บทที่ 83 ไม่ควรไว้ชีวิตคนอย่างเสี้ยหลีโม่   1/    
已经是第一章了
บทที่ 83 ไม่ควรไว้ชีวิตคนอย่างเสี้ยหลีโม่
บ๗ที่ 83 ไม่ควรไว้ชีวิตคนอย่างเสี้ยหลีโม่ ฮองไทเฮาเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ“เจ้าพูดออกมาช่างดูไม่มีเหตุนัก มันเหมือนกันตรงไหน?” กุ้ยไท้เฟยพูดขึ้นพรึมพรัม“แล้วมีอะไรที่เหมือนกันล่ะ?ลูกชายของท่านมีฐานะสูงส่ง แล้วก็เป็นถึงรัชทายาท ไม่ยอมให้นางรักษา เพราะต้องการรักษาฐานะ แล้วอาเย้นไม้ต้องหรือไง?ท่านยอมเสียหน้าไม่ได้ แล้วก็ทิ้งไม่ได้ ข้าก็เหมือนกัน ถึงแม้ท่านจะเป็นถึงฮองไทเฮา แต่ว่าตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังอยู่ ท่านก็รักข้ามากกว่าท่านด้วยซ้ำ ลูกชายของข้าก็ไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าลูกของท่านเลย” ซือถูจิ้งที่อยู่ด้านข้างพอได้ยินประโยคนี้ก็พลันโมโหขึ้นมาทันที“ไท่เฟย ถึงในใจท่านจะร้อนรนเป็นไฟ แต่ก็ไม่ควรที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา ท่านรีบก้มลงยอมรับผิดกับฮองไทเฮาเดี๋ยวนี้” กุ้ยไท่เฟยหัวเราะเสียงเยือกเย็นแล้วพูดขึ้น:“องค์หญิง นางเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า แต่ข้านั้นไม่ใช่หรือ?ข้าทนมาพอแล้ว ตระกูลอายเคารพและจงรักภักดีต่อนางมานานหลายปีแล้ว แต่นางทำกับตระกูลอายอะไรบ้าง?ปากก็บอกว่าเป็นพี่น้อง ความสัมพันธ์ลึกซึ้งแน่นแฟ้น แต่ใครหารู้ไม่ นางคอยแต่กดดันตระกูลอายมาโดยตลอด” หน้าของฮองไทเฮาถอดสีทันที แล้วก็เอาแต่จ้องมองหน้ากุ้ยไท่เฟย อย่างไม่อยากเชื่อว่าคำพูดพวกนี้จะออกมาจากปากของนาง ผ่านไปนานมากนางถึงค่อยๆลุกขึ้นมา แล้วสายตาก็พลันคล้ำดำแล้วพูดขึ้น:“ดี ไม่ต้องพูดถึงตระกูลอายแล้ว เจ้าต้องการจะทำอะไรคิดอะไรก็แล้วแต่เจ้า” กุ้ยไท่เฟยแสดงสีหน้าเยือกเย็น แล้วก็เอนคอมองนิดๆ โดยที่ความโมโหไม่มีลดลงเลย ราวกับว่านางเป็นคนที่ควรจะโกรธมากที่สุด อ๋องอานชินที่เห็นเหตุการณ์ดูเหมือนจะไม่แปลกใจเลยสักนิด ที่จริงสงครามระหว่างพี่น้องนั้นได้เริ่มขึ้นมานานแล้ว เริ่มตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ว่าฮองไทเฮาไม่รู้เท่านั้นเอง นางเอาแต่คิดว่าน้องสาวนางคนนี้จงรักภักดีต่อนางด้วยความจริงใจ แต่ว่าดูจากนิสัยของกุ้ยไท่เฟยแล้ว ที่ทั้งได้รับการโปรดปรานจากฮ่องเต้องค์ก่อน จะจงรักภักดีต่อฮองไทเฮาได้ยังไง?เพียงแค่ว่าตอนนั้นนางไม่สามารถแย่งตำแหน่งฮองไทเฮามาได้ แล้วหลังจากนั้นลูกชายของฮองไทเฮาก็ขึ้นเป็นรัชทายาท นางก็เลยต้องอดทนอยู่ในอาณัติของฮองไทเฮาก็เท่านั้น พอหลังจากนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนเริ่มป่วยหนัก อาเย้นก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นอ๋องซื่อเจิ้ง นางก็เริ่มพยายามเก็บซ่อนทุกอย่างเอาไว้ ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะยังไม่สวรรคต และก็ยังมีโอกาสที่จะดีขึ้นอยู่ แต่ว่าตอนนี้ชีวิตของอาเย้นนั้นริบหลี่มาก ถ้าหากว่าอาเย้นตายไป ชีวิตนี้ของนางก็ไม่มีทางที่จะขึ้นมาอยู่เหนือฮองไทเฮาได้อย่างแน่นอน การกระทำที่ต่อต้านนางในครั้งนี้ ก็ถือว่านางถูกทำลายจนไม่มีชิ้นดีแล้ว แต่อย่างน้อยนางก็ยังได้แสดงความรู้สึกทุกอย่างออกมา นางเองก็คิดภาพออกว่าถ้าหากว่าอาเย้นไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วฮ่องเต้สวรรคต นางจะเป็นคนแรกที่เปิดเผยออกมาว่าอยู่คนละฝั่งกับฮองไทเฮา แล้วก็เอาความโกรธแค้นทุกอย่างที่นางได้รับไปลงที่ฮองไทเฮา ซือถูจิ้งไม่ได้คิดลึกซึ้งถึงเพียงนี้ นางเห็นกุ้ยไท่เฟยกล้าทำกับฮองไทเฮาแบบนี้ นางก็คิดเพียงว่ากุ้ยไท่เฟยเสียสติไปแล้ว กังวลจนกลายเป็นคนเสียสติ นางมายืนกันหน้าฮองไทเฮา แล้วพลันหันไปพูดกับกุ้ยไท่เฟยอย่างโมโห:“น้องเจ็ดเกิดเรื่องแบบนี้ ไม่ได้มีแค่เจ้าที่กังวลคนเดียวหรอก พวกข้าเองก็เนกังวลเหมือนกัน เขาเป็นลูกชายของเจ้า และก็เป็นหลานชายของข้าเหมือนกัน ใครจะไปหวังให้เขาเกิดเรื่องแบบนี้กันละ?เจ้าอย่าทำเหมือนกับว่าพี่สะใภ้เป็นคนที่ทำร้ายเจ้าอย่างนั้นเลย ทำอะไรไม่ได้ก็เอาแต่โวยวาย ข้าว่าตอนนี้เจ้าเสียสติไปแล้ว” กุ้ยไท้เฟยเงยหน้าขึ้นมามองหน้าซือถูจิ้งอย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียดสี:“ถูกแล้ว เจ้าเองก็คิดแค่ว่านางเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า จนไม่ได้มองตระกูลอายอยู่ในสายตา ในเมื่อเป็นแบบนี้ เจ้ายังจะมาทำอะไรที่ตำหนักนี้?รีบกลับไปที่กินนมที่ตำหนักโส้หนิงกับนางเถอะ” ซือถูจิ้งหน้าเปลี่ยนสีทันที คำพูดแบบนี้ไม่สมควรที่กุ้ยไท่เฟยจะพูดออกมาแล้ว นางจึงจับแขนฮองไทเฮา แล้วหันไปพูดเสียงแข็ง:“พี่สะใภ้ ไม่จำเป็นต้องพูดเสียน้ำลายกับนางแล้ว พวกเรากลับ ” ฮองไทเฮาได้ยินแบบนั้น ทั้งโมโหทั้งอึ้ง และที่จิตใจก็ทั้งชาไปหมด“เรื่องตระกูลอายข้าจะคิดว่าเป็นเพราะเจ้าร้อนรนใจอาเย้น เรื่องที่เจ้าพูดในวันนี้ข้าจะคิดว่าไม่ได้ยิน รอให้อาเย้นดีขึ้นแล้ว เราก็ยังคงเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม” กุ้ยไท้เฟยเงยหน้าขึ้นมาอย่างโอหัง“ฮองไทเฮาช่างเป็นคนดีไม่มีใครเทียบเท่า ท่านอยากจะคิดยังไงก็แล้วแต่ท่านเถอะ คนที่แบกรับตระกูลเอาไว้ทั้งชีวิตนี้ ยังไงก็อยู่ภายใต้อาณัติของท่านอยู่ดี” ฮองไทเฮารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก เดิมทีนางอยากจะหันออกไป แต่พอมองเห็นซือถูเย้นที่นอนอยู่บนเตียงแล้ว ใจในก็พลันเจ็บปวดอย่างมาก เด็กคนนี้ยังไงนางก็เห็นเขามาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ถ้าไม่ไปก็พลันจะทำให้คนที่นี่รังเกียจ คิดทบทวนไปมา อ๋องอานชินก็พลันพูดขึ้น:“เสด็จแม่ ท่านกลับไปก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ ข้าจะอยู่เฝ้าที่นี่เอง” ฮองไทเฮาทำได้แค่ตอบเบาๆ:“ได้ เจ้าคอยดูแลเขาไว้ให้ดี ห้ามให้เขาเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมา” ประโยคสุดท้ายนางพูดออกมาเสียงสะอึกสะอื้น ตอนที่ฮองไทเฮาจะเดินออกไป นางก็เหลือบมองกุ้ยไท่เฟย กุ้ยไท่เฟยที่ดูสง่า กลับแสดงสีหน้าที่ไม่ยอมใครแล้วพลันพูดเสียงกระแทก“น้อมส่งฮองไทเฮา!” ฮองไทเฮาโมโหจนหน้าซีดแล้วพลันสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปทันที ซือถูจิ้งมองกุ้ยไท่เฟยแล้วพูดขึ้น“ทำไมท่านต้องทำแบบนี้?ไทเฮาไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีเลยสักนิด นางมาเพื่อดูอาการน้องเจ็ด...” “มาดูอาการงั้นหรือ?นางมาเพื่อขอร้องให้ปล่อเสี้ยหลีโม่ต่างหาก หากว่านางเป็นหว่งเขาจริง นางก็ควรจะเอายาที่ล้ำเลิสของนางมาให้ด้วยสิ แต่นางมาแบบมือเปล่า”กุ้ยไท่เฟยพูดขึ้นเสียงแข็ง ซือถูจิ้งชะงักไป“ยาอะไรกัน?สิ่งที่ในวังมี ท่านอ๋องเองก็มี เจ้าพูดแบบนี้เพื่ออะไรกัน?” “อย่างนั้นหรือ?”กุ้ยไท่เฟยนั่งลงข้างๆเตียง แล้วแสดงสีหน้าเยือกเย็นแต่ไม่หันมาพูดกับซือถูจิ้ง“เจ้าก็ออกไปด้วยกันเถอะ” ซือถูจิ้งที่ยังโมโหอยู่ แต่นางก็ไม่ยอมไปไหน แล้วก็นั่งลงในตำหนักเพื่อสงบอารมณ์ อาการของซือถูเย้นยิ่งหนักขึ้นในช่วงค่ำ อุณหภูมิในร่างกายพุ่งสูงขึ้น แล้วยังกระอักเลือดอีก การหายใจก็ช้าลงเรื่อยๆ ใต้เท้าหย้วนพ่านก็บอกว่าไม่ควรเคลื่อนย้ายกลับมาที่ตำหนักอ๋อง เพราะอาการจะยิ่งทรุด และหลังจากที่เคลื่อนย้ายก็จะยิ่งทำให้บาดแผลฉีกขาด เกิดการติดเชื้อขึ้นอีก นักพรตกลับตอบกลับว่า“วันนั้นในตำหนักท่านแม่ทัพ หมอยาของร้านยาฮู่ยหมินก็บอกว่าหมดหนทางรักษาแล้ว และไม่อาจจะผ่านพ้น12ชั่วยาม ไปได้ แต่ว่าจากที่กลับมาถึงตำหนักอ๋องก็ผ่านมาแล้วสองวัน นี่เป็นผลพวงมาจากยาวิเศษของข้า” “แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่มีผลอะไรแล้วละ?”หย้วนพ่านหันไปทำหน้าสงสัยนักพรตทันที เพราะว่าตลอดสองวันมานี้ เขาเองก็กังวลในการรักษา และก็เป็นคนที่คอยทายาให้กับท่านอ๋อง ตอนที่หย้วนพ่านมาถึงนั้น อ๋องอานชินได้มอบถุงยาถุงนึงให้กับเขา ยาตัวนี้เป็นของหลีโม่ทำขึ้น พอหย้วนพ่านได้ยานี้มาก็พลันเก็บเข้าไว้ในแขนเสื้อทันที แล้วก็กลับไปเขียนยานี้ที่คล้ายกับของหลีโม่ให่กุ้ยไท้เฟยดู ตลอดสองวันมานี้ เขาก็เอาแต่ใช้ยานี้กับท่านอ๋อง หย้วนพ่านคิดว่าที่อาการของท่านอ๋องสามารถทนมาได้ถึงสองวันนี้ก็เพราะยาตัวนี้ นักพรตเห็นหน้าของกุ้ยไท่เฟยเริ่มไม่สู้ดี ก็พลันหันไปพูดนาง:“กุ้ยไท่เฟย ได้โปรดฟังข้าที่คิดว่า วันนั้นหลีโม่ได้ฝังเข็มให้กับท่านอ๋อง แล้วหลังจากที่ฝังเข็มอาการท่านอ๋องก็ยิ่งทรุดหนัก ข้าน้อยสงสัยว่าหลีโม่ได้ลงมือทำอะไรบางอย่างกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จนทำให้ยาของข้านั้นใช้ไม่ได้ผล” พูดเสร็จ นักพรตก็ไปกระซิบข้างหูนาง:“ได้ยินมาว่าที่ฮองไทเฮามาที่นี่เพื่อขอร้องแทนหลีโม่ เป็นแผนของฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ทำไมฮองเฮาถึงต้องอยากจะช่วยนางด้วยละพ่ะย่ะค่ะ?” กุ้ยไท้เฟยนึกถึงวันนั้นที่ซือถูจิ้งล่อลวงนาง เพื่อให้หลีโม่ได้ฝังเข็ม มันต้องมีแผนการอะไรบางอย่างแน่ๆ อีกอย่าง ฮองเฮาไม่มีทางที่จะขอให้ไว้ชีวิตนาง ตอนนี้อาการของอ๋องเหลียงก็ดีขึ้นมากแล้ว ถึงไม่มีหลีโม่คอยรักษา ยังไงอาการของเขาก็ดีขึ้นอยู่ดี นอกจากว่า.....นางต้องการจะแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท พอนึกถึงจุดนี้ นางก็พลันพูดขึ้นอย่างโมโห:“ต้องเป็นฝีมือนางแน่ๆ” นางเป็นคนของรัชทายาท นางต้องการเห็นอาเย้นตาย ถ้าเป็นอย่างนั้นองค์รัชทายาทก็จะขึ้นครองราชต่อได้อย่างสบาย รอเพียงแค่การสวรรคตของฮ่องเต้ เขาก็จะสามารถขึ้นครองราชได้อย่างง่ายดาย นางไม่มีวันจะปล่อยหลีโม่ไปอย่างง่ายๆแน่นอน จะไม่ยอมให้เสี้ยหลีโม่กลายเป็นผู้ช่วยขององค์รัชทายาท ถ้าฆ่านางซะ ก็จะยิ่งทำให้ฮองเฮาหูตาสว่างขึ้นมา 
已经是最新一章了
加载中