บทที่ 73 นางทำไม่ได้หรอก   1/    
已经是第一章了
บทที่ 73 นางทำไม่ได้หรอก
บ๗ที่ 73 นางทำไม่ได้หรอก ในระหว่างนี้ มีคนหนึ่งมา สวมใส่ชุดลายหลามสีดำ มีมงกุฎคาน ที่เอวคาดเข็มขัดหยก บนหน้าผากมีรอยแผลเป็นอยู่ที่คิ้วซ้ายรอยหนึ่ง ใบหน้างดงามหล่อเหลา สายตาราวกับสายฟ้า หลังจากที่เขามองตากับอ๋องอานชินแล้ว ก็ยืนอยู่ข้างๆ หลีโม่ไม่ได้สังเกตเห็นเขา กำลังตั้งใจใช้เข็มเย็บลงบนร่างของซือถูเย้นทีละเข็มๆ บนหน้าผากขอนางมีเหงื่อ ซือถูจิ้งช่วยเช็ดให้นาง ราวกับลูกสะใภ้คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ การเย็บแผลผ่านไปหลายชั่วโมง ทักษะฝีมือเก่งขนาดไหน ต่างไม่อาจต้านทานเครื่องมือที่ล้าหลังได้ ในขณะที่หลีโม่ลุกขึ้นมา ร่างกายก็ไม่ไหวแล้ว ข้างหน้ามืดวูบลง จนแทบจะเป็นลมล้มลงกับพื้น คนที่มาเมื่อสักครู่ยื่นมือมาประคองหลีโม่ไว้ พร้อมพูดขึ้นเบาๆ “ ระวังด้วย ” หลีโม่เย็บแผลจนมือสั่นไปหมด มือที่จับแขนคนคนนั้น สั่นอยู่ตลอดไม่หยุด สีหน้าของนางซีดขาวๆเทาๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเขา ก็นึกขึ้นได้ว่าชายหญิงไม่ถูกเนื้อต้องตัวกัน จึงรีบปล่อยออกจากเขาทันที ซือถูจิ้งเอาเก้าอี้มาให้หลีโม่นั่ง พร้อมทั้งยื่นน้ำให้ด้วยความห่วงใย จากนั้นก็มองหลีโม่ทั้งน้ำตา “ เจ้าเจ็ด เป็นอย่างไรบ้าง ” หลีโม่ดื่มน้ำจนหมดแก้ว วางแก้วน้ำลงสอดมือประสานกัน พยายามควบคุมการสั่น เมื่อฟังคำถามของซือถูจิ้งแล้ว ก็รู้ได้ว่าทุกคนต่างก็รอคำตอบของนาง เขาเป็นอย่างไรบ้าง นางก็ไม่รู้ หันกลับไปมองเขาเล็กน้อย เขาสงบนิ่งราวกับตุ๊กตาผุพังตัวหนึ่ง ลมหายใจก็แทบจะมองไม่เห็น “ อีกครึ่งชั่วโมง กระตุ้นจุดฝังเข็มให้เขา ” นางไม่อยากอธิบายว่าต้องฝังเข้าไปในไขกระดูกด้านหลัง กระตุ้นเซลล์เเม็ดเลือดให้ผลิตเลือด บอกว่ากระตุ้นจุดฝังเข็ม พวกเขาก็จะไม่ถามต่ออีก ซือถูจิ้งถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ แล้วซือถูเย้นจะตายไหม ” หลีโม่หันมองนาง ขยับๆปาก แต่กลับไม่รู้จะตอบอย่างไร อาจจะ โอกาสที่จะตายสูงมาก แต่ว่า นางพูดไม่ได้ นางไม่กล้าพูด และไม่อยากจะเชื่อด้วย นางอยากบอกกับตัวเอง ถึงแม้ว่าซือถูเย้นจะเป็นสามีในอนาคตของนาง แต่ว่ายังไม่มีราชโองการลงมา เรื่องนี้ยังไม่ได้กำหนดแน่ชัด ทั้งสองคนไม่มีความสัมพันธ์กัน ซือถูเย้นจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนางเลยแม้แต่นิดเดียว อย่างมาก ก็แค่สูญเสียที่พึ่งไป แต่ว่านางยังสามารถต่อกรกับเฉิงเสี้ยงเสี้ยได้ นางมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ “ เซียวโธ่ คราวนั้นที่เจ้ารบชนะมา ฮ่องเต้ประทานโสมพันปีให้เจ้าไม่ใช่หรือ ” ฮ่องอานชินเห็นหลีโม่ตอบคำถามซือถูจิ้ง จึงเอ่ยถามขึ้น เซียวโธ่ ก็คือชายคนที่ใส่ชุดลายหลามมาเมื่อกี้ อ๋องอานชินพูดแบบนี้ เขาเงยหน้าขึ้นแบบงงๆ “ ใช่ อยู่ที่ตำหนักโหว ยังไม่ได้กิน ” เขาหันเดินออกไปทันที พร้อมกับพูด “ ข้าจะให้คนกลับไปเอา ” ซูชิงเอ่ย “ หม่อมฉันจะขี่ม้ากลับไปเอา ” พูดจบ ก็เดินตามออกไปทันที ซือถูจิ้งถามหลีโม่ “ โสมช่วยได้ไหม ที่ตำหนักของข้ามีโสมเป็นกอง บัวหิมะ และยังมียาสมุนไพรที่ล้ำค่าอีกมากมาย ” หลีโม่ตอบ “ โสมมีประโยชน์ ช่วยเพิ่มเลือดลม ” ดีที่สุดคือต้องให้เลือด ในเมื่อไม่มีวิธีให้เลือด ก็ต้องทำได้เพียงแค่ใช้ยา เซียวโธ่กลับมา ยืนอยู่ข้างเตียง กำลังมองซือถูเย้นอยู่ สีหน้าคร่ำเครียดมาก รอยแผลเป็นที่บนหน้าผากจนถึงคิ้วรอยนั้นขมวดขึ้น ใครเห็นแล้วเป็นต้องรู้สึกกลัว แต่กลับยิ่งดูน่าเกรงขามมากขึ้นไปอีก “ มีกี่คนที่ได้รับบาดเจ็บ มีคนตายไหม ” อ๋องอานชินเดินเข้ามาถาม เซียวโธ่เอ่ยขึ้น “ ตายหกคน ที่เหลือทั้งหมดต่างได้รับบาดเจ็บ ตอนที่ข้าไปถึง พวกเขาก็ถูกซุ่มโจมตีแล้ว ” “ ช่างโหดเหี้ยมนัก ” อ๋องอานชินพูดไปกัดฟันไป เซียวเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ มีหนอนบ่อนไส้ ” ฮ่องอานชินตกใจ “ หนอนบ่อนไส้หรอ ” “ ถ้าไม่มีหนอนบ่อนไส้ การเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะถูกพบได้อย่างไร การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการกระทำที่กระทันหัน นอกจากคนที่เข้าร่วมไม่กี่คนแล้ว คนอื่นๆไม่มีใครรู้ ” “ เจ้าหมายความว่า ” น้ำเสียงอ๋องอานชินเบาลง “ คนที่บาดเจ็บข้างนอก มีคนเป็นหนอนบ่อนไส้หรอ ” “ ไม่ใช่ หนอนบ่อนไส้ตายแล้ว ” น้ำเสียงสายตาเซียวโธ่เย็นชา “ ข้าตรวจค้นบนตัวของผู้ตายแล้ว หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่พื้นรองเท้าสลักตัวอักษร คำว่าเหลียงเหมือนกับศัตรูที่เราเจอที่ภูเขาเหมียว ” หลีโม่ได้ยินดังนี้ เงยหน้าขึ้นมองเซียวโธ่ด้วยความตกใจ คำว่าเหลียง? ไม่ใช่คนของอ๋องเหลียงหรอกหรอ แต่ว่าเวลานี้อ๋องเหลียงยังป่วยอยู่ อีกทั้งความสัมพันธ์ของซือถูเย้นกับอ๋องเหลียงก็ดีต่อกันมาก ทำไมอ๋องเหลียงต้องรอบฆ่าซือถูเย้นด้วย อ๋องอานชินเอ่ยขึ้น “ ตายแล้ว ก็สืบต่อไม่ได้ ” “ ครั้งนี้พวกมันทำคนของรับบาดเจ็บสาหัด ทั้งยังทำให้ท่านอ๋องบาดเจ็บ ต้องฆ่าไส้ศึกปิดปากอย่างแน่นอน ” เซียวโธ่พูด อ๋องอานชินไม่พูดอะไร ขมวดคิ้วมองซือถูเย้นด้วยความกังวล ซือถูจิ้งเฝ้าซือถูเย้น คอยเช็ดหน้า ถูมือให้เขาอยู่ตลอด และปากพรางพูด “ มือนี้ต้องทำให้อุ่น มือเย็นๆทำให้คนกลัวนะ ” หลีโม่นั่งขดตัวกอดขาอยู่บนเก้าอี้ ท่านี้ทำให้นางรู้สึกปลอดภัย นางไม่สนใจประเด็นเรื่องงามหรือไม่งามแล้ว การรอเป็นสิ่งที่ยากลำบากที่สุด เพิ่งเย็บแผลเสร็จ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถฝังเข็มที่หลังได้ จึงทำได้แต่เพียงรอ ทุกคนต่างคิดว่าหลีโม่จะทำอะไรต่อไปอีก ดังจึงรอนางอยู่ตลอดเวลา แต่กลับเห็นนางนั่งขดตัวอยู่บนเก้าอีก ไม่ทำอะไรเลย ทุกคนจึงรู้ว่าตอนนี้ไม่มีอะไรที่ทำได้อีกแล้ว เซียวโธ่มองหลีโม่ แล้วถามขึ้นด้วยความร้อนใจ “ ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว จะดีหรือร้าย เจ้าพูดอะไรหน่อยสิ ” หลีโม่เงยหน้าขึ้น รู้สึกว่าชีวิตของคนที่อยู่ตรงหน้าช่างเบาบางนัก คนเดียวแต่มี.... นางไม่ตอบอะไร จึงหยิบเข็มขึ้นมา ทิ่มเข้าไปที่ด้านหลังของใบหูตัวเองหนึ่งที เซียวโธ่เห็นนางทำเป็นเช่นนี้ ก็แปลกประหลาดใจเป็นอย่างมาก กำลังคิดจะถามต่อ อ๋องอานชินดึงเขาออกไป แล้วพูดขึ้น “ ให้นางพักบ้าง หลายวันมานี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย นางเหนื่อยมากแล้ว “ เหนื่อยก็ต้องช่วยคนสิ ” เซียวโธ่รู้สึกว่าอ๋องอานชินพูดแบบก็ไม่ถูก คนยังนอนอยู่บนเตียงจะเป็นหรือตายก็ยังไม่รู้ นางเหนื่อยแล้วจะเป็นอะไรไป ตอนที่เขาสั่งให้คนไปบอกอ๋องอานชิน อ๋องอานชินได้ฟังเรื่องราวแล้ว ก็ยืนหยัดจะต้องกลับไปพาเสี้ยหลีโม่มา ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ เขาคงเข้าวังไปขอพระราชานุญาตพาหมอหลวงออกมาแล้ว เห็นทีแบบนี้ ต้องกลับไปพาหมอหลวงมา ดังนั้น เขาพูดกับอ๋องอานชิน “ กระหม่อมขอแนะนำ ให้ไปพาหมอหลวงมาเถอะ สถานการณ์วิกฤติมาก ” อ๋องอานชินส่ายหน้า “ ไม่มีประโยชน์ ถ้าแม้แต่นางยังไม่มีหนทาง หมอหลวงยิ่งช่วยอะไรไม่ได้ ” เซียวโธ่รู้สึกน่าขำยิ่งนัก “ ทักษะการแพทย์ของนางจะเก่งกว่าหมอหลวงได้อย่างไรกัน ” “ นางเป็นคนช่วยชีวิตเฮ่าเอ๋อไว้ ” อ๋องอานชินพูดอย่างสุขุม “ แล้วอย่างไร ” สีหน้าเซียวโธ่ค่อนข้างดูถูกเหยียดหยาม “ โรคกับการบาดแผลไม่เหมือนกัน นางอาจจะแค่บังเอิญรู้จักวิธีรักษาโรคนั้นก็ได้ ทักษะของหมอทั้งประเทศ จะมีสักกี่คนที่จะเก่งไปกว่าหมอหลง หรือต่อให้มี ก็คงไม่ใช่เด็กคนหนึ่งที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ” คำพูดนี้มีความดูถูกแอบแฝงอยู่ ดีที่หลีโม่หยุดการได้ยินไว้ ในหัวคิดแต่เรื่องที่จะฝังเข็มอีกสักพัก ใช้เข็มแทงเข้าไปที่ไขกระดูก กระตุ้นการสร้างเลือด เป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพียงแค่ไม่ระวังไปโดนเส้นประสาทไขสันหลังเข้า ต่อให้มีชีวิต ก็เกรงว่าจะลุกขึ้นมาไม่ได้อีกต่อไป สำหรับซือถูเย้นแล้ว นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าความตาย อีกอย่าง บอกไม่ได้ว่าครั้งเดียวจะสำเร็จ หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง หนึ่งวันทุกสี่ชั่วโมง ก็ต้องฝังหนึ่งครั้ง จากค่อยตามด้วยยาไหลเวียนเลือด ถึงจะมีโอกาสรอดได้ นางครุ่นคิดหาวิธีการของสมัยโบราณที่เคยอ่านมาต่างๆนาๆมากมาย แต่ว่าสำหรับคนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ อีกทั้งยังเป็นการบาดเจ็บภายนอก นางไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้วจริงๆ อีกอย่าง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ แผลติดเชื้อ 
已经是最新一章了
加载中