ตอนที่ 30ความผันผวนในวัง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 30ความผันผวนในวัง
ต๭นที่ 30ความผันผวนในวัง จางยวี่โหร่วจำได้ว่า ในชาติก่อน สองสามวันหลังจากที่นางแต่งกับเป่ยจื่อห้าวแล้ว ก็มีงานเลี้ยงฉลองแบบนี้ ที่จัดขึ้นเพื่อฉลองวันเกิดให้กับพระสนมเสียนเฟย นางไม่มีวันลืม ว่าในงานเลี้ยงวันนั้นได้เกิดเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวนขึ้น พี่เสียนเฟยที่นางเคารพรักอย่างที่สุด ต้องโดนกล่าวหาว่าวางยาพิษไท่จื่อ หลังจากนั้นก็ถูกฮ่องเต้ปลดจากตำแหน่งต้องเข้าไปอยู่ตำหนักเย็น และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้พี่สะใภ้รองเศร้าโศกเสียใจอย่างยิ่ง แม้ท่านปู่จะพยายามหาวิธีแต่ก็ไม่อาจช่วยได้ เพราะนี่เป็นเรื่องภายในราชวงศ์ ไม่ใช่กิจการบ้านเมือง แม้ท่านปู่จะเป็นถึงไท่ซือแต่ก็ไม่อาจยื่นมือไปยุ่งด้วยได้ มิฉะนั้นจะไปก้าวล่วงกฏมณเฑียรบาลได้ ไท่จื่อเป็นพระโอรสเพียงพระองค์เดียวของฮองเฮาองค์ก่อน และเป็นโอรสที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุด ถึงแม้ไท่จื่อจะเป็นคนสมองช้ามาตั้งแต่เกิด แต่ฮ่องเต้ก็มิได้ทรงใส่ใจ เขาจึงได้รับเลือกให้เป็นรัชทายาทโดยไร้คู่แข่ง การที่เขาโดนคนลอบวางยาพิษ จึงเป็นการจงใจกระตุกหนวดมังกร ดังนั้นแม้ว่าเสียนเฟยจะถูกลงโทษ แต่แท้จริงแล้วไม่ทรงคิดลงอาญาจริง ที่ให้นางเข้าไปอยู่ตำหนักเย็นตั้งแต่ทีแรกก็เพราะเห็นแก่หน้าองค์หญิง ไม่เช่นนั้นฮ่องเต้คงประทานความตายให้นางไปแล้ว แต่จางยวี่โหร่วรู้ดีว่า พี่เสียนเฟยไม่มีวันทำเรื่องอย่างนี้ได้แน่ นางอ่อนโยนจิตใจดีงามขนาดนั้น ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดี ทั้งไม่ใช่คนที่จิตใจอำมหิตลงมือฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นแน่ องค์ไท่จื่อสำหรับพระสนมทั้งหลายแล้วถือเป็นภัยคุกคามต่อตัวเอง เป็นเพราะพวกนางล้วนแต่ให้กำเนิดพระโอรส ใครบ้างจะไม่อยากให้บุตรชายตัวเองได้เป็นฮ่องเต้ในอนาคตกัน? แต่พี่เสียนเฟยมีองค์หญิงเพียงพระองค์เดียว ทั้งอายุเพิ่งจะแค่ห้าขวบ จึงไม่มีเหตุผลที่นางต้องลงมือทำแบบนี้ ดังนั้น ต้องเป็นพระสนมคนใดคนหนึ่งที่คิดให้ร้าย นางมักคิดเสมอว่าต้องเป็นลี่เฟยกับองค์ชายสาม เพราะนอกจากพวกเขาแล้ว ใครที่ไหนจะมีจิตใจอำมหิตแบบนี้ได้ แต่นางก็อดยอมรับไม่ได้ว่า แผนครั้งนั้นช่างเป็นแผนการณ์ที่ยอดเยี่ยม นอกจากสังหารไท่จื่อได้แล้ว ยังกำจัดเสียนเฟยได้อีกด้วย เป็นแผนที่ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว ดังนั้นงานเลี้ยงในวังครั้งนี้ นอกจากต้องช่วยหลินจือแล้ว เรื่องสำคัญที่สุดที่จางยวี่โหร่วต้องทำ คือการช่วยเหลือเสียนเฟยให้รอดพ้นจากภัยครั้งนี้ โดยต้องหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังลอบวางยาพิษตัวจริงออกมาให้ได้ เวลาผ่านไปรวดเร็ว ก็มาถึงช่วงพลบค่ำของวันถัดไป จ้าวซินซินได้มาถึงตำหนักไท่ซือก่อนเป็นเวลานาน จึงรอที่จะเข้าไปในตำหนัก ผ่านไปสักพัก หลินจือก็มาถึง จางยวี่โหร่วเป็นคุณหนูที่มีชาติตระกูลอย่างไม่ต้องสงสัย บิดาของหลินจือแม้มีตำแหน่งไม่นับว่าสูงมาก แต่นางก็เป็นธิดาของภรรยาเอก และมีความเป็นผู้ดีอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะท่าทางหรือนิสัยใจคอล้วนเปิดเผยตรงไปตรงมา มีแต่จ้าวซินซิน ที่เมื่อยืนอยู่ข้างๆพวกนางแล้วดูแปลกแยกไม่เข้าพวก ใบหน้าของนางใช่ว่าจะงามที่สุด ถ้าไม่ได้เสื้อผ้าที่จางยวี่โหร่วส่งมาให้นางเมื่อก่อนนี้แล้ว นางก็ดูเหมือนแค่เด็กในบ้านคนหนึ่งเท่านั้น แล้วทำไมจางยวี่โหร่วถึงยังยอมพานางเข้าวังไปด้วย หรือเพราะอยากเห็นนางหาเรื่องให้ตัวเองต้องเสียหน้า จ้าวซินซินเองก็รับรู้สถานการณ์ตอนนี้ดี ในใจจึงมีความรู้สึกอิจฉาริษยาอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่ต้องรอให้นางเอ่ยปาก จางยวี่โหร่วก็จะเอาข้าวของเครื่องใช้ของตัวเองส่งมาให้นาง เมื่อวานนางได้ส่งชิ้วฮัวหยกลู่ที่มีค่ามากมาให้นางหนึ่งกล่อง จ้าวซินซินจะทำหน้าหนาเอ่ยปากขอเสื้อผ้าเครื่องประดับจากนางอีกได้ยังไงล่ะ? หลังจากถึงวังแล้ว เกี้ยวเพิ่งจะวางลง พวกของจางยวี่โหร่วก็ได้เจอกับเป่ยจื่อห้าว วันนี้เขาได้มาเห็นจางยวี่โหร่วที่แต่งหน้าทาปากอย่างสวยงาม สายตาจึงจับจ้องแต่นางเพียงผู้เดียว มองนางที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ “ถวายบังคมเพคะองค์ชาย” จางยวี่โหร่วกับหลินจือรวมถึงจ้าวซินซินรีบถวายบังคม “โหร่วเอ๋อ ข้ารู้ว่าวันนี้ยังไงเจ้าก็ต้องมา เสียนเฟยรักใคร่เจ้าอย่างมาก ดังนั้นงานเลี้ยงวันเกิดของนางจึงขาดเจ้าไม่ได้” ใบหน้าของเป่ยจื่อห้าวเต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนอบอุ่นขณะที่พูดกับนาง ชาติก่อน เขาก็เคยพูดแบบนี้กับนางมาแล้ว แต่กลายเป็นว่า พี่เสียนเฟยที่นางเคารพรักโดนคนให้ร้ายจนต้องเข้าตำหนักเย็น วันนี้ นางจะทำให้สถานการณ์พลิกกลับ ไม่มีวันเหยียบซ้ำรอยเดิมแบบเมื่อก่อนอย่างแน่นอน “จริงสิ ไม่นึกว่าองค์ชายสามก็มาด้วย” นางหลบเลี่ยงมือของเขาที่ยื่นออกมาที่หวังพยุงมือนาง ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะนางตั้งใจจะหลบเลี่ยงเป่ยจื่อห้าว แต่เป็นเพราะนางพบว่าที่ด้านหน้ามีสายตาที่เย็นชาทิ่มแทงอย่างรุนแรงมองจ้องมาทางนี้ นางไม่นึกสงสัยสักนิดว่า หากนางไม่มีไหวพริบหลบเลี่ยงเป่ยจื้อห้าวทันแล้ว สายตาของเขาคงจะทิ่มแทงมาที่นางจนตัวพรุนไปทั้งร่างเป็นแน่ ไม่ผิดแล้ว คนที่สวมเสื้อคลุมยาวสีขาวแขนกว้างที่อยู่ตรงด้านหน้าไกลๆ สวมหน้ากากหมาป่ารูปร่างเพรียวบางที่แสนคุ้นตาผู้นั้น ก็คือ”สามีที่ได้มาง่าย”ของนาง อ๋องชิงผินนั่นเอง สองคนนี้ทุกครั้งที่ปะหน้ากันต้องมีปะทะคารม แผลงฤทธิ์เดชใส่กันทุกครั้ง ทำให้นางรู้สึกเอือมระอา เพียงแต่นางไม่เข้าใจว่า องค์ชายสามกับจ้าวซินซินเป็นคนประเภทที่ชอบเป็นจุดสนใจของคนอื่น โอรสฮ่องเต้มางานเลี้ยงวันเกิดของพระสนมในวังก็พอเข้าใจได้ แต่หันยี่ฉีนี่สิ ชอบอยู่คนเดียวไม่คลุกคลีกับใครทั้งไม่เคยไปมาหาสู่กับบรรดาขุนนางและเชื้อพระวงศ์ วันนี้ทำไมเกิดนึกอยากมาได้ล่ะ หรือที่มาเป็นเพราะว่านาง? จางยวี่โหร่วทนไม่ไหวถึงกับถอนหายใจส่ายหัว เรื่องนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ นางไม่มีวันสานสัมพันธ์ต่อแน่ นางรับปากเขาแล้วว่าจะเป็นภรรยาของเขา และพยายามระมัดระวังกิริยาท่าทีมาโดยตลอด เกรงว่าหากไม่ระวังอาจเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามได้ เป่ยจื่อห้าวมองตามสายตาของนางหันไปดู สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดำคล้ำทันที สมควรตายนัก ทำไมเป็นหมอนี่อีกแล้ว ! แถมที่นี่ยังเป็นวังหลวงด้วย เขาเป็นถึงองค์ชายสามหากไปทะเลาะเบาะแว้งกับอ๋องคนหนึ่งเข้าจะกลายเป็นจุดสนใจได้ แล้วหากเรื่องเกิดไปถึงหูฮ่องเต้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของเขาแน่นอน ดังนั้นเป่ยจื่อห้าวจึงจำต้องอดทน “โหร่วเอ๋อ ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการก่อน อีกเดี๋ยวเราค่อยเจอกันนะ” พอพูดจบแล้ว เขาก็รีบเดินจากไปทันที หันยี่ฉีเห็นเป่ยจื่อห้าวจากไปแล้ว ก็ไม่ได้เดินเข้ามาพูดคุยให้ต้องรู้สึกลำบากใจ รีบจากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน จางยวี่โหร่วจึงรู้สึกโล่งใจ รู้สึกเหมือนรอดพ้นจากโลกาวินาศ แต่ในไม่ช้านางก็รู้ว่า ตัวเองมองโลกแง่ดีไปหน่อย ปีศาจสองตัวนั่นเดินไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เจอมารตัวใหม่เข้ามา ขณะที่พวกนางกำลังเดินไปที่ชุนจิ่งไถซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง ในตอนนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงซุบซิบดังขึ้นที่ข้างหลังพวกนาง “ว้าว นี่ใครกันล่ะเนี่ย ทำไมรู้สึกคุ้นหน้าจังเลย ที่แท้ก็เป็นนางเอกสองท่านที่สลับตัวกันที่ฮัวเจี้ยวตามที่ร่ำลือกันนี่เอง ได้เห็นสองท่านนี้มาปรากฏตัวพร้อมกัน นับว่าเปิดหูเปิดตาพวกเราโดยแท้” จางยวี่โหร่วมองไป ที่แท้ก็เป็นคุณหนูแห่งตำหนักเฉินกั๋วกงเฉินซู่เสียน ด้านหลังของนาง ยังมีบรรดาคุณหนูลูกของขุนนางคนอื่นๆเดินติดสอยห้อยตามหลัง ใบหน้าของพวกนางแต่ละคนบ่งบอกว่าไม่ประสงค์ดี เดินตรงมาทางพวกนาง จ้าวซินซินย่อมเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุก จึงไม่พูดอะไรออกมา ผิดกับหลินจือ ที่กำผ้าเช็ดมือที่อยู่ในมือไว้แน่น ทุกครั้งที่เฉินซู่เสียนลบหลู่ดูหมิ่นนาง นางจะรู้สึกโกรธอย่างยิ่ง จางยวี่โหร่วส่งสายตาห้ามนางไว้ไม่ให้ด่วนใจร้อน อย่างรวดเร็ว นางได้ตอกกลับพวกนางแต่ละคนแทนหลินจือ 
已经是最新一章了
加载中