บทที่ 80 สืบค้นประวัติของเขาให้ถึงที่สุด   1/    
已经是第一章了
บทที่ 80 สืบค้นประวัติของเขาให้ถึงที่สุด
บ๗ที่ 80 สืบค้นประวัติของเขาให้ถึงที่สุด ทุกคนมองเห็นหลีโม่ผลักกุ้ยไท่เฟยโดยที่ไม่คาดคิด แล้วต่างพากันตกตะลึง อ๋องอานชินจึงรีบเข้ามาพยุงนางทันที“ไม่เป็นไรใช่มั้ย?ไม่ได้ล้มลงไปใช่หรือมั้ย?” กุ้ยไท่เฟยโมโหจนหน้าเปลี่ยนสี ตลอดทั้งชีวิตนางยังไม่เคยถูกรังแกแบบนี้เลย ความโกรธแค้นครั้งนี้นางจะยอมได้อย่างไร? นางจึงกัดฟันแล้วพูดขึ้นมาอย่างเสียงแข็ง:“ทหาร จับนางไปให้ตระกูลอายส่งกลับไปที่ตำหนัก ตระกูลอายต้องคอยอบรมสั่งสอนนางแทนอ๋องเสี้ยง” หลีโม่ถูกลากตัวออกไปอย่างรุนแรง ซือถูจิ้งอยากขอร้องเพื่อช่วยนาง แต่หลีโม่ลงมือผลักกุ่ยไท่เฟยขนาดนั้น นางเองก็หมดหนทางที่จะช่วยนางได้ ทำได้แค่มองนางโดนลากตัวออกไปอย่างนั้น หลังจากที่หลีโม่ถูกนำตัวออกไปแล้ว กุ้ยไท่เฟยก็มีรับสั่งทันที ว่าต้องนำตัวซือถูเย้นกลับไปรักษาตัวที่ตำหนัก “ไท่เฟย ข้าขออนุญาตออกวามคิดเห็นว่าตอนนี้อย่าพึ่งเคลื่อนย้ายไปไหนเลยพ่ะย่ะค่ะ จะได้ไม่ทำให้บาดเจ็บมากกว่าเดิม”อ๋องอานชินพูดขึ้น กุ้ยไท่เฟยพูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง:“อยู่ที่นี่ก็มีแค่ตายอย่างเดียว ตระกูลอายต้องการเอาตัวเขากลับไป แล้วเชิญหมอหลวงออกมาดูอาการ” นักพรตที่ถูกคลายจุดชีพจรก็พูดขึ้น:“ใช่พ่ะย่ะค่ะ กุ้ยไท่เฟย ตอนนี้ในตำหนักก็เป็นการปกครองเขตของฮ่องเต้ ในตำหนักก็จะยิ่งมีการคุ้มครองจากสวรรค์ ข้าเองก็จะร่วมมือกับหมอหลวงเพื่อรักษาอาการของท่านอ๋องให้หายอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยเคยทำนายชะตาของท่านอ๋องแล้ว ครั้งนี้ท่านอ๋องจะสามารถผ่านช่วงร้ายๆนี้ไปได้พ่ะย่ะค่ะ“ เซียวโธ่ที่ได้ยินว่าต้องการจะเรียกหมอหลวง ก็พลันพูดขัดขึ้นมาทันที“กุ้ยไท่เฟย เรื่องอาการบาดเจ็บของท่านอ๋อง ไม่ควรจะแพร่งพรายออกไปนะพะย่ะค่ะ และไม่ควรให้คนในวังรู้เรื่องด้วย“ “ไร้สาระ“กุ้ยไท่เฟยพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด:”คนในวังรู้เรื่องเข้าแล้วจะทำไม?ตอนนี้หมอของสถานแพทย์ฮุ่ยหมินก็ไม่ใช่ว่ารู้เรื่องหมดแล้วหรือ?“ เซียวโธ่พูดขึ้น:“นั่นมันไม่เหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ หมอไม่กี่คนนี้ ล้วนแต่เป็นคนที่จงรักภักดีต่อท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ยังไงพวกเขาก็ไม่มีทางเอาเรื่องนี้ไปแพร่งพรายอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้ว่าคนข้างนอกจะรู้ว่าท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่มีทางรู้ว่าบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด แต่ถ้าหากให้ท่านหมองหลวงออกมาดูอาการละก็ อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องก็จะถูกเปิดเผยอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ และจะยิ่งไม่ดีต่อตัวของท่านอ๋องด้วย“ “ไม่มีอะไรสำคัญกว่าชีวิตของเขาอีกแล้ว ถ้าหากว่ามีคนคิดจะลงมือทำร้ายเขา ก็ให้มาเลย ตระกูลอายไม่กลัวอยู่แล้ว “กุ้ยไท่เฟยพูดจบ ก็พลันรับสั่งให้ทหารเข้ามาเตรียมการเคลื่อนย้าย อ๋องอานชินกำลังจะพูดโน้มน้าวอีกครั้ง แต่สีหน้าของกุ้ยไท่เฟยจ้องมองเขาเขม่งพลันพูดขึ้น:“ซือถูจื่อ เป็นลูกชายของตระกูลอาย ยังไงก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตระกูลอาย ถ้าหากเจ้ายังจะขัดขืนอยู่แบบนี้ แล้วเกิดอะไรกับเขาขึ้น เจ้ารับผิดชอบทุกอย่างได้อย่างนั้นหรือ? “ อานชินพูดขึ้น:“ไท่เฟย เคลื่อนย้ายนี้ จะยิ่งทำให้อาการแย่กว่าเดิมนะพ่ะย่ะค่ะ ลองไตร่ตรองอีกครั้งนะพ่ะย่ะค่ะ“ ซือถูจิ้งก็พลันพูดขึ้น:“ใช่มั้ย?พี่สะใภ้ ท่านฟังความเห็นของคนอื่นเถอะนะ ยิ่งท่านดันทุรังจะเอาตัวของน้องเจ็ดกลับไปที่ตำหนักจะยิ่งเป็นการทรมานเขานะ ท่นจะลำบากไปทำไมกัน?ยิ่งท่านจะเรียกให้หมอหลวงให้มาดูอาการอีก ข้าว่าท่านเรียกหมอหลวงมาที่นี่จะไม่ดีกว่าหรือ?“ “เจ้าหุบปาก เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า?เรื่องของผู้ชายเจ้าก็รู้ดีงั้นหรือ มีความสามารถแบบนี้ พยายามทำตัวเองให้ดี แล้วหาผู้ชายสักตระกูลไปแต่งงานด้วยจะดีมาก จะได้ไม่ทำให้ฮองเฮาต้องกังวลใจ“กุ้ยไท่เฟยรู้สึกรังเกียจผู้หญิงคนนี้ยิ่งนัก เมื่อครู่ก็พยายามจะล่อลวงนาง จนคาดไม่ถึงว่านางจะกล้าพูดโกหกว่า เซี่ยหลีโม่กับซือถูเย้นได้มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง คนที่พูดไม่ไว้หน้าใครอย่างกุ้ยไท่เฟยที่โมโหขนาดนี้ แล้วยังพูดออกมาแค่นี้ ก็ถือว่าเป็นการไว้หน้าของซือถูจิ้งมากพอแล้ว ถ้าหากว่าเป็นคนอื่น เกรงว่านางก็จะพูดออกไปตรงๆว่าไม่มีตระกูลต้องการแล้ว ซือถูจิ้งที่เกลี่ยดมากเวลาที่คนพูดถึงเรื่องแต่งงานของนาง พอได้ยินแบบนั้น ก็พลันหันหลังออกไปอย่างหงุดหงิดทันที จนไม่มีอะไรที่จะฉุดรั้งนางไว้ได้ ความดันทุรังของกุ้ยไท่เฟย ทำให้เซียวโธ่และอานชินไม่มีแผนการอะไรที่จะสามารถยังยั้งนางได้ และยิ่งนักพรตบอกว่าที่ตำหนักแม่ทัพเป็นที่ที่ฮึกเฮิมทรงพลัง ถ้าให้ท่านอ๋องพักรักษาตัวที่นี่ที่จริงก็ยิ่งไม่เหมาะสม จึงทำให้กุ้ยไท่เฟยยิ่งอยากนำตัวเขากลับไป การเคลื่อนย้ายครั้งนี้ดูแล้วไม่น่าจะเลี่ยงได้แล้ว เซียวโธ่กับอ๋องอานชินก็ไม่สามารถพูดยื่นมือเข้ามาช่วยอะไรได้ เพื่อหลีกเลี่ยงคนของกุ้ยไท่เฟยที่ไม่รู้จักหนักเบา เซียวโธ่พูดขึ้น:“กุ้ยไท่เฟย ถ้าหากว่าต้องการเอาตัวท่านอ๋องกลับตำหนักจริงๆ ให้คนของข้าเป็นคนทำเถอะ” นักพรตพูดขึ้น:“ไม่ได้ กุ้ยไท่เฟย ท่านแม่ทัพเป็นคนที่เคยฆ่าคนมามาก ให้เขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ เพราะจะยิ่งทำให้ชะตาของท่านอ๋องแย่ลงกว่าเดิมพ่ะย่ะค่ะ” เซียวโธ่พูดขึ้นอย่างฉุนเฉียว“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?ข้าจะยิ่งทำให้ชะตาของท่านอ๋องแย่ลงงั้นหรือ?” นักพรตพูดอธิบายทันที:“ท่านแม่ทัพได้โปรดอย่าโมโห ข้าไม่ได้มีเจตนาจะว่าอะไรท่าน เพียงแต่พูดตามเนื้อผ้า ท่านแม่ทัพเคยผ่านศึกมาเยอะ และรบราฆ่าฟันศัตรูมามาก ถึงจะบอกว่าทำเพื่อประเทศชาติ แต่ว่าการที่ท่านพบเจอกับเลือดมามาก ฆ่าคนมานับไม่ถ้วนแล้ว ที่จริงก็ไม่ควรที่จะเข้าพบท่านอ๋อง ถ้าหลีกเลี่ยงได้จะยิ่งดี หากว่าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ควรที่จะรักษาระยะห่างจากท่านอ๋องเอาไว้” “เจ้านักพรตต่ำช้า คิดไม่ถึงว่าจะพูดจาใส่ร้ายคนอื่นที่นี่แบบนี้?”เซียวโธ่เป็นแม่ทัพทางการต่อสู้ ไม่ได้เก่งเรื่องการพูดจากับใครซักเท่าไหร่ ครั้งนี้คงเป็นครั้งที่สุดจะทนจนเกิดบันดาลโทสะ นักพรตจุ๊ปากแล้วพูดขึ้น:”เดี๋ยวก่อน ท่านแม่ทัพโมโหอีกครั้งแล้วใช่มั้ย? นี่ข้าพูดแค่นี้ท่านก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว นี่เป็นการสื่อให้เห็นถึงความไม่ดีแล้วช่วงนี้ข้าว่าท่านแม่ทัพอย่าพึ่งเข้าใกล้ท่านอ๋องเลยจะดีกว่า” พูดจบเขาก็โน้มตัวทำความเคารพกุ้ยไท่เฟยทันที”กุ้ยไท่เฟย ขอท่านทรงออกรับสั่ง ระหว่างที่กำลังรักษาอาการของท่านอ๋องอยู่ ไม่อนุญาตให้ท่านแม่ทัพเข้าไปใกล้แม้แต่ก้าวเดียว ไม่สามารถไปสัมผัสตัวท่านอ๋อง ไม่อย่างนั้นละก็ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาข้าเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้พ่ะย่ะค่ะ” กุ้ยไท่เฟยเชื่อในสิ่งที่นักพรตคนนั้นบอก แล้วพลันหันไปรับสั่งกับเซียวโธ่ทันที:”พอแล้ว เจ้าแค่ไปตามสืบคนที่ลงมือ ก่อนที่ท่านอ๋องจะหายป่วย ห้ามเจ้าไปที่ตำหนักเด็ดขาด” นักพรตคนนั้นเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่อ๋องอานชิน อ๋องอานชินเลยจ้องเขาเขม่ง พลันพูดขึ้นเสียงเสียดสี:”อยากจะบอกว่าข้าเองก็เป็นคนที่ฆ่าคนมาเยอะแล้วอย่างนั้นใช่มั้ย? ถ้าเจ้ากล้าพูดออกมาคำนึง ข้าก็จะทำให้เจ้าดูต่อหน้าว่าอะไรที่เรียกว่าการกระทำที่รุนแรง” เขาพูดเสร็จก็พลันหันไปทำมือเชือดที่คอให้เข้าดูทันที นักพรตก็พลันกลืนน้ำลายลงไปด้วยความกลัว สายตาก็ดูหวั่นๆอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังยิ้มออกมานิดหน่อย:”ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้าไม่ได้คิดแบบนั้น ท่านอ๋องเป็นคนของในวัง เป็นผู้ที่มียศสูงศักดิ์ และเป็นคนที่มีโชคชะตาที่ดี ถ้าท่านอยู่ข้างกายท่านอ๋องก็จะยิ่งส่งเสริมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” เซียวโธ่ทำเสียงอ้วกออกมาทีนึง”กล้าบอกว่าข้าเป็นคนที่ดวงชะตาไม่ดีอยู่ใกล้ท่านอ๋องแล้วจะยิ่งไม่ดีต่อท่านอ๋อง” นักพรตหัวเราะออกมา”ท่านแม่ทัพอย่าคิดแบบนั้น ท่านแม่ทัพเป็นคนที่มีวรยุทธิ์สูงส่ง ประชาชนต่างรู้กันดี ท่านเพียงแค่ไม่เหมาะที่จะอยู่ข้างกายของท่านอ๋องเท่านั้นเอง” อ๋องอานชินดึงเซียวโธ่แล้วพลันหันไปพูดกับกุ้ยไท่เฟย:”ตั้งแต่ที่อาเย้นเกิดเรื่องขึ้น ก็มีแต่เซียวโธ่ที่คอยช่วยมาตลอด ที่จริงเขาก็ห่วงอาการของอาเย้นอย่างมาก ข้าพูดกับเขาเอง เพื่อเป็นการปลอบใจเขา” กุ้ยไท่เฟยพูดตอบรับ พลันหันไปมองเซียวโธ่แล้วพูดขึ้น:”ตระกูลอายรู้ดีว่าเจ้าจงรักภักดีต่ออาเย้น และก็รู้ดีว่าพวกเจ้าสนิทกันอย่างมาก ไปมาหาสู่กันตลอด ตระกูลอายก็ไม่เคยขัดขวางอะไร แต่ว่าครั้งนี้เขาต้องเอาชีวิตมาเดิมพัน ตระกูลอายจำเป็นที่จะต้องฟังคำพูดของนัดพรต ถ้าหากว่าเจ้าต้องการให้อาเย้นหายดีละก็ เจ้าก็ต้องทำตามที่นักพรตบอก” อ๋องอานชินลากเซียวโธ่ออกไป เซียวโธ่จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว:”ตกลงว่าเขาเป็นใครกันแน่?พูดจาไร้สาระ แล้วยังบอกว่าข้าเป็นคนที่ไม่ดีต่อท่านอ๋องอีก ทำไมกุ้ยไท่เฟยถึงได้เชื่อในสิ่งที่เขาพูดขนาดนั้นด้วย?” อ๋องอานชินทำสีหน้ารอคำตอบพลันพูดขึ้น:”ใช่ ข้าเองก็สงสัย ว่าตกลงเขาเป็นใครกันแน่ ทำไมกุ้ยไท่เฟยถึงได้เชื่อคำพูดของเขาขนาดนั้น แล้วยังไม่ยอมให้เจ้าเข้าไปใกล้ในตำหนักอีก จุดประสงค์คืออะไรกันแน่ เจ้าต้องสืบหาความจริง คนผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน อาเย้นเกิดเรื่องขึ้น ไท่กุ้ยเฟยก็รู้ทันที แล้วก็ตามตัวเขาเจออย่างรวดเร็ว แล้วยังพูดถึงเรื่องยาแปลกๆอะไรนั่น แล้วอาการของอาเย้นก็ยิ่งหนักขึ้น เจ้าต้องไปสืบหาว่าเขาเป็นใครกันแน่ ”
已经是最新一章了
加载中