ตอนที่ 105 ข้ามอะไรไป
1/
ตอนที่ 105 ข้ามอะไรไป
พิษรักองค์ชายโฉมงาม
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 105 ข้ามอะไรไป
ตนที่ 105 ข้ามอะไรไป เมื่อเห็นอ๋องฉีเงียบ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ต่างก็รู้ ว่าสัญญาฉบับนี้ต้องทำการลงนามล่วงหน้าก่อนแล้ว แต่ ใครกันที่ลงนาม? ลี่ปู้ซื่อหลางยืนขึ้นก่อนจะพูดว่า: “ฮองเฮาเหนียงเหนียง หม่อมฉัขอแนะนำ มันจะดีกว่าหากอง์รัชทายาทครองบัลลังก์ชั่วคราว เพื่อลงนามต่อสนธิสัญญา” ใต้เท้าชุยชำเลืองมองไปยังลี่ปู้ซื่อหลางด้วยสายตาราบเรียบ ก่อนหน้านั้นเขาได้ทราบข่าวมาว่าเขาและไถ้ฝู้คบหากัน แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆเมื่อกวาดสายตาไปยังใบหน้าขององค์รัชทายาท ฮองไทเฮาไม่ได้ตอบเขาออกมาโดยตรง อีกทั้งยังมองไปทางองค์รัชทายาทแวบหนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นว่า: “องค์รัชทายาท เจ้าคิดว่าตัวเองสามารถแบกรับตำแหน่งผู้บริหารประเทศได้หรือไหม?” องค์รัชทายาทซือถูเย้นค่อยๆยืนขึ้นมาอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เสด็จย่า เหล่าพี่น้องราชนิกุลทุกท่าน ขุนนางทุกท่าน ขอบน้ำใจเป็นอย่างสูงที่มาร่วมเฉลิมฉลองและให้ความสำคัญกับข้าเช่นนี้ คุณสมบัติและประสบการณ์ของข้า การบริหารประเทศยังเทียบเท่าทุกท่าน ณ ที่นี่ไม่ได้ เสด็จย่าศรัทธาให้ข้าเป็นผู้ดูแลประเทศ ข้าหวาดกลัวเสียไม่ได้ กลับรู้ว่าตัวเองในฐานะองค์รัชทายาทไม่สามารถหลบหลีกหน้าที่นี้ได้พ้น หวังว่าข้าราชบริพารและราชนิกุลทุกท่าน จนทรงช่วยเหลือเกื้อกูลข้าอย่างสุดกำลัง ” ทุกคนอดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้ คำพูดนี้มาจากไหนกัน? ฮองไทเฮาเพียงแค่ถามความคิดเห็นของเขา ไม่ได้ทรงตัดสินใจจะให้เขาเป็นผู้ถูกเลือกในการดูแลประเทศสักหน่อย เขาถ่อมตัวและมีมรรยาท แต่กลับต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หากมีความมุ่งมั่น ก็อาจจะประสบความสำเร็จ ฮองไทเฮาส่ายหน้าเบาๆ โง่เขลา โง่เขลา เบาปัญญาเป็นอย่างยิ่ง นางให้เขาพูด เพราะรู้ว่าตอนนี้จะต้องทำการคัดเลือกผู้บริหารประเทศ ในเมื่อไม่สามารถหลีกหนีพ้น นางก็จะให้โอกาสสักครั้ง ให้เขาได้แสดงความสามารถของเขา ให้เขาได้พูดนโยบาลในการบริหารประเทศของตัวเอง และโต้กลับผู้ที่ขัดแย้งต่อเขา หากเขาทำดี ก็จะทรงบอกให้นางทรงกำหนดชี้ขาด ความมุทะลุเช่นนี้ จะทำให้เป็นที่นิยมอย่างนั้นหรือ? และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ อ๋องหลี่ชินยืนขึ้นแล้วพูดว่า: “ฮองไทเฮา หม่อมฉันคิดว่า การคัดเลือกผู้บริหารประเทศ เป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่อาจตัดสินแบบสุกเอาเผากินได้พะยะคะ หม่อมฉันขอแนะนำให้ฮองไทเฮาเสนอต่อชั้นศาลในวันพรุ่งนี้ และคัดเลือกผู้ที่จะมาบริหารประเทศ จากนั้นก็ค่อยลงยามสัญญานะพะยะคะ” เหลียงไถ้ฝู้หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา “อ๋องหลี่ชิน การคัดเลือกผู้บริหารประเทศย่อมไม่สามารถทำแบบสุกเอาเผากินได้ แต่องค์รัชทายาทนั้นน่าเชื่อถือและเหมาะสมที่สุดแล้ว เขาเป็นถึงองค์รัชทายาทของฮ่องเต้ ส่วนฮ่องเต้ก็ชื่นชมองค์รัชทายาทมาก ทุกท่านยังจำกันได้ เมื่อครั้งที่องค์รัชทายาทถูกแต่งตั้ง ฮ่องเต้ประเมินไม่ดีหรือ? ฮ่องเต้ทรงให้เขียนลงพระบรมราชโองการไว้ว่าองค์รัชทายาทจะต้องเป็นพลทหารที่มีจิตใจเมตตา มีความภักดีกษัตริย์ รักใคร่ปรองดองต่อพี่น้อง ฮ่องเต้ชื่นชมองค์รัชทายาทอย่างมาก จิตใจของฮ่องเต้ ทุกท่านทรงพินิจพิเคราะห์ได้ว่าองค์รัชทายาทเป็นผู้ดูแลบ้านเมือง ย่อมเหมาะสมที่สุดแล้ว” ใต้เท้าชุยจึงพูดขึ้นว่า: “วันนั้นฮ่องเต้แต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท พระบรมราชโองการก็เป็นเช่นนี้ แต่ เมื่อครั้นฮ่องเต้ทรงประชวรหนัก กลับได้เปลี่ยนจากท่านอ๋องคนเดิมเป็นอ๋องซื่อเจิ้ง มารับตำแหน่งบริหารดูแลประเทศ เพราะฮ่องเต้ทรงคิดว่าองค์รัชทายาทยังทรงอ่อนเยาว์เกินไป จำเป็นต้องผ่านการฝึกฝน จึงได้ทำการเปลี่ยนตำแหน่งองค์รัชทายาท ” อ๋องอานชินจึงพูดขึ้นว่า :“ฮองไทเฮา หม่อมฉันเห็นด้วยกับใต้เท้าชุยนะพะยะคะ องค์รัชทายาทอายุยังน้อย ควบคุมทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว เกิดจิตใจหยิ่งผยองอวดดีขึ้นได้ง่าย ไม่สามารถบังคับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ได้ หากราษฎร์ไม่คิดจะนอบน้อมศรัทธา อำนาจในการบริหารประเทศก็จะหละหลวม หากในเวลานี้มีพวกหมานอี๋ที่มีจิตใจโลภขึ้นมา แคว้นต้าโจวอาจจะล่มสลายลงได้” (หมานอี๋ ในสมัยโบราณเป็นคำที่ชาวจีนใช้เรียกชนเผ่าอื่น) เหลียงไถ้ฝู้พูดขึ้นว่า : “อ๋องอานชินพูดจาว่าระวังด้วย ประโยคนี้ที่ว่าไม่มีทางบังคับควบคุมขุนนางชั้นผู้ใหญ่ได้ ดูเหมือนว่าจะมีความหมายอื่นแฝงด้วย อย่าได้ล่วงเกินขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ หากพูดถึงตำแหน่งหน้าที่ ก็ควรจะพูดจาอย่างตรงไปตรงมา” อ๋องอานชินพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “เจ้าก็ฟังออกนิ ไถ้ฝู้ช่างฉลาดมากเสียจริง ไม่ผิด ข้าพูดถึงเจ้า เองค์รัชทายาทไม่เข้าใจ เรื่องที่จำเป็นต้องทำในวันข้างหน้าก็ยังต้องพึ่งพาไถ้ฝู้อยู่ พระประยูรญาติจะมีผลอะไร ครั้งอดีตก็มีตัวอย่างที่น่าจดจำไม่น้อย ข้าไม่ได้มีเจตนาพูดให้คนอื่นตกใจหรอก เพียงแต่ในฐานะคนในเชื้อพระวงศ์ ข้ามั่นใจได้ว่าอำนาจของกษัตริย์ไม่มีทางตกอยู่ในมือของผู้อื่นอย่างแน่นอน” เหลียงไถ้ฝู้จึงได้ตะโกนออกไปว่า “อ๋องอานชิน นี่เป็นการประณามที่ร้ายแรงอย่างใหญ่หลวงมากทีเดียว การกล่าววาจาร้ายแรง เจ้าช่างไร้เหตุผล การกล่าวหาว่าข้าต้องการยึดครองบัลลังก์ หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่พระพักตร์ของฮองไทเฮาและเหล่าขุนนางละก็ ข้าไม่มีทางยอมเลิกลาอย่างแน่นอน ” สีหน้าของอ๋องอานชินนั้นเย็นชามากขึ้น “ไถ้ฝู้ หากเจ้าไม่ยอมเลิกรากับข้า งั้นข้าจะอยู่อภิปรายเป็นเพื่อนเจ้า ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง พูดเรื่องการคัดเลือกตำแหน่งผู้ดูแลประเทศในตอนนี้น่าจะเห็นสมควรกว่า ในฐานะที่เจ้าเป็นไถ้ฝู้ แล้วก็ยังเป็นจูงซูลิ่งอีก การคัดเลือกผู้ดูแลประเทศน่าจะเกิดการคัดค้านในภายภาคหน้า เพราะอ๋องซื่อเจิ้งยังไม่สิ้นพระชนม์ บัดนี้ก็ยังไม่ทราบชัดแจ้งเห็นจริงแต่อย่างใด” เหลียงใถ้ฝู้จึงพูดขึ้นว่า “อ๋องซื่อเจิ้งได้บาดเจ็บอย่างแสนสาหัส พระชายาก็เป็นพยานได้ จะหาว่าหลอกลวงอย่างนั้นหรือ?” “อย่างนั้นพระศพอยู่ที่ไหนกันละ? รอดก็มีชีวิต สิ้นชีพก็มีพระศพ จนบัดนี้แม้แต่พระศพก็ยังไม่เห็น หากจะกล่าวว่าอ๋องซื่อเจิ้งผู้ดูแลประเทศสิ้นพระชนม์ ฟังดูเหลวไหลมาก” เหลียงไถ้ฝู้กล่าวขึ้นด้วยความกลัดกลุ้มใจว่า “อย่างที่ท่านอ๋องพูด หนึ่งวันเต็มที่ยังไม่เห็นแม้แต่พระศพของอ๋องซือเจิ้ง ตำแหน่งผู้ดูและประเทศก็ยังคงว่างต่อไปอย่างนั้นหรือ ? ประเทศที่ใหญ่ ไม่มีใครสามารถในการปกครอง หรือว่าอ๋องอานชินอยากจะครอบครองตำแหน่งผู้ดูแลประเทศเสียเองละ? หากคิดเช่นนี้ อย่างนั้นก็พูดมาตามตรง ทำไมจะต้องปกปิดความนึกคิดพูดจาอ้อมค้อมด้วยละ? ” อ๋องอานชอนพูดว่า: “ทำไมข้าจะเป็นผู้ดูแลประเทศไม่ได้ละ? การต่อสู้เอย ความรู้เอย สติปัญญาด้านสงครามเอย มีตรงไหนที่ข้าเทียบเท่าองค์รัชทายาทไม่ได้?” เมื่อเฉิงเสี้ยงเสี้ยเห็นอ๋องอานชินยังคงโต้กลับอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดความกระวนกระวายขึ้นมาในใจ จากนั้นก็ขยิบตาให้กับหลี่ซื่อ ให้นางออกไปพูดกู้หน้าเพื่อองค์รัชทายาท หลี่ซื่อกลับแสร้งทำเป็นไม่เห็น จากนั้นก็หันหน้ากลับไปอย่างช้าๆ ใบหน้าของเฉิงเสี้ยงเสี้ยจึงได้แสดงออกถึงความโกรธเคือง แต่กลับต้องยืนขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า : “ไถ้ฝู้และท่านอ๋องยืนหยัดต่างไม่ยอมกันต่อไปไม่ไหวหรอกพะยะคะ การแก่งแย่งมีแต่จะทำให้บาดเจ็บและอารมณ์ไม่เสียเปล่าๆ วันนั้นไน่จื่อได้เคยจัดตั้งการอภิปรายขึ้นมาแล้ว ฮ่องเต้เองก็รู้สึกได้ถึงความเป็นอัจฉริยะของไน่จื่อ ไม่สู้เท่าฟังความคิดเห็นของไน่จื่อดูละ?” หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นพูดประโยคนี้ออกมา ล้วนแล้วแต่เป็นที่สงสัยว่าไม่ไว้หน้าอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการให้เกียรติภรรยาของตัวเอง แต่มีเพียงเฉิงเสี้ยงเสี้ยที่จะสามารถพูดเช่นนี้ได้ จึงสร้างความไม่พอใจขึ้นมาไม่น้อย เพราะ จริง ๆ แล้วหลี่ซ่วยหยุ่นที่เขาพูดถึงก็เป็นแม่นางที่แปลกอยู่มาก แต่ถึงอย่างไรก็มีความคิดเห็นที่โดดเด่นมากทีเดียว ทุกคนจึงต่างมองไปยังหลี่ซื่อ เฝ้ารอให้นางแสดงความเห็นชั้นสูงออกมา แต่ว่า ในใจของคนหมู่มากก็ล้วนมีแผนอยู่ภายในใจอยู่แล้ว เพราะเฉิงเสี้ยงเสี้ยยืนอยู่ข้างกายขององค์รัชทายาท คำพูดนี้ของหลี่ซื่อ ต้องได้รับการปกป้องจากองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน อีกทั้งในใจของทุกคนก็ล้วนมีแผนอยู่ในใจ คำพูดของหลี่ซื่อสามารถหยุดยั้งอ๋องอานชินได้ เพราะอ๋องอานชินไม่สามารถโต้แย้งหลี่ซื่อได้ ความรู้สึกภายในใจ ต่างก็รู้สึกว่ากลอุบายนี้ของเฉิงเสี้ยงเสี้ยนั้นมีรายการจอย่างมาก อ๋องฉีก็เห็นแล้ว ต่างก็อดที่จะมองไปมองไปทางอ๋องอานชินด้วยความสงสารไม่ได้ การคบค้าสมาคมหลายปีมานี้ เขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างอ๋องอานชินและหลี่ซ่วยหยุ่นเป็นอย่างดี ซึ่งคราวนี้เขาต้องพ่ายแพ้เป็นแน่ ฮองไทเฮาเองก็อยากฟังหลี่ซื่อพูดเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เพราะนางรู้สึกว่าหลี่ซื่อจะสามารถพูดอภิปรายได้เหนือชั้นกว่าแต่อย่างใดหรอกนะ แต่ไท่ฮองไท่เฮายกชื่อของเสี้ยหลี่โม่ขึ้นมา นางอยากเข้าใจเสี้ยหลี่โม่ผ่านความเข้าใจของหลี่ซื่อ ดังนั้น นางจึงพูดขึ้นว่า :“ฮูหยิน อายเจียเองก็เคยได้ยินฮ่องเต้พูดมาก่อน เพื่อบุรุษก็ต้องยอมเป็นเสาหลักให้แก่ประเทศ อายเจียอยากฟังความคิดเห็นของเจ้าด้วยเช่นกัน” เมื่อหลิงหลงฮูหยินได้ยินฮองไทเฮายกย่องให้เกียรติหลี่ซื่อ แล้วไหนจะสายตาทุกคู่ในงานต่างจ้องมองมายังใบหน้าของหลี่ซื่ออีก นางอิจฉาอย่างบ้าคลั่ง ไม่รู้ว่ามีสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังมากมายแค่ไหนจับจ้องไปทางนาง ไม่ใช่หลี่ซ่วยหยุ่นแม่นางที่ร้ายกาจที่สุด หลี่ซื่อค่อยๆยืนขึ้น จากนั้นก็โค้งตัวไปทางฮองไทเฮาเพื่อทำความเคารพ โดยไม่พูดอะไร เฉิงเสี้ยงเสี้ยชำเลืองมองไปยังอ๋องอานชิน สีหน้าขงอ๋องอานชินอึมครึมไม่สดใส และจ้องมายังหลี่ซื่อตลอด หลี่ซื่อจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสว่า: “หม่อมฉันอาศัยอยู่แต่ในตำหนัก ไม่ได้ข่าวของราชวงศ์มาเนิ่นนานแล้ว จึงไม่มีความเห็นอะไรเป็นพิเศษเพคะ แต่เมื่อหม่อมฉันได้ยินการถกเถียงของไถ้ฝู้และท่านอ๋อง รู้สึกว่าทุกคนมองข้ามเรื่องหนึ่งไป?” ทุกคนมองหน้ากันและกัน มองข้ามเรื่องอะไรไปอย่างนั้นหรือ?
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 105 ข้ามอะไรไป
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A