บทที่ 86 อ๋องซื่อเจิ้งหาไม่เจอแล้ว   1/    
已经是第一章了
บทที่ 86 อ๋องซื่อเจิ้งหาไม่เจอแล้ว
บ๗ที่ 86 อ๋องซื่อเจิ้งหาไม่เจอแล้ว องค์รัชทายาทเองก็ยังคงมีความกลัวท่านลุงอยู่บ้าง จึงไม่กล้าที่จะบุกเข้าไป แต่ก็ไม่ยอมกลับ เอาแต่ยืนที่หน้าประตูกับทหารองค์รักษ์ แล้วก็พูดกับอ๋องอานชิน:“งั้นข้าก็จะรอให้ท่านลุงหายดีแล้ว ข้าค่อยกลับมาเยี่ยมท่านใหม่นะ” อ๋องอานชินเองก็ไม่สามารถที่จะไล่เขากลับไปได้ ทำได้แค่ให้เขาอยู่ที่หน้าประตู ทางด้านซือถูจิ้งก็ไม่ได้ข่าวอะไร ทางด้านคนรอบข้างของไท่เฟย ก็ปิดปากเงียบสนิท จ้วงจ้วงเองก็ไม่สามารถถามอะไรพวกนางได้เลย และก็เป็นช่วงนี้เองที่คนในวังมารายงานอ๋องอานชินว่า จื่นเฉิงฟื้นแล้ว อ๋องอานชินรีบเข้าไปด้านในทันที จื่นเฉิงเห็นหน้าอ๋องอานชินก็พลันรีบลุกขึ้น แล้วถามอย่างร้อนใจ:“ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?” อ๋องอานชินไม่อาจจะบอกข่าวร้ายกับเขาได้ จึงบอกแค่ว่า:“หมอหลวงกำลังเฝ้าดูอาการอยู่” จื่นเฉิงก้มหน้าลงทันที แล้วน้ำตาก็รินไหลออกมา“ท่านพี่ของข้าตายแล้วใช่หรือไม่?” เมื่อกี้ตอนที่ตื่นขึ้นมาเขาเองก็ได้ถามท่านหมอแล้ว ท่านหมอบอกว่า อาต๋าตายแล้ว แต่ว่าทางด้านท่านอ๋อง ยังไงไม่ทราบแน่ชัด อ๋องอานชินพูดขึ้นเพื่อปลอบเขา:“จื่นเฉิง ทำใจดีๆเอาไว้” จื่นเฉิงหายใจเข้าอย่างแรก แล้วพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ อ๋องอานชินนั่งลงแล้วพูดขึ้น:“จื่นเฉิง คืนวันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?ทำไมพวกเจ้าถึงได้ถูกทำร้ายกันจนบาดเจ็บหนักขนาดนี้?เป็นฝีมือของใต้เท้าเหลียงไถ้ฝู้ใช่มั้ย?” จื่นเฉิงหันไปมองหน้าหมอแวบนึง กำลังจะพูดออกมาก็พลันหยุดลงทันที อ๋องอานชินมองออกไปแวบนึง แล้วก็ทำสัญญาณบอกให้ถอยออกไปก่อน แล้วเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน “ท่านอ๋อง พวกเราถูกคนสองกลุ่มลอบทำร้าย คนของใต้เท้าเหลียงและก็......”จื่นเฉิงหยูดพูดสักนิดไป แล้วก็พูดเสียงต่ำ แล้วสีหน้าก็ขาวซีดทันที“คนของไท้เฟย” อ๋องอานชินชะงักทันที“อะไรนะ?” เป็นไปได้อย่างไร?ไท้เฟยจะลอบทำร้ายลูกชายตัวเองได้ยังไง? ไม่มีเหตุผลที่นางต้องทำอย่างนั้น เรื่องทั้งหมดนี้ไม่มีเหตุผลอะไรเลย เขานึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ตอนที่อาเย้นตาย ถึงแม้ว่านางจะดูโศกเศร้าใจ แล้วก็เอาแต่ร้องไห้โวยวาย แต่ว่าดูนางเหมือนกับว่ากำลังแกล้งทำ ไม่ได้หมายความว่าเรื่องทั้งหมดเหมือนการแกล้งทำ ลูกชายนางตาย นางก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา แต่ว่าก็มีบางอย่างที่รู้สึกพูดไม่ออกแบบแปลกๆ จื่นเฉิงพูดขึ้นมาอย่างสลดใจ:“พวกเราถูกโจมตีจากคนของใต้เท้าเหลียงที่ส่งมาลอบทำร้าย เราคนน้อยกว่า พวกนั้นวางแผนดักโจมตี จำนวนคนก็มากว่าพวกเราสามเท่า ยากมากว่าจะฝ่ากลุ่มคนพวกนั้นมาได้ และก็มีหลายคนได้รับบาดเจ็บ พอถึงตอนนี้เรากลับเจอกับอีกคนกลุ่มนึงเข้ามาโจมตีอีกรอบ” “แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นคนของไท่เฟย?”อ๋องอานชินถามขึ้นอย่างไม่เชื่อ จื่นเฉิงมองหน้าอ๋องอานชิน แล้วพลันหลุดยิ้มออกมา“คนกลุ่มที่สอง ล้วนแต่เป็นคนที่มีความสามารถสูงส่ง หนึ่งในนั้นข้าเคยเห็นเขาอยู่ในตำหนักอ๋อง แม้ว่าวันนั้นเขาจะปิดหน้าเอาไว้ แต่ว่าข้ามองเห็นหลังมือของเขามีรอยปานสีดำขนาดใหญ่ ท่านอ๋องเองก็เคยเจอกับคนๆนี้ ดังนั้นท่านอ๋องเองก็รู้ว่าคนกลุ่มที่สองนั้นเป็นคนของไท่เฟยส่งมา” อ๋องอานชินไม่พูดอะไรสักคำ ในสมองก็เหมือนกับว่ามีอะไรบินวนไปมา ท่าทางที่ไท่เฟยทำกับฮองไทเฮาก็ดูเปลี่ยนไป ราวกับว่าต้องการจะกระตุ้นฮองไทเฮายังไงยังงั้น บางทีนางก็อาจจะเอาไปปนกันระหว่างอารมณ์กับความแค้นส่วนตัว แต่ว่าการยั่วโมโหฮองไทเฮาคือจุดประสงค์หลักของนาง นางพยายามยั่วโมโหฮองไทเฮา และนางเองก้รู้ดีว่าหลีโม่รักษาอาซินจนหายดี และก็มีความสามารถด้านการรักษาด้วย นางถึงไม่ให้หลีโม่รักษาอาการของท่านอ๋อง และยิ่งกลับมาที่ตำหนักแล้ว ไม่ใช่ว่ารีบไปหาหมอหลวง แต่พอตามหมอหลวงมาแล้ว ก็พลันร้องไห้ฟูมฟาย แหกปากร้องเพื่อให้ทุกคนรู้เรื่องการบาดเจ็บของอาเย้น นางทำแบบนี้แล้วมันมีประโยชน์อะไร? ถ้าหากว่าอาเย้นเกิดเรื่องขึ้น องค์รัชทายาทก็จะได้ครองราช แบบนี้ก็จะยิ่งไม่ดีต่อนางไม่ใช่หรือ? จื่นเฉิงถอนหายใจออกมาเบาๆ:“ท่านอ๋อง พวกเราต่างพากันลืมคนๆนึงไป” อ๋องอานชินชะงักทันที ในหัวก็พลันนึกถึงอีกคนนึงขึ้นมาทันที ถ้าหากบอกว่าอาเย้นเกิดเรื่อง ฮ่องเต้ก็ป่วยหนัก คนที่สามารถจะแย่งชิงบัลลังค์กับองค์รัชทายาทได้ก็คงเป็นน้องแปด น้องแปดถูกแต่งตั้งให้เป็นอ๋องหนานหวยที่ประจำอยู่ชายแดนหนานโกว๋ ที่ฮ่องเต้ส่งให้เขาไปอยู่ที่นั่นก็เพราะรู้ดีว่าเขาเป็นคนที่ทะเยอทะยานสูง น้องแปดไปอยู่ที่แดนหนานโก๋วได้สามปีแล้ว จนทุกคนเกือบลืมเขา และก็ลืมไปเลยว่าลูกรักของไท่เฟยนั้นไม่ใช่น้องเจ็ด แต่เป็นน้องแปด ที่นางต้องการฆ่าน้องเจ็ดก็เพื่อหวังจะให้น้องแปดเข้ามาชิงบัลลังค์อย่างนั้นหรือ? ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นก็สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน นางรู้เรื่องแผนการรอบทำร้ายของใต้เท้าเหลียงอย่างดี นางถึงได้ส่งนักฆ่าไปฆ่าอาเย้น แล้งพออาเย้นตายแล้ว นางก็จะบอกว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นฝีมือใต้เท้าเหลียงและองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทก็จะถูกเกลียดชังอย่างแน่นอน แล้วนางก็จะไปแย่งชิงตำแหน่งกับฮองไทเฮาอีกที แล้วก็ทำเรื่องให้ใหญ่โตขึ้น น้องแปดก็จะได้กลับมาที่เมืองหลวงเพื่อมางานศพของพี่ชายและมาเพื่อปกป้องแม่ เรื่องทุกอย่างนางได้เตรียมการไว้อย่างรอบคอบแล้ว..... อ๋องอานชินรู้สึกร้อนใจจนทำให้จิตใจทรมาน การแย่งชิงระหว่างพี่น้อง เพื่อครอบครองอำนาจจนต้องฆ่าฟันกันช่างมีมากมายนัก จนเขาเองก็ไม่อยากคิดภาพต่อไป แต่ว่าเรื่องที่ไม่สนใจใคร จะทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้อำนาจมาแบบนี้ กุ้ยไท่เฟยทำได้ลงอย่างแน่นอน พอตกเย็นการเคลื่อนไหวของกุ้ยไท่เฟยก็ยิ่งทำให้การคาดเดาของอ๋องอานชินชัดเจนขึ้น นางต้องการจะส่งจดหมายไปให้น้องแปด เพื่อให้เขากลับมาร่วมงานอย่างรวดเร็ว ในเวลาแบบนี้ ตอนที่ต้องการจะปิดข่าวเอาไว้แบบนี้ แต่นางกลับต้องการเรียกตัวน้องแปดกลับมา มันจะหมายความว่าอย่างไร? ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถึงตอนนี้องค์รัชทายาทจะยังได้เปรียบอยู่ แต่ว่าหลังจากที่น้องแปดกลับมาแล้วนั้น เขาก็จะเปิดโปงเรื่องที่ใต้เท้าเหลียงและองค์รัชทายาทรอบทำร้ายอาเย้น องค์รัชทายาทก็จะถูกปลดทันที แล้วเขาก็จะได้ครอบครองเมืองนี้ได้อย่างง่ายดาย อำนาจทางทหารของน้องแปดในตอนนี้ กลัวว่าทุกคนจะคาดไม่ถึง ที่ไม่มีอ๋องคนใดที่จะสามารถต่อกรกับเขาได้เลย และในตอนนี้เองที่คนที่คอยเฝ้าซือถูเย้นก็เข้ามารายงานพอดี บอกว่าร่างของซือถูเย้นนั้นหายไป หลังจากที่กุ้ยไท่เฟยรู้เรื่องเข้า นางก็โมโหอย่าง แล้วสั่งให้คนออกตามทั่วทั้งเมือง อ๋องอานชินเริ่มสงสัยคือ สิ่งที่นางทำทั้งหมด แต่ว่าหลังจากที่เขาได้เจอกับกุ้ยไท่เฟย ใบหน้าที่โศกเศร้าของนางตอนนี้กลับกลายเป็นความโมโหเข้ามาแทนที่ และความโมโหนั้นก็ทำให้นางดูดุร้ายและน่ากลัวอย่างมาก นางไม่ใช่คนที่เอาร่างอาเย้นไป แล้วเป็นใครกัน? กุ้ยไท่เฟยสั่งคนออกตามหาทั่วทั้งเมืองหลวง นี่ก็หมายถึงเรื่องข่าวการตายของอ๋องจื่นเฉิ้งก็ไม่สามารถปิดบังต่อไปได้แล้ว และทุกคนในเมืองต่างพากันรู้หมดแล้ว อ๋องซื่อเจิ้งตายแล้ว ขนาดร่างยังถูกคนโขมยไป ข่าวนี้ก็ได้แพร่สะพัดออกไป แล้วก็ทำให้ทุกอย่างโกลาหลขึ้นอย่างมาก แต่ยังมีอีกข่าวลือนึง บอกว่าคนที่ขโมยร่างของอ๋องซื่อเจิ้งไปนั้นก็คือ เสี้ยหลีโม่จากจวนเฉิงเสี้ยง ข่าวลือนี้แพร่สะพัดไปถึงจวนเฉิงเสี้ยง และคนที่ควรจะดีใจที่สุดควรจะเป็นเสี้ยเฉิงเสี้ยง แต่เขากลับดีใจไม่ออก พอเขาได้ยินข่าวการตายของอ๋องซื่อเจิ้ง เขาดีใจมาก แต่ว่าพอได้ยินว่าเสี้ยหลีโม่เป็นคนเอาร่างไปนั้น เขาก็เริ่มสงบลงไปทันที มันไม่ง่ายอย่างนั้นแน่ เสี้ยหลีโม่ไม่มีทางที่จะฝ่าด่านองครักษ์ที่เฝ้าอย่างเข้มงวดแล้วเอาตัวซือถูเย้นไปได้อย่างแน่นอน เขาส่งคนออกไปช่วยไท่เฟยตามหาร่างของซือถูเย้น เพียงแค่เวลาในช่วงเย็นทั้งเมืองก็เกิดความโกลาหลขึ้นทันที ไม่ว่าคนที่เคยเห็นอ๋องซื่อเจิ้งหรือเคยทำงานด้วยกัน ต่างก็พากันส่งคนออกตามหา ถึงอย่างไรยังไม่มีใครเห็นร่างของอ๋องซื่อเจิ้ง ทุกคนต่างก็ไม่มีทางเชื่อว่าเขาตายไปแล้วจริงๆ เรื่องก็ยังคงต้องจัดการให้ชัดเจน ในบ้านหลังหนึ่งที่อยู่นอกเมือง ควันไฟลอยขึ้นคละคลุ้ง กลิ่นหอมของยาลอยตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง “ใช้ไฟแรงก่อน แล้วใช้ไฟอ่อน ใช้ไฟแรง แล้วใช้ไฟอ่อน” คนที่กำลังต้มยาอยู่นั้นก็คือเซียวโธ่ แม่ทัพใหญ่ของแคว้นนี้ เขาเอาแต่ท่องตามที่หลีโม่กำชับไว้ ในห้องนั้น หลีโม่พึ่งทำการฝังเข็มให้ซือถูเย้นเสร็จ เพื่อปลดการฝั่งเข็มที่หยุดชีพจรเขาเอาไว้ในครั้งก่อน ตอนแรกนางก็เอาแต่เป็นกังวลว่าจะไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้ได้ แต่สุดท้ายนางทำได้สำเร็จ หลังจากที่เซียวโธ่ต้มยาเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็เอายาใส่ลงไปในขวด ยาพวกนี้ล้วนเป็นเลือดร้อนๆ ที่สามารถใช้รักษาอาการได้ หลังจากที่ป้อนยาเสร็จแล้ว เซียวโธ่ก็รีบออกไปทำอาหารทันที หลีโม่ซบลงไปบนเตียง เหนื่อยจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงหายใจ พอปีนขึ้นมาได้ก็พลันหลับไปทันที จนถึงมีมือใครบางคนมาลูบที่ศีรษะ นางถึงได้รู้สึกตัว แล้วรีบลุกขึ้นมาก็เห็นซือถูเย้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้วเรียบร้อย แล้วก็เอาแต่จ้องนาง แล้วเขาก็ค่อยๆเลื่อนมือลงมาลูบที่แก้มของนาง พลางยิ้มอ่อน“อย่างกะแมวน้อย!” หลีโม่ยิ้มออกมาเหมือนเด็ก แล้วพูดออกมาเสียงแหบแห้ง:“ยินดีต้อนรับกลับสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง” ทุกข์ใจมานานมาก พอวางใจได้ก็มีความรู้สึกเหมือนคนละโลก
已经是最新一章了
加载中