บทที่ 85 ตกเหว   1/    
已经是第一章了
บทที่ 85 ตกเหว
บ๗ที่ 85 ตกเหว เขาเริ่มจัดเตรียมการป้องกัน และก็จัดแจงทหารทุกฝ่าย ซือถูจิ้งเดินออกมาพลันเช็ดน้ำตาออก:“สั่งการทหารแบบนี้ ไม่ใช่ว่ายิ่งทำให้คนอื่นรู้หรือ?” “อาการของอาเย้น พวกเขาเองก็น่าจะรู้ดี ยอมให้พวกเขารู้ แต่ก็ยังดีกว่าให้มันจับได้ แล้วเอาไปป่าวประกาศให้คนอื่นรับรู้”อ๋องอานชินเป็นคนคิดการณ์ไกล ตั้งแต่ที่เขาไม่สนเรื่องงานของบ้านเมือง ทุกคนต่างก็คิดว่าเขาเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ แต่ว่าไม่มีใครที่จะสามารถทำให้ตระกูลซือถูจากเขาใต้หล้าของเขาแปดเปื้อนได้ ในตัวของเขาเองก็ยังมีเลือดของเชื้อพระวงศ์เสมอยู่ด้วย ซือถูจิ้งพูดขึ้น:“ต้องเชิญท่านย่ามามั้ย?” อ๋องอานชินครุ่นคิด แล้วก็ส่ายหัวเบาๆ“ไม่ได้ ช่วงนี้อย่าพึ่งไปยุ่งกับท่านเลย และตอนนี้ก็ไม่รู้ด้วยว่าท่านอยู่ที่ไหน ตอนนี้ข้าคิดว่า.....” สิ่งที่อ๋องอานชินคิดอยู่ในใจตอนนี้คือ เขาเองก็ยังมีความหวังอยู่นิดหน่อย ความหวังนั้นก็คือการฝังเข็มของหลีโม่ตอนที่อยู่ในจวนแม่ทัพที่เป็นความหวังอันน้อยนิดนั้น เขากลับเอาแต่คิดว่า ที่หลีโม่ทำลงไปแบบนั้นนางต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแน่นอน แต่นี่ก็เป็นเพียงลางสังหรณ์ของเขาเท่านั้น ถ้าหากว่าหลีโม่ไม่ได้มีแผนสำรองไว้ละก็ งั้นหลังจากนี้ท่านอาหญิงก็คงจะหมดหวังแล้ว ซือถูจิ้งที่โศกเศร้าอยู่นั้น ก็รู้สึกสงสัยอยู่“ทำไมไท่เฟยถึงได้เปลี่ยนไปถึงขนาดนี้?เมื่อก่อนถึงข้าจะรู้สึกได้ว่านางเองก็ไม่ค่อยพอใจฮองไทเฮา แต่ว่านางก็ไม่เคยแสดงความไม่พอใจออกมาเลย อีกอย่างในวังหลังนางเองก็ถือว่าเป็นผู้ที่คอยดูแลอยู่ห่างๆ ทำไมถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ได้นะ?แล้วก็ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป มันก็ยิ่งทำให้นางเกิดอันตรายอย่างแน่นอน นางเองก็คงรู้ดีอยู่ไม่ใช่หรือ?” ในจุดนี้ก็ทำให้อ๋องอานชินไม่เข้าใจเหมือนกัน ถึงแม้จะบอกว่าเถาเด๋ออาจจะเป็นคนที่คอยวางแผนอยู่เบื้องหลัง แล้วก็ทำพิธีต่างๆให้นาง แต่ถ้ามองตามนิสัยที่ละเอียดรอบคอบของนางแล้ว นางไม่น่าจะเชื่อใจคนๆนึงได้ถึงเพียงนี้นะ และอีกอย่าง นางเองก็กังวลเรื่องความเป็นความตายของอาเย้นขนาดนั้น แต่นางก็ยังให้เถาเด๋อทำพิธี วิธีนี้ก็ถือว่าเป็นการทำที่เหลวไหลอย่างมากเลยด้วย จากการกระทำที่นางทำลงไปนั้น พูดได้คำเดียวก็คือ สิ้นคิดอย่างมาก แต่ว่า คนที่คอยคุมไท่เฟยอยู่นั้นไม่ใช่คนที่โง่เขลา แต่เป็นคนที่ฉลาดมากๆเลย ความน่าสงสัยทุกอย่างล้วนมากองรวมกันอยู่ในหัว อ๋องอานชินสงสัยว่า วัดเต๋าฝูเต๋อนั้นต้องมีการสืบประวัติอย่างละเอียด และอีกอย่างควรจะเริ่มจากคนข้างกายของกุ้ยไท่เฟยก่อน ต้องลองถามดูว่าช่วงนี้กุ้ยไท่เฟยคลุกคลีอยู่กับใครที่น่าสงสัยบ้าง พอคิดได้แบบนี้ เขาก็หันไปพูดกับจ้วงจ้วง:“ท่านอา ท่านว่าถ้าหานางสนมคนนึง เข้าไปรับใช้ปรนณิบัติไท่เฟย แล้วหาทางลองถามนางว่างช่วงไม่กี่วันมานี้มีอะไรแปลกๆมั้ย?” จ้วงจ้วงเงยหน้าขึ้นมาอย่างสงสัย“เจ้าสงสัยอะไรหรือ?” “ลองไปถามดูก่อน แล้วเราค่อยลองมาปรึกษากันทีหลัง!”อ๋องอานชินพูดขึ้น “อย่างงั้นก็ได้!”จ้วงจ้วงพยักหน้าตอบ แล้วก็พลันนึกถึงเรื่องของซือถูเย้น ในใจก็พลันเจ็บปวดขึ้นมาทันที จนไม่อาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ รถม้าที่นำตัวหลีโม่ออกมานั้น ออกมาจากเมืองอย่างรวดเร็ว แล้วก็ตรงดิ่งไปยังนอกเมือง เขาเฟยเทียนเป็นชื่อที่ไพเราะอย่างมาก ถ้าหากว่าไม่รู้จักก็คงคิดว่าที่นี่ต้องมีเทพ ธิดาสิงสถิตย์อยู่อย่างแน่นอน แต่สำหรับคนแถวนี้ที่รู้จักดีว่าอีกด้านหนึ่งของเขาเทียนชานนั้นเป็นสานที่รกร้าง คนแถวนี้ต่างไม่มีใครกล้าไปที่นั่น เพราะเป็นสถานที่ที่อับแสง และบรรยากาศอึมครึมมาก ไม่ว่าใครผ่านมาตามถนนก็จะอึมครึมอย่างนั้นตลอด แต่ถ้าได้เข้าไปถึงข้างในสุสานนั้น ความอึมครึมทุกอย่างก็จะค่อยๆจางหายไป รถม้าจอดข้างลงเขา ทหารสองนายนั้นก็พาตัวของหลีโม่ลงมา ข้างล่างเขาแห่งนี้อึมครึมมากพอสมควร และตลบอบอวลไปด้วยความชั่วร้าย ถึงแม้ว่าหลีโม่จะถูกมัดตัวเอาไว้ แต่ว่านางก็ยังคงสามารถกดที่กำไลแขนของนางได้อยู่ แล้วถูกพาเดินไปบนทางขรุขระ หลีโม่ก็แกล้งทำเป็นว่ายังวิงเวียนอยู่ เหมือนกำคนที่กำลังจะตายไม่มีเรี่ยวแรง ดังนั้นนางจึงถูกพวกนั้นลากตัวขึ้นไป นางมองดูรอบๆอย่างละเอียด ข้างบนเขานั้นเต็มไปด้วยต้นไม้ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าพอขึ้นมาข้างบนนี้แล้ว แสงแดดก็จะส่องไม่ถึงอย่างแน่นอน ก็เหมือนกับว่าไม่มีแสงแดดเล็ดลอดเข้ามาเลย แต่ว่าแสงแดดแผ่เข้ามาไม่พอ กำไลข้อมือของนางก็ไม่สามารถดูดซับพลังงานได้มาก ดังนั้นถ้านางถูกลากตัวไปอย่างลำบากแบบนี้ นางก็หวังเพียงเพื่อจะยื้อเวลาต่อไปได้อีกสักนิด นางทำได้แค่หวังพึ่งกำไลสะกดจิตของนาง เพราะว่าเรี่ยวแรงของนางนั้นเริ่มจะไม่ไหวแล้ว สองวันที่ไม่ได้กินอะไรเลย รวมกับที่เสียงที่ไม่มี แล้วยังกินยาดอกไม้แดงเข้าไปอีก แถมยังได้รับพิษ ก็ทำให้ร่างกายของนางแทบจะไม่มีแรงขัดขืนอยู่แล้ว แล้วนางก็มองเชือกที่มัดตัวนางเอาไว้แวบนึง ซึ่งก็คือเชือกป่าน เชือกแบบนี้ทนทานและเหนียวมาก ช่วงนี้นางเองก็ไม่สามารถที่จะแกะออกได้ ทำงานอยู่ในหน่วยสายลับมาแปดปี ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งที่อันตรายที่สุด แต่ว่ากลับเป็นครั้งที่ไม่มีเรี่ยวแรงที่สุด นางได้แต่หวังว่าเซียวโธ่จะมองเห็นรองเท้าที่นางทิ้งเอาไว้ แต่ว่าเขาจะสามารถตามมาถึงที่นี่ได้มั้ย ก็ต้องดูความสามารถของเขาแล้วละ ทหารสองนายนั้นลากนางจนมาถึงสุสาน แล้วก็ทิ้งนางลง กลางวันแสกๆแบบนี้ ที่นี่กลับไม่มีแสงแดดส่องเข้ามาเลยสักนิด ลมเย็นๆพัดมา มีแต่เสียงของอีกาเต็มไปหมด นางไม่สามารถสาธยายความน่ากลัวของป่าแห่งนี้ออกมาได้เลย พอได้ยินเสียงชักดาบ หลีโม่ก็รู้ทันทีว่า แกล้งวิงเวียนต่อไปไม่ได้แล้ว แล้วก็พลันดิ้นไปมาแล้วลุกขึ้น ถอยออกไปด้านหลังก้าวหนึ่ง แล้วก็ทำเป็นตกใจอย่างมาก:“พวกเจ้าจะทำอะไร?” ทหารสองนายนั้น คนนึงอ้วนคนนึงผอม หน้าตาไม่ได้ดูดุร้ายอะไร แต่ก็ไม่ได้ดูมีความเมตตาด้วย “สาวน้อย ต้องขอโทษจริงๆ ไท่เฟยต้องการชีวิตของเจ้า เจ้าก็อย่าไปโทษใครเลย โทษที่ชะตาชีวิตของเจ้าไม่ดีเองเถอะนะ”ทหารคนผอมยกดาบขึ้นมา แล้วหันไปทางนางทันที คนนี้ก็คือคนที่ตบนางจนสลบไป หลีโม่ค่อยๆถอยออกไป นางก็ได้แต่หวังว่าพลังจากกำไลแขนของนางจะพอเหลือที่จะแก้เชือกออกจากแขนสองข้างของนาง “พี่ทหารทั้งสอง มันเกิดเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันหรือ?ไท่เฟยจะอยากฆ่าข้าไปทำไมกัน?ข้าเป็นถึงคู่หมั้นของท่านอ๋องเลยนะ”หลีโม่พยายามพูดเพื่อยื้อเวลา และก็พยายามหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับกำไลของนาง เชือกถูกมัดที่ข้อมือ แต่กำไลนั้นอยู่ที่นิ้วมือ การที่จะให้กำไลนั่นแก้เชือกนี้ออกได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย เจ้าทหารที่อวบก็พลันหัวเราะขึ้นมา:“คู่มั้นงั้นหรือ?ถ้าหากว่าเจ้ามีวาสนาจริง เจ้าก็ไม่มีทางที่จะมาตกอยู่ในที่แบบนี้หรอกนะ เจ้ายอมในโชคชะตาของเจ้าเถอะ แล้วก็ค่อยๆหลับตาลงดีๆ พวกเราสองคนพี่น้องรับปากเจ้า ว่าจะทำให้เจ้าตายอย่างสงบ ไม่ให้เจ้าต้องทรมานอะไรมาก” หลีโม่ค่อยๆถอยห่างออกไป จนถอยไปถึงหน้าผาของหุบเขา นางจึงมองออกไปด้านหลัง แล้วก็ก้มลงไปมองตรงเหว แต่ว่าบนหน้าผาที่สูงชันนั้นก็ยังพอมีพื้นที่ราบที่โผล่ออกมาให้เห็น ถ้าหากว่านางมั่นใจ ตกลงไปบนนั้น นางก็อาจจะมีโอกาสรอดไปได้ แต่ถ้าหากว่านางแก้เชือกอันนี้ไม่ได้ นางก็แค่กระโดดลงไปในเหว ถ้านางไม่ทำก็มีแค่ตายอย่างเดียว แต่ถ้ากระโดดนางก็ยังมีพอมีความหวังอยู่ ทหารที่ผอมมองเห็นนางเอาแต่ถอยหลัง ก็พลันเตือนนางทันที:“ถ้าเจ้าถอยออกไปอีก เจ้าก็จะตกลงไปในทันที ตายในเงื้อมมือของข้า อย่างน้อยก็ทรมานแค่นิดเดียว” สองคนนี้ติดตามไท่เฟยมานานหลายปีแล้วพวกเขาเองก็ไม่ใช่คนที่โหดเหี้ยมอะไรแบบนั้น และก็รู้ดีว่านางเองก็ไม่ใช่คนที่สมควรจะโดนฆ่า แต่ว่าเพราะโดนสั่งให้ทำ ก็เลยต้องทำ และทำได้เพียงให้นางตายอย่างไม่เจ็บปวดมากก็เท่านั้นเอง หลีโม่กดที่กำไล แต่ว่าพลังงานของกำไลไม่พอ ไม่สามารถที่จะแก้เชือกออกได้ ทำได้แค่ยิงทะลุผ่านบางส่วน นางจึงหันหลังแล้วกระโดดลงไปทันที ทหารทั้งสองนายคิดไม่ถึงว่านางจะกล้าทำแบบนี้ ที่ยังไงก็ไม่ยอมตายในเงื้อมมือของเขาสองคน “แต่น่าเสียดายผู้หญิงทั้งคน!”ทหารตัวผอมพูดขึ้นเบาๆ เจ้าทหารอ้วนก็เก็บดาบเข้าไว้ที่เดิมทันที แล้วก็เดินไปที่หน้าผามองไปรอบๆ“ข้างล่างมีที่ราบ” “เจ้าคิดว่านางจะกระโดดลงไปถึงที่ราบนั้นหรือ?ผู้หญิงที่ร่างกายอ่อนแอแบบนั้น แล้วยิ่งโดนมัดมือเอาไว้ด้วย หากว่านางโดดลงไปถึงพื้นนั้นจริง ยังไงเราสองคนก็ต้องมองเห็น” เจ้าอ้วนคิดไปคิดมา“ก็จริง งั้นเรากลับกันเถอะ” ทางด้านตำหนักอ๋องตอนนี้ก็กำลังเจอกับความชุลมุน องค์รัชทายาทที่ได้ยินข่าวว่าซือถูเย้นได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ก็เลยอยากมาสอดส่อง แต่ว่าอ๋องอานชินใช้เหตุผลว่าซือถูเย้นป่วยหนักจึงไม่ให้ผู้ใดเข้าพบได้ แล้วก็ปฏิเสธการเข้าพบขององค์รัชทายาท 
已经是最新一章了
加载中