ตอนที่ 96 ศึกชิงอำนาจอีกครั้ง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 96 ศึกชิงอำนาจอีกครั้ง
ต๭นที่ 96 ศึกชิงอำนาจอีกครั้ง ตอนนี้ในเมืองหลวงนั้นชุลมุนวุ่นวาย แต่ในบ้านหลังนี้กลับสงบสุขไม่เหมือนก่อนหน้านี้ ทุกวันจะมีทหารที่คอยเฝ้าดูลาดราวในละแวกนี้เข้ามารายงานวันละสามครั้ง เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครค้นหาตัวซือถูเย้นจนมาถึงที่นี่ ที่นี่เป็นที่พักของเซียวโธ่ ไม่มีใครรู้ว่าเขามีบ้านอยู่แถวนี้ และอีกอย่างคนที่ตามหาซือถูเย้นนั้นจริงๆแล้วมีแค่สองคนก็คือ อ๋องอานซินกับซือถูเย้น ขนาดกุ้ยไท้เฟยเองก็เอาแต่โวกเวกโวยวาย ค้นหาอยู่ช่วงนึง หลังจากนั้นก็ไม่ทำต่อ เพราะว่านางมั่นใจว่าซือถูเย้นได้ตายไปต่อหน้าต่อตาของนางแล้ว และทหารของนางก็มารายงานว่าหลีโม่ก็ได้เตกเหวตายไปแล้ว นางเองก็คงจะเดาได้ว่าเซียวโธ่เป็นคนเอาร่างของซือถูเย้นไป ที่เขาทำแบบนี้เพื่อต้องการปั่นป่วนเท่านั้น เขาคงจะคิดว่าถ้าไม่มีร่างของซือถูเย้นสักวัน ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาตายไปแล้ว “เจ้าเด็กนั่น ช่างอ่อนหัดจริงๆ คิดว่าเอาตัวอาเย้นไปแล้ว คนอื่นเขาจะไม่รู้เรื่องหรือไง?ในใจของเหลียงไถ้ฝู้นั้นก็รู้ดี ในเมื่อเขากล้าส่งคนไปกดดันฮองไทเฮา แสดงว่าเขาก็รู้ว่าอาเย้นตายแล้ว“ กุ้ยไท้เฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้ายังมีรอยคราบน้ำตาติดอยู่ ซือถูเย้นก็เป็นลูกของนาง ในเมื่อเขาได้จากไปแบบนี้ นางเองก็เป็นแม่ก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่มีทางเลือก?นางเลยต้องทำแบบนี้ ซือจู๋ที่อยู่ข้างกายกุ้ยไท้เฟยมาโดยตลอดก็พูดขึ้น:“ไท้เฟย รองพระสนมซุนมาที่นี่ แล้วถามถึงเรื่องท่านอ๋อง ดูเหมือนว่านางก็น่าจะรู้เรื่องแล้ว” กุ้ยไท้เฟยเช็ดน้ำตาออก“อ๋องอานชินคิดว่าการที่เขาปิดข่าวเอาไว้แบบนี้ แต่คนที่มันมีปากกว้างกันนั้น จะสามารถปิดเรื่องนี้ไว้ได้อย่างไร?ช่างดูโง่เขลานัก ไปบอกรองพระสนมว่า อาเย้นได้เสียแล้ว เพื่อให้นางได้เตรียมตัวเอาไว้ บอกให้นางกลับไปทำใจที่บ้าน เพื่อให้ใต้เท้าซุนได้รู้เรื่องด้วย” “ข้าบอกแล้วเพคะ”ซือจู๋ตอบ กุ้ยไท้เฟยพลันถอนหายใจออกมา“ซือจู๋ เจ้าเองก็โทษข้าใช่หรือไม่?” ซือจู๋ชะงักไป“ไม่เพคะ ข้าน้อยจะไปโทษไท้เฟยได้อย่างไร ที่ไท้เฟยต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าไม่มีทางเลือก?” กุ้ยไท้เฟยหายใจเข้าอย่างแรง น้ำตาก็พรั่งพรูออกมา“หากว่ามีทางเลือกอื่น ข้าเองก็ไม่ต้องทำแบบนี้ หลังจากที่เขาถูกแต่งตั้งแล้ว ข้าก็พยายามเกลี้ยกล่อมเขาบอกให้เอาองค์ชายแปดกลับมา เขาก็ไม่ยอม นั่นมันน้องชายแท้ๆของเขาเลยนะ!อีกอย่างวันนั้นตอนที่อยู่ในวังข้าบอกกับเขาว่าให้อยู่ห่างจากเสี้ยหลี่โม่ เขากลับบอกให้ข้ากลับมาที่ตำหนักแล้วก็เชยชมกับชื่อเสียงเงินทองที่มีอยู่ให้พอใจ ตั้งแต่วันนั้น ข้าก็รู้เลยว่าไม่สามารถที่จะควบคุมเขาได้” ซือจู๋กระซิบเบาๆ:“บางทีท่านอ๋องอาจจะต้องการให้ไท่เฟยใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขก็ได้นะเพคะ” กุ้ยไท้เฟยหัวเราะออกมา:“อย่างนั้นหรือ?เขาไม่ยอมแย่งอำนาจมาข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?หากว่าเขามีความกตัญญูอยู่บ้าง วันนั้นที่ข้าบอกเขาก่อนที่ฮ่องเต้จะสวรรคต ให้เขาขึ้นครองราชย์ ทำไมเขาถึงได้ดื้อรั้นไม่ยอมตลอดเวลาอยู่อย่างนั้นละ? ตอนนี้เขายังเกียจชังข้าที่เข้าไปยุ่งเรื่องของเขา ข้ายังจะสามารถที่จะหวังอะไรจากเขาได้อีกอย่างนั้นหรือ?ถ้าหากเขาไม่ยอมขึ้นครองราชย์ ข้าก็จะตายวันนั้น งั้นข้าก็เป็นได้แค่ไท้เฟย ที่ตลอดชีวิตนี้ต้องยอมอยู่ในอาณัติของนาง ข้าไม่ดีเท่านางตรงไหนกัน?ไม่มีทาง ข้าไม่ยอม ในเมื่อเขาไม่ยอมเข้าใจความลำบากของข้า ไม่รู้ว่าข้าต้องทนทุกข์ทรมานมานานหลายปี ข้าเองก็ไม่สนใจเรื่องความเป็นแม่กับเขาเหมือนกัน” ซือจู๋จึงไปเอาน้ำชามาให้นาง“ไท้เฟยรู้สึกทรมานมั้ยเพคะ?” กุ้ยไท้เยก็หัวเราะออกมาอีกรอบ แต่กลับร้องไห้ออกมาไม่ยอมหยุด อารมณ์ที่แสดงออกมาแบบนั้น ตลอดชีวิตนี้ไม่มีทางจะลืมได้ลง เป็นความโหดเหี้ยมอย่างมาก แต่นางกลับพูดขึ้นมาอย่างเศร้าใจ“ทรมานสิ จะไม่ทรมานได้อย่างไร?เขาเป็นลูกที่ข้าให้กำเนิดมา เป็นลูกแท้ๆของข้า แต่ข้ามีทางเลือกอื่นมั้ย?ถ้าหากว่าข้ามีทางเลือกอื่น ข้าคงไม่บอกให้เขาไปตาย ข้ายังจำได้ดี ตอนนั้นตอนที่ข้าให้กำเนิดเขา อีกนิดเดียวก็เกือบจะสิ้นใจแล้ว แต่ว่าก็คุ้มค่ามาก เพราะหลังจากนั้นหนึ่งเดือนฮ่องเต้องค์ก่อนก็อยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด แถมยังแต่งตั้งให้ข้าเป็นไท้เฟย ลูกคนนี้เป็นลูกรักของข้ากับฮ่องเต้ ข้าจะอยากทิ้งเขาไปทำไม ตอนนี้หัวใจของข้าเหมือนโดนมีดปักอยู่!” ซือจู๋ก็พลันร้องไห้ออกมา“ข้าน้อยเข้าใจท่านแล้วเพคะ” กุ้ยไท่เฟยจับมือของซือจู๋ไว้“ตั้งแต่ที่ข้ากับนางแข่งกันมา เจ้าก็คอยสนับสนุนข้ามาโดยตลอด เจ้าจำไว้ เป็นเพราะนางบีบบังคับให้ข้าเดินทางนี้ ข้าถึงได้ทำแบบนี้” ซือจู๋ลูบหลังนาง แล้วก็พูดออกมาอย่างจำใจ:“เพคะ ข้าเข้าใจไท้เฟย ท่านไม่มีทางเลือกแล้ว” “ถ้าดูตามจริงแล้ว องค์ชายแปดจะมาถึงตอนไหน?”กุ้ยไท้เฟยนิ่งไปพักนึง แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้น ความทรมานเมื่อกี้ก็พลันค่อยๆหายไป ซือจู๋จึงพูดขึ้น:“วันที่ไท้เฟยได้ลงมือ อ๋องหนานหวยก็ได้ออกเดินมาแล้ว ถ้าตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงวันนี้ ท่านอ๋องก็ได้มาถึงนานแล้วเพคะ เพียงแต่ กลัวว่าคนอื่นจะสงสัย เขาก็เลยรอเวลา คาดว่าน่าจะมาถึงเมืองหลวงพรุ่งนี้ตอนเย็นเพคะ” “ใช่ เขาทำอะไรก็ต้องรอบคอบตลอดมา หากว่าเขามาถึงเมืองหลวงเร็วมาก คนอื่นก็คงจะสงสัยเอา ถ้ามาถึงพรุ่งนี้ตอนเย็น ถึงแม้ว่าจะเร็วไปหน่อย ก็สามารถแก้ตัวไปได้ ว่าเพราะเกิดเรื่องขึ้นกับพี่ เขาก็เลยร้อนใจ เลยรีบกลับมา ก็น่าจะไม่มีใครสงสัยแล้ว” ซือจู๋มองที่แผลตรงหน้าผากนางพลันพูดขึ้น:“วันนั้นไท้เฟยไม่ควรจะวิ่งเข้าไปชนจริงๆ ถ้าหากว่าชนไปแล้วเกิดเรื่องขึ้นมาจะทำอย่างไร?” กุ้ยไท้เฟยยื่นมือออกไปจับที่หน้าผากตัวเอง แล้วก็ดื่มน้ำลงไปจนหมดแก้ว พลันพูดขึ้นเสียงเยือกเย็น:“ถ้าหากว่าไม่ทำแบบนี้ นางจะยอมรับสั่งหรือ?นางดูเหมือนเป็นคนอ่อนโยน นิ่มนวล แต่เล่ห์เหลี่ยมนางเยอะมาก ถ้าหากว่าไม่มีขุนนางคอยกดดันนางอยู่ข้างนอก นางก็ไม่มีวันที่จะรับสั่งแบบนี้” ซือจู๋ไม่ได้พูดขัดอะไร เพียงแต่คอยรินน้ำชาให้นาง พลบค่ำ อ๋องหนานหวยหรือซือถูชวนก็พลันเข้ามาในเมือง พร้อมกับทหารสองสามนาย พลันเข้ามาในเมืองด้วยความอ่อนเพลีย เหน็ดเหนื่อย ด้านตำหนักโส้อาน ขุนนางก็ยังคุกเข่าอยู่แบบนั้นหลายวันติดติดกัน คนพวกนี้ผลัดเปลี่ยนกันมาคุกเข่า เหลียงไถ้ฝู้ทุกวันจะอยู่ที่นั่นสามถึงสี่ชั่วยาม และเวลาที่เหลือเขาก็จะออกนอกวัง ตอนที่อ๋องหนานหวยเข้ามาในตำหนัก เขาเองก็อยู่ที่นั่นพอดี เหลียงไถ้ฝู้ยืนอยู่บันไดหิน แล้วมองไปยังคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง หลังของเขาตรงมาก ใบหน้ามีแต่ความโศกเศร้า ความดื้อดึงในสมัยก่อนนั้น ตอนนี้กลับไม่มีแล้ว เขาสวมชุดสีดำที่ยิ่งโดนแดดสอ่งก็ยิ่งทำให้ผิวดำมาก ถ้ามองแค่ใบหน้านั้นก็จะดูเหมือนเป็นคนนิ่งๆและนิสัยดี เหลียงไถ้ฝู้ชะงักไปนิดนึง หากว่าอ๋องหนานหวยเป็นเหมือนเมื่อก่อนที่เอาแต่อวดดี ยโสโอหัง เขาก็คงจะรับมือได้ไม่ยาก แต่ว่าตอนนี้ เขาไปอยู่ที่แคว้นหนานถูกหล่อหลอมจนเขาเปลี่ยนไปแล้ว “ใต้เท้าเหลียง!”อ๋องหนานหวยเดินมาข้างหน้าเขา แล้วพลันแสดงความเคารพ ใต้เท้าเหลียงจึงรีบเคารพกลับทันที“ท่านอ๋องเดินทางมาลำบากแล้ว” “ไม่เท่าไหร่ ถึงจะลำบาก แต่ว่าตอนนี้ก็มาถึงแล้ว”อ๋องหนานหวยขอบตาแดง แล้วพลันก้มลงบอกลา“ข้าต้องขอตัวไปเฝ้าเสด็จแม่ก่อน แล้ววันหลังค่อยคุยกันนะใต้เท้า” เหลียงไถ้ฝู้รับการคารวะ แล้วก็มองตามหลังเขาไป แล้วก็หลี่ตามองเขา พลันแสดงความดุร้ายออกมาจากแววตา “ใต้เท้าเหลียงกลัวว่าซือถูชวนจะกลับมาแย่งอำนาจจากท่าน”ขุนนางที่นั่งคุกเข่าอยู่ก็พลันพูดขึ้น ขุนนางทั้งหกกรมนั้น ล้วนแต่ขึ้นกับเหลียงไถ้ฝู้ ใต้เท้าซุยเองก็ไม่ค่อยชอบพวกเขาตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นเขาก็เลยมาพึ่งใต้เท้าเหลียง เหลียงไถ้ฝู้พูดขึ้นเสียงนิ่งๆ:“บางที เขาอาจจะเป็นคนที่วางแผนฆ่าซือถูเย้นก็ได้ ฮองไทเฮาพึ่งจะรับสั่งไปได้ไม่กี่วัน เขากลับมาถึงเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะบอกว่าเป็นการมาแบบเร่งรีบ แต่ว่าข้าไม่เชื่อว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับซือถูเย้นขนาดนั้น” 
已经是最新一章了
加载中