บทที่ 90 บังคับกลับวัง
1/
บทที่ 90 บังคับกลับวัง
พิษรักองค์ชายโฉมงาม
(
)
已经是第一章了
บทที่ 90 บังคับกลับวัง
บ๗ที่ 90 บังคับกลับวัง ผ่านไปหนึ่งชั่วยามเซียวโธ่ก็ผลักประตูเข้ามาเพื่อเปลี่ยนนางไปพัก แต่กลับพบว่านางได้นอนอยู่บนเตียง แถมยังหลับอย่างสบายอีกด้วย นางนอนตะแคงทางซือถูเย้น แล้วเอามือแปะที่หน้าผากของเขา น่าจะเป็นการวัดไข้ให้เขา ซือถูเย้นก็ยังไม่ได้นอน เขาไม่ขยับตัวอะไร เพียงแค่กรอกตาไปมาเพื่อบอกเซียวโธ่ห้ามส่งเสียง เซียวโธ่ก็ดูจะตกใจอย่างมาก แต่เขาก็ยังถอยออกไปอย่างเบาๆ พอกลับมาที่ห้องข้างๆเขาก็ไปปลุกซูชิงทันที ซูชิงตกใจกระโดดขึ้นมาทันที“มีอะไร?ไข้สูงอีกแล้วหรือ?” “ไม่ใช่”เซียวโธ่นั่งลงแล้วพูด:“แต่ว่า ข้าเห็นพวกเขานอนอยู่ด้วยกันสองคน” ซูชิงได้ยินแล้วก็ไม่รู้สึกแปลกอะไร พลันพลิกตัวแล้วพูดเสียงรำคาญ:“นอนอยู่ด้วยกันก็ไม่เห็นเป็นไร ยังไงตอนนี้ท่านอ๋องก็ไม่สามารถทำอะไรอยู่ดี” เซียวโธ่ลากเขาขึ้นมา“แต่ว่าท่านอ๋องยังบอกให้ข้าห้ามเสียงดังด้วย” ซูชิงดึงผ้าห่มมาห่ม และก็พูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว:“อย่างนั้นหรือ?คนจะนอน” “แต่ว่าเจ้าเคยเห็นท่านอ๋องเป็นห่วงเป็นใยผู้หญิงคนไหนมาก่อนมั้ยละ!”เซียวโธ่จิ้มที่หลังเขา“เจ้าคิดว่าไม่แปลกหรือ?” “มีอะไรแปลก?ก็แค่นอนบนเตียงเดียวกันแค่นั้นหรือ?ข้ากับเจ้าเมื่อคืนก็ไม่ใช่ว่านอนอยู่ด้วยกันหรือ?”ที่จริงซูชิงง่วงนอนมาก เลยไม่ต้องการสนใจเขา เซียวโธ่มองเขาแล้วก็พลันนอนลงไป ไม่วายดึงปกเสื้อเขาไว้แน่นพลันพูดขึ้น:“ก็เพราะว่าที่นี่มีสองห้อง นอนจากเจ้าจะยินยอมออกไปนอนข้างนอก” “งั้นเจ้ารู้หรือยังละ?ถ้าท่านอ๋องไม่ออกไปนอนข้างนอก งั้นก็เป็นหลีโม่นอนข้างนอก ต่างก็ดูไม่เหมาะสมไม่ใช่หรือไง?”ซูชิงลากเสียงพูด เซียวโธ่เอามือทาบที่หน้าอก“หรืออาจจะให้เราสองคนนอนข้างนอก แล้วให้หลีโม่มานอนที่นี่ ท่านอ๋องก็จะได้นอนที่นั่นไง” เสียงกรนของซูชิงดังขึ้น แสดงว่าเขาได้หลับไปแล้ว เซียวโธ่หลับตาลง แล้วก็ลุกขึ้นนั่งแล้วก็ดึงซูชิงอีกครั้ง“ไม่ได้ เจ้าว่าท่านอ๋องเริ่มมีใจให้หลีโม่แล้วหรือยัง?” ซูชิงลูบตาตัวเองแล้วพูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว“ใช่แล้วจะทำไม?” เซียวโธ่เบิกตากว้าง“ใช่แล้วจะทำไมงั้นหรือ?ก็เสี้ยหลีโม่เคยถูกอ๋องเหลียงถอนหมั้นมา ชื่อเสียงของนางจึงไม่ดีไง” “แล้วชื่อเสียงเจ้าดีมากงั้นหรือ?ปีนี้คนที่มีชื่อเสียงที่ดีมีแค่พวกเหล่าแม่ทัพหรือไง?งั้นเจ้าลองพูดมิว่า คนไหนที่มีชื่อเสียงดีแล้วก็มีคุณธรรมกันบ้าง?“ซูชิงอยากจะจัดการถีบเขาออกไปอย่างมาก จะมาพูดอะไรไร้สาระแบบนี้ไปทำไม? เซียวโธ่กระอักในคำพูดของเขาทันที ที่จริงก็ใช่ถ้าลองคิดดีๆ เสี้ยหลีโม่ก็ดูเหมาะสมกับท่านอ๋องอย่างมาก ในบ้านชานเมืองแห่งนี้สงบอย่างมาก ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย แต่ว่าภายในเมืองหลวงนั้นต่างพากันโกลาหลอย่างมาก ร่างของอ๋องซื่อเจิ้งได้หายไป จนทำให้ขุนนางต่างๆพากันคิดไปต่างๆนานา และก็ทำให้คนในวังตกใจกันอย่างมาก ในตำหนักโส้อาน มีเหล่าทหารมาคุกเขาที่หน้าตำหนักตั้งนานแล้ว เพื่อขอให้ฮองไทเฮาออกหน้าปกครอง ตามจริงแล้วก็ไม่สามารถให้ฮองไทเฮาออกหน้ารับได้ ถึงแม้ว่ายุคนี้จะไม่มีการควบคุมจากวังหลัง แต่เมื่อก่อนหลงไทเฮาก็เคยรับราชการแทน การปกครองจากวังหลังก็เคยมีมาก่อนหน้านี้ แต่ว่า สิ่งที่พวกเขาต้องการนั้นไม่ใช่ให้ฮองไทเฮาออกมาเป็นผู้สำเร็จราชการแทน แต่ะพวกเขาต้องการให้ฮองไทเฮาเลือกคนที่จะขึ้นมารับหน้าที่ต่อ ดังนั้น มีบางคนก็เป็นคนของฝ่ายองค์รัชทายาท ฮองไทเฮาที่มองออกไปข้างนอกมีเงาดำๆของคนเต็มไปหมด ก็รู้สึกจิตใจสั่นกลัวขึ้นมา ฮ่องเต้ล้มป่วยได้นานเท่าไหร่กัน?คนขององค์รัชทายาทช่างกำเริบเสิบสานนัก หลายคนที่นักคุกเข่าอยู่ที่หน้าตำหนักโส้อาน คิดว่านางตาบอดหรืออย่างไร?คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าพวกเจ้าต้องการจะทำอะไร? ฮองไทเฮาเป็นกังวลอย่างมาก ซือถูเย้นก็ตายไปแล้ว แถมร่างก็ยังมาหายไปอีก คนขององค์รัชทายาทก็ออกตามหาทั้งวัน แล้วก็ส่งคนเข้ามาบีบนาง ไม่มีใครที่จะเห็นใจนางเลย ซือถูเย้นเป็นเด็กที่นางเห็นมาตั้งแต่เล็กๆ ตั้งแต่เขายังเล็กๆก็ได้เห็นแล้ว ครั้นยังเรียกนางว่า เสด็จแม่อีก แถมยังมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่กลับไม่มีใครถามนางสักคำ ไม่มีใครมาคอยปลอบนางซักคนเดียว ช่วงเที่ยงฮองเฮาก็มาหานาง พอเข้ามาในตำหนักก็พูดปลอบนางสองสามคำ หลังจากนั้นก็พูดขึ้น:“เสด็จแม่ ตอนนี้มีขุนนางหลายคนมาคุกเข่าที่หน้าตำหนักมันดูไม่ดีเลยนะเพคะ ข้าว่าท่านรีบออกรับสั่งเถอะ ประเทศชาติไม่สามารถที่จะขาดคนปกครองได้แม้แต่วันเดียวนะเพคะ“ ฮองไทเฮาแสดงอาการฉุนขึ้นมาทันที“ฮ่องเต้ยังไม่สวรรคต เจ้าพูดแบบนี้ เจ้ารีบอะไรขนาดนั้นหรือ?“ ฮองเฮารีบคุกเข่าลงไปทันที“หม่อมฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่คิดว่า อ๋องซื่อเจิ้งได้ตายไปแล้ว ประเทศก็คนจะมีคนเข้ามาดูแล ถ้าท่านไม่ออกมาปกครองเอง งั้นท่านก็ควรจะเลือกใครสักคนมาดูแลเพคะ ตอนนี้คนที่สามารถเลือกคนที่เข้ามาดูแลบ้านเมืองได้ก็มีเพียงท่านคนเดียวแล้วเพคะ“ ฮองไทเฮาพูดขึ้นเสียงเยือกเย็น:“ตระกูลอายไม่สามารถทำได้ ถ้างั้นฮองเฮาเจ้ามาทำแทนมั้ย?เจ้ามาดูแลบ้านเมืองดีมั้ย“ ฮองเฮารีบตอบทันที:“หม่อมฉันไม่กล้า หม่อมฉันไม่มีความสามารถ คนที่คอยดูแลวังหลังนั้นก็ยังต้องให้เสด็จแม่เป็นคนดูแลอยู่ และก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของบ้านเมืองเลยเพคะ“ นางก็ยังคิดอยู่ว่า ตอนนั้นก็ไม่ใช่ฮองไทเฮาที่เป็นคนปกครองหรือ?แต่หน้าเสียดาย ฮองไทเฮายังมีชีวิตอยู่ ก็เลยต้องยอมอยู่ในอาณัติของนาง ฮองไทเฮารู้สึกว่าเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านางนั้นช่างน่ารำคาญมาก นางแค่ต้องการจะร้องไห้กับเอาเย้นก็ยังไม่ได้ เจตนาที่ฮองเฮามาที่นี่นางเองก็รู้ดี นางก็เป็นเหมือนพวกที่อยู่ด้านนอกตำหนัก ใต้เท้าเหลียงไถ้ฝู้พ่อของนางก็เริ่มบีบบังคับคนอื่นแล้ว ดูเหมือนว่าถ้าวันนี้ไม่หาวิธีรับมือกับเขา บ้านเมืองไม่มีทางสงบแน่ พอคิดถึงจุดนี้ นางก็รับสั่ง:“รับสั่งเรียกไถ้ฝู้“ ฮองเฮาค่อยๆลุกขึ้น แล้วก็ไปหยิบแก้วน้ำชา แล้วรินเบาๆ นางก็พลันหลุดยิ้มที่มุมปากอย่างไม่ตั้งใจ ชายผู้หนึ่งสวมชุดขุนนางเต็มยศเดินเข้ามาในตำหนัก เขามีรูปร่างซูปผอม ตนเกือบเห็นกระดูก และมีดวงตาเล็กๆที่แววตาไม่แสดงอาการใดๆออกมา พร้อมกับหนวคเคราที่ยาวจนปิดปาก ราวกับว่าไม่เคยโกนออกเลย แต่ว่าความยาวสองข้างนั้นเท่ากัน ราวกับจงใจรักษาไว้แบบนั้น เหลียงไถ้ฝู้เข้ามาข้างในตำหนัก แล้วเดินเข้ามาด้านหน้า เพื่อคารวะฮองไทเฮา:“ข้าน้อยขอคารวะฮองไทเฮา ขอให้ฮองไทเฮาอายุยืนหมื่นปี หมื่นหมื่นปี“ “ลุกขึ้นเถอะใต้เท้าเหลียง“ฮองไทเฮายกมือขึ้น “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!“เหลียงไถ้ฝู้ลุกขึ้น แล้วก็หันไปทำความเคารพฮองเฮา ”ข้าน้อยคารวะฮองเฮา“ “ตามสบายเถอะใต้เท้าเหลียง“ฮองเฮาหันไปมองพ่อตัวเอง แต่กลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ฮองไทเฮาเชิญเขาไปนั่ง แล้วก็ถามขึ้นมาตรงๆ“วันนี้ใต้เท้าเหลียงพาขุนนางมาคุกเข่าที่หน้าตำหนักข้า เพื่อต้องการให้ข้าออกไปเป็นผู้สำเร็จราชการแทนอย่างนั้นหรือ?“ เหลียงไถ้ฝู้โค้งตัวแล้วพูดขึ้น:“ฮองไทเฮา ตอนนี้ฮ่องเต้ก็ทรงป่วยหนัก อ๋องซื่อเจิ้งที่สำเร็จราชการแทนก็มาตายไปอีก บ้านเมืองสำคัญมาก ไม่สามารถที่จะขาดคนดูแลได้พ่ะย่ะค่ะ“ “รอให้จัดการกับเรื่องอ๋องซื่อเจิ้งให้เสร็จเรียบร้อยก่อนค่อยว่ากันเถอะ“ฮองไทเฮาพูดขึ้น ใต้เท้าเหลียงพูดขึ้น:“ฮองไทเฮา เรื่องสองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันนะพ่ะย่ะค่ะ“ ฮองไทเฮายกมือขึ้นมาลูบคิ้วที่แสดงถึงความเหนื่อยล้ามาก“อย่างนั้นหรือ?ตระกูลอายกับพวกเจ้าไม่เหมือนกัน ตระกูลอายไม่ใช่ตระกูลที่ดูแลบ้านเมือง ไม่มีความสามารถที่จะจัดการเรื่องที่ใหญ่โตสองเรื่องนี้ได้ ซ์อถูเย้นก็เป็นลูกชายของตระกูลนี้ ลูกข้าตายแล้ว แต่วกเจ้ากลับมาคารวะข้า แล้วก็พาคนมาบีบบังคับข้า แล้วข้าจะสามารถพูดอะไรได้อีก?“ เหลียงไถ้ฝู้ชะงักไปทันที พลันพูดขึ้น:“ฮองเฮา ท่านสงบสติไว้ก่อน ในเมื่อเกิดเรื่องโศกเศร้าแบบนี้ขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องจัดการกับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้าก่อน เรื่องจะได้ค่อยๆคลี่คลาย“ ฮองไทเฮาเบิกตากว้างแล้วพูดเสียงแข็ง:“การตายของอ๋องซื่อเจิ้งสำหรับพวกเจ้าแล้วมันเป็นเรื่องเล็กใช่หรือไม่?แค่ให้เวลากับข้าเพียงแค่วันเดียวก็ไม่ได้เลยหรือ?พวกเจ้าตอนนี้รีบร้อนเรื่องอะไรกันแน่?ใครจะมาสำเร็จราชการแทน ใครจะดูแลบ้านเมือง มีแค่เจ้ากับข้าหารือกันแล้วก็ได้เลยอย่างนั้นหรือ?“ “ข้าน้อย..ข้าน้อยไม่ได้รีบร้อนพ่ะย่ะค่ะ“เหลียงไถ้ฝู่หมดคำที่จะเอามาพูดต่อ คิดไม่ถึงว่านางยิ่งนางไปจะยิ่งพูดยากกว่าเดิม และนี่ก็ยิ่งดูยากขึ้นมาก เขาหันไปมองฮองเฮาแวบนึง ฮองฌอาจึงไปยกน้ำชามา แล้วพูดโน้มน้าว:“เสด็จแม่ ท่านพ่อของข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเพคะ เขาเป็นคนยังไงท่านก็น่าจะรู้ดี เขาเพื่อบ้านเมือง ทำเพื่อประชาชนมาครึ่งค่อนชีวิต จนท่านแม่ข้าบอกว่าเขาเป็นคนที่ไม่ใส่ใจครอบครัวตัวเองเลยสักนิด“
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 90 บังคับกลับวัง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A