ากลับมาแล้ว แต่ว่าวางท่าใหญ่โตยิ่งนัก แม้กระทั่งควรจะมาทำความเคารพต่อคนแก่เยี่ยงข้ายังไม่เต็มใจ วันนี้เจ้าเข้าวังหลวง ก็ทำอะไรไม่สำเร็จเลยสักเรื่อง?” นายหญิงแก่เอ่ยเสียงดุดัน เสี้ยเฉิงเสี้ยงมักจะยำเกรงมารดาแก่ผู้นี้เรื่อยมา ได้ยินนางตำหนิ ก็นึกถึงวันนี้ที่ถูกลูกสาวแท้ๆ ข่มขู่ ยิ่งรู้สึกท้อแท้เข้าไปใหญ่ ความท้อแท้เช่นนี้ไม่นานก็แปรเป็นความโกรธ เขากัดฟันกล่าว “นังคนแพศยามันเจ้าเล่ห์นัก แม้แต่หมุยเฟยเหนียงเหนียงยังเก็บนางไม่ได้” “หลายสิบปีมานี้ นางหดตัวอยู่ในจวนเรื่อยมา จู่ๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ เดิมข้าก็สงสัยอยู่แล้ว ผู้หญิงอย่างหลี่ซื่อจะคลอดบุตรีที่เอาแต่มุดหัวอย่างนั้นได้อย่างไรกันเชียว? ตอนนี้ย้อนคิดดู กลัวแต่ในใจลึกๆ เก็บงำทนรอวันจะปะทุเรื่อยมาเท่านั้นเอง ตระกูลเสี้ยของข้าไม่อาจพ่ายแพ้ในมือของคนเช่นนั้นได้ เจ้าพิจารณาควรทำเยี่ยงไรเถิด” ทำไมเสี้ยเฉิงเสี้ยงจะไม่คิดอยากทำลายเสี้ยหลีโม่เล่า? “แต่ว่า มารดา ครั้งก่อนวางพิษนางก็ยังไม่ตาย นี่มันแปลกพิศดารเกินไปแล้ว แล้วก็ นางเข้าวังแล้วเหตุใดจึงได้รับการโปรดปราน แม้แต่หมุยเฟยยังไม่คาดโทษนางเลยสักเรื่อง” นายหญิงแก่ปรายตามองหลิงหลงฮูหยินเบาๆ “ความล้มเหลวในการวางพิษครั้งก่อนเป็นเพราะตัวบุคคล หากไม่ใช่นางบอกว่าต้องการจะชำระนังคนแพศยานั่นสักแอะ ลดทอนปริมาณยาพิษลงแล้วล่ะก็ ป่านนี้คงวอดวายไปตั้งนานแล้ว” หลิงหลงฮูหยินได้ยินน้ำคำของนางแฝงแววกล่าวโทษ จึงพูดด้วยความตัดพ้ออย่างห้ามไม่ได้ “ใครจะรู้ว่าหยางมามาจะมา อีกอย่าง ตอนนั้นมารดาเองก็เห็นชอบด้วย” แววตานายหญิงแก่ผุดแววชั่วร้าย “อย่างไรก็ตาม อ่อนข้อต่อศัตรูก็มักถูกตอบโต้กลับ ความผิดพลาดประการเช่นนี้ต่อไปอย่าได้ทำซ้ำอีก นอกเสียจากจะไม่ทำเลย หรือว่าครั้นทำแล้วต้องเอาให้ถึงที่สุด” สองสามวันมานี้เสี้ยเฉิงเสี้ยทำใจดีสู้เสือ แต่ว่าในใจของเขาไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดีแล้ว ทุกอย่างล้วนไม่ได้อยู่ในกำมือของเขา ปัจจุจันเห็นมารดาแล้ว ทั้งยังเห็นมารดาแข็งกระด้างเยี่ยงนี้ พลันผุดหัวใจแห่งความพึ่งพิงขึ้น “มารดา โดยความเห็นท่าน ปัจจุบันควรทำเช่นไร” นายหญิงแก่ส่งเสียงครวญครางเล็กน้อย พลางกล่าว “ตอนนี้ฮองเฮาส่งหยางมามามาเฝ้าดูที่จวน เป็นอันว่าจะแตะต้องเสี้ยหลีโม่ไม่ได้เด็ดขาด แต่ว่าฮูหยินของเจ้านั่น เจ้าดูเองเถิด ตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้าฉาวโฉ่แล้ว นอกจากจะพิสูจน์ได้ว่านางขโมยคนจริงๆ จึงจะสามารถลบตราบาปของเจ้าได้” “ไฉนลูกชายจึงไม่ทราบ แต่ว่า...” ในใจเสี้ยเฉิงเสี้ยงไม่พอใจ เดิมทีคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ความผิดแบบสมมติ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นจริง เขารู้สึกว่าตนเองถูกหลอก ถูกคนปฏิบัติเหมือนเป็นคนโง่อย่างสมบูรณ์ เขาสามารถทุบตีหลี่ซื่อเหมือนเป็นนักโทษ แต่ว่านางมิอาจเป็นนักโทษได้อย่างแท้จริง ความคิดที่ไร้ยางอายแบบนี้ มาจากตำแหน่งอันสูงส่งตั้งหลายปีขนาดนี้ของเขา กลายเป็นคนหยิ่งยโสจนเคยตัวเสียแล้ว หลิงหลงฮูหยินก้าวไปข้างหน้าพลางเสนอแผน “มารดา เช่นนั้นยังสามารถใช้ประโยชน์จากเฉินเอ้อได้สักหน่อยเจ้าค่ะ” “เฉินเอ้อ?” นายหญิงแก่ขมวดมุ่นคิ้วเล็กน้อย “คนผู้นั้นรู้กลอุบายของพวกเราเมื่อคราก่อนเรียบร้อยแล้ว เกรงว่าจะไม่สามารถใช้งานได้แล้ว” หลิงหลงฮูหยินกล่าว “คราก่อนพวกเรามิได้พูดกับเขาให้ความเข้าใจ แต่ว่าครั้งนี้ ขอเพียงมอบเงินให้เขาสักหน่อย รับประกันว่าเสร็จเรื่องแล้วเขายังปลอดภัยไร้เคราะห์ เขาจะต้องตอบตกลงเป็นแน่ คนผู้นั้นรับใช้สะใภ้มาหลายปี สะใภ้ทราบดีว่าเขาละโมบอย่างที่สุด” นายหญิงแก่มองทางเสี้ยเฉิงเสี้ยง “เจ้าว่าอย่างไรเล่า” เสี้ยเฉิงเสี้ยงนึกถึงว่าเฉินเอ้อมักจะมาที่จวน อันที่จริงก็เป็นตัวเลือกบุคคลที่ดีที่สุด เขามองยังหลิงหลงฮูหยิน “เรื่องนี้ให้เจ้าไปเจรจา ครั้งนี้จะเกิดช่องโหว่ไม่ได้อีกแล้ว” หลิงหลงฮูหยินนึกอยากแก้ไขข้อผิดพลาด เห็นว่าเขาตอบตกลง จึงกุลีกุจอกล่าว “เป็นไปไม่ได้ ข้าจะต้องพูดกับเขาใจชัดเจนแจ่มเจ้งเป็นแน่” นายหญิงแก่ตอบรับหนึ่งเสียง จู่ๆ พลันเอ่ยถาม “ใช่แล้ว เสี้ยฮ่าวหรานเล่า? กลับมาแล้วไฉนจึงไม่มาคำนับข้าเลย”
已经是最新一章了
加载中