ตอนที่ 31สัญญาเดิมพัน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 31สัญญาเดิมพัน
ต๭นที่ 31สัญญาเดิมพัน พวกเฉินซูเสียนเดินมาตรงหน้าพวกนาง จะเด็ดลูกพลับผลนี้ต้องเลือกบีบตรงส่วนที่อ่อนที่สุดก่อน พวกนางไม่กล้าลงมือกับจางยวี่โหร่วโดยตรง แต่หลินจือที่อยู่ในที่นี้ป็นเหมือนหนามตำตาพวกนาง “ว่ายังไง ดูท่าว่าวันนั้นที่ข้าบอกเจ้า เจ้าคงไม่เข้าใจสินะ ถึงได้หน้าไม่อายไม่รู้วิธีปฎิบัติให้ถูกต้องตามธรรมเนียม ไม่อยู่ที่บ้านหันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิดยังพอว่า แต่นี่กลับกล้าเข้ามาถึงในวัง แค่ฐานะอย่างเจ้าสมควรหรือ?” หลินจือได้แต่พูดด้วยน้ำเสียบเรียบๆว่า “ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย จึงไม่ต้องหันเข้ากำแพงสำนึกผิด หากคุณหนูเฉินเป็นคนรู้จักเหตุผลอย่างที่พูดจริง ก็ควรเตือนสติตัวเองจะดีกว่า ที่ไปออดอ้อนองค์ชายรองให้ทรงโปรดปราน หวังให้ตัวเองได้เป็นพระสนมขององค์ชายรองในอนาคต” เฉินซูเสียนชอบองค์ชายรองเป่ยจื่อหัวเป็นเรื่องที่รู้กันไปทั่ว เพียงแต่องค์ชายรองทรงสนใจแต่การอ่านหนังสือหรือไม่ก็คลุกคลีอยู่กับขุนนางฝ่ายบุ๋นพรรณาโคลงฉันท์กาพย์กลอนกัน ไม่ก็ดีดพิณวาดภาพ ไม่ได้หลงใหลมัวเมาในอิสตรี พระองค์ก็มีอายุไม่น้อยแล้ว ฮ่องเต้ทรงหวังอยากให้ทรงแต่งงานโดยเร็ว แต่ก็ทรงปฎิเสธมาตลอด เฉินซูเสียนคอยเอาแต่ไล่ตามองค์ชายรอง แต่ทุกครั้งที่องค์ชายรองเห็นนางก็จะมีท่าทีแสนเย็นชา ทุกคนเห็นแก่หน้าของเฉินกั๋วกงจึงไม่กล้าพูดอะไรออกมา แต่ลับหลังต่างก็พากันวิจารณ์เรื่องนี้ บ้างก็ว่าคุณหนูแห่งตำหนักเฉินกั๋วกงมีท่าทีไม่สมกับเป็นกุลสตรี แล้วจะมีภาพลักษณ์ที่บริสุทธิ์ดีงามได้อย่างไร ชื่อของนางคือเฉินซูเสียน ที่แปลว่าบริสุทธิ์ดีงาม กลายเป็นเรื่องขำขันและเป็นของว่างล้างปากหลังอาหารสำหรับทุกคนไปแล้ว “เจ้า….” เฉินซูเสียนโมโหจนดวงตาเบิกกว้าง นางถึงกับกล้าเอาเรื่องขององค์ชายรองมาตอบโต้นาง ช่างกล้านัก ในทันที นางก็ได้ยิ้มเยาะขึ้น “เห็นเจ้าทำปากเก่งแบบนี้ได้ ที่แท้ก็เป็นเพราะมีภูเขาลูกใหม่ให้พึ่งพิงนี่เอง เพราะได้กอดขาคนตระกูลจาง ถึงได้กล้าเผยอหน้ามาตอบโต้ได้ ส่วนองค์ชายรองอีกหน่อยก็จะเห็นความจริงใจของข้าแน่นอน แต่สำหรับเจ้า ชื่อเสียงป่นปี้ย่อยยับ ด่างพร้อยเพราะถูกสามีทอดทิ้ง วันหน้าแม้จะกลายเป็นขอทานข้างถนนข้าก็จะไม่เหลียวแลเจ้าอย่างแน่นอน” นางพูดออกมาแบบนี้ ทำเกินไปแล้วจริงๆ มิน่าปิงเอ๋อถึงได้กล่าวร้องทุกข์แทนหลินจือในตอนนั้น แม้แต่จางยวี่โหร่วเองเมื่อได้ฟังแล้ว ก็ถึงกับโกรธจนตัวสั่นเลยทีเดียว “ที่คุณหนูเฉินพูดจาแบบนี้ออกจะเร็วไปหน่อย การแต่งงานสลับตัวที่ฮัวเจี้ยวเกิดจากความบังเอิญ คุณหนูเฉินเองก็ไม่ได้ทำความผิดอะไร อีกอย่างตอนนี้นางก็ได้ตัดความสัมพันธ์ทั้งกับองค์ชายสามและชิงผินอ๋องไปแล้ว เรื่องทั้งหมดจึงมาจากความผิดพลาดตั้งแต่แรก จะว่าชื่อเสียงป่นปี้ย่อยยับได้หรือ? คุณหนูหลินรู้กฏเกณฑ์เข้าใจเหตุผล งามราวกับเทพธิดา การที่ไม่ได้แต่งงานกับนาง เป็นการพลาดโอกาสของพวกเขาเองเสียมากกว่า แสดงว่าคุณหนูหลินมีคุณค่ากับคนที่ดีกว่าที่สามารถปกป้องนางได้ ทั้งองค์ชายสามและชิงผินอ๋อง ล้วนไม่ใช่คนดีพอสำหรับนาง” คำพูดนี้ของนาง ทำให้หลินจือรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง สำหรับนางแล้ว จางยวี่โหร่วไม่เพียงเป็นผู้ช่วยชีวิตนางเท่านั้น แต่ยังช่วยให้นางได้เงยหน้า ช่วยออกหน้าแทนนาง การได้รู้จักกับพี่สาวเช่นนี้ แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต เฉินซูเสียนหัวเราะเย้ยหยัน “คำพูดที่ว่าย้อมแมวขายข้าเพิ่งได้เห็นวันนี้เอง เจ้าพูดจาเสียโอ้อวดใหญ่โต แถมยังจะแบ่งผู้ชายสองคนของเจ้าให้น้องสาวแสนดีอีกด้วย ในเมื่อเจ้าสองคนผูกพันธ์รักใคร่เป็นพี่น้องกันถึงเพียงนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่ช่วยนาง หาสามีดีดีสักคนให้นางได้ตบแต่งออกไปเลยล่ะ !” ใบหน้าของจางยวี่โหร่วเย็นชาขึ้นทันที ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเยือกเย็น “ข้าบอกไปแล้ว นางคู่ควรกับคนที่ดีกว่า ไว้พวกเราคอยดูต่อไปเถอะ” “อย่าทำเป็นพูดดูดีขนาดนั้นเลย เกิดเจ้าหาคนที่ดีกว่าอย่างว่ามาจัดงานแต่งงานให้นางไม่ได้แล้วจะว่ายังไง ข้าว่าเรามาพนันกันดีกว่า?” เฉินซูเสียนไม่กลัวว่าจะทำให้เรื่องใหญ่ ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกสนุก “พนันก็พนันสิ !” จางยวี่โหร่วพูดแบบนี้แล้ว หลินจือก็กังวลจนต้องดึงแขนเสื้อของนางไว้ แต่จางยวี่โหร่วกลับส่งสายตาปลอบใจนาง ถึงตอนนี้รอบๆก็ห้อมล้อมไปด้วยฝูงชน พูดซุบซิบกันไปต่างๆนานา พอได้ยินเรื่องที่พวกนางคุยกันแล้วต่างก็พากันสนใจ ตั้งตารอดูว่าพวกนางเล่นท้ากันจนถึงขนาดนี้แล้ว สุดท้ายผลจะลงเอยแบบใด “ตกลง ถ้างั้นกำหนดเวลาภายในหนึ่งเดือนนางต้องได้แต่งงาน ถ้าหากเจ้าทำไม่ได้ล่ะก็ เจ้าต้องมาเป็นเด็กรับใช้ของข้า ข้าสั่งให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ต้องทำ” “ได้เลย แต่ถ้าเกิดเจ้าแพ้ล่ะก็……..” น้ำเสียงของจางยวี่โหร่วแฝงความอำมหิตเล็กน้อย “ข้าขอลิ้นของเจ้า เพื่อว่าจะได้ไม่มีใครต้องมาได้ยินเรื่องไร้สาระจากปากของเจ้าอีกต่อไป” อะไรนะ ! ฝูงชนพากันส่งเสียงอื้ออึง รวมทั้งเฉินซูเสียนที่ถึงกับหน้าถอดสี คุณหนูใหญ่จางยวี่โหร่วแห่งตระกูลจาง เล่าลือว่าถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจ จึงมีนิสัยดื้อดึงเอาแต่ใจตัวเอง ถึงกับแสดงความโหดเหี้ยมอำมหิตออกมาแบบนี้ ใจนางคิดจะตัดลิ้นของเฉินซูเสียนออกมาจริงหรือ? “บอกเจ้าไว้ก่อนว่า ข้าไม่มีทางแพ้แน่ เจ้านั่งรอวันที่จะมาเป็นเด็กรับใช้ข้าเป็นเวลาหนึ่งเดือนก็แล้วกัน” เฉินซูเสียนต้องซ่อนความรู้สึกหวาดกลัวไว้ในใจอย่างสุดความสามารถ แล้วรีบพาพรรคพวกเดินหนีจากไปโดยเร็ว ชื่อเสียงของหลินจือในเวลานี้ แม้แต่จะให้แต่งกับชาวบ้านธรรมดาทั่วๆไปก็ยังไม่มีใครอยากแต่งงานกับนาง ถึงแม้จางยวี่โหร่วจะเก่งกาจเพียงใดก็ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้แน่ ยิ่งไปกว่านั้นสัญญาเดิมพันของพวกนางคือต้องให้หลินจือได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดีกว่า โดยเมื่อเทียบกับองค์ชายสามและชิงผินอ๋องแล้วยังจะมีคนที่ดีกว่าให้แต่งด้วยหรือ? คิดไปแล้วเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ นางไม่เห็นจะน่ากลัวที่ตรงไหน ……. “พี่จางยวี่โหร่ว ที่จริงพี่ไม่จำเป็นต้องโมโหจนถึงกับทำเพื่อข้าขนาดนั้นเลย และยิ่งไม่ควรไปท้าพนันกับนางด้วย ชื่อเสียงข้าตอนนี้ย่อยยับหมดแล้ว ข้าคงไม่มีวันได้แต่งงานอีก และถึงแม้ว่าจะมีคนไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงข้ายอมแต่งงานกับข้า แต่พอมาคิดว่าข้าเป็นหญิงที่ถูกองค์ชายสามและชิงผินอ๋องทอดทิ้งเสียแล้ว ก็คงตกใจจนต้องถอยหนี การเดิมพันครั้งนี้ท่านต้องแพ้อย่างแน่นอน” หลินจือแสดงชัดเจนว่าไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองแม้แต่น้อย นางคิดว่าเรื่องนี้จบสิ้นแล้ว ถ้าหากถึงตอนที่จางยวี่โหร่วต้องไปเป็นเด็กรับใช้ให้เฉินซูเสียนเป็นเพราะนางขึ้นมาจริง ต้องถูกนางลบหลู่เหยียดหยาม ถึงตอนนั้นนางคงไม่สามารถทนดูอย่างสงบใจได้แน่ “เจ้าพูดเข้าข้างนางแบบนี้ได้ยังไงกัน เท่ากับทำลายขวัญของตัวเองน่ะสิ หรือที่แท้เจ้าก็ไม่เชื่อฝีมือข้า? “จางยวี่โหร่วพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ไม่ค่ะ ข้าย่อมต้องเชื่อใจพี่แน่นอน และก็รู้ด้วยว่าที่พี่ทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อข้า แต่ว่า…..” หลินจือเกิดความลังเลใจ ไม่รู้ว่าควรพูดออกมาอย่างไรดี “ไม่มีคำว่าแต่ ในเมื่อเจ้าเชื่อใจข้า ก็ขอให้เชื่อข้าจนถึงที่สุด และที่จริงแล้วก็เป็นเพราะข้าที่ทำให้เจ้าต้องมาเกี่ยวพันจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ดังนั้นข้าไม่มีทางทนดูเฉยๆโดยไม่จัดการอะไร เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะหาทางให้เจ้าได้มีงานแต่งงานที่ดีกว่าเดิมได้แน่นอน” จ้าวซินซินนั่งนิ่งเงียบไม่ส่งเสียงอยู่ข้างๆ นางบีบผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างเอาเป็นเอาตายระบายความรู้สึกที่อยู่ในใจ ที่จริงนางรู้สึกอิจฉาจนแทบจะเป็นบ้า จางยวี่โหร่วไม่เห็นเคยดีกับนางแบบนี้บ้างเลย เมื่อก่อนนางเคยให้สิ่งของไม่น้อยกับนาง มีทั้งอัญมณีต่างๆ ผ้าพันคอ รวมถึงผืนผ้าที่งดงามและเสื้อผ้าที่วิจิตรหรูหรา แต่จ้าวซินซินคิดว่าของพวกนี้ช่างไร้ประโยชน์ เมื่อใช้หมดแล้วก็หมดเลย แต่ในตอนนี้นางกลับออกหน้าทำเพื่อหลินจือถึงขนาดนี้ แถมยังกล้ารับปากจะทำให้นางได้มีงานแต่งงานที่ดีกว่าอีกด้วย ทำไมเมื่อก่อนนางถึงไม่ทำดีแบบนี้กับนางบ้างล่ะ? แม้ว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้จางยวี่โหร่วจะยอมให้องค์ชายสามรับนางเข้าตำหนักด้วย แต่ก็ในฐานะเป็นได้แค่ฮูหยินเท่านั้น พอมาเห็นท่าทีของนางต่อหลินจือในตอนนี้แล้ว แถมยังบอกว่าจะหาคนที่ดีกว่าชิงผินอ๋องและองค์ชายสามให้นางอีก นั่นเท่ากับพูดชัดเจนว่าคนๆนั้นต้องมีฐานะสูงส่งกว่าสองคนนี้อีกน่ะสิ หรือว่า จุดประสงค์ที่จางยวี่โหร่วพานางเข้าวังมา ก็เพราะอยากให้นางได้เป็นพระสนมของฮ่องเต้? พระเจ้า เมื่อเปรียบฮ่องเต้กับคนฐานะต่ำต้อยอย่างนางแล้ว ช่างสูงส่งเกินกว่าที่นางจะไขว่คว้าได้ ถ้าเกิดหลินจือได้เป็นพระสนมขึ้นมาจริง งั้นต่อไปเวลาพบนางก็ต้องคุกเข่าหมอบกราบน่ะสิ ที่จริงการที่นางได้แต่งงานกับองค์ชายสามก็ถือว่าน่าพอใจอย่างมากแล้ว แต่พอนำมาเปรียบเทียบกับนาง นางจึงเกิดความรู้สึกไม่พอใจทันที ……. งานเลี้ยงในวังยังไม่เริ่มขึ้น จางยวี่โหร่วจึงไปหาเสียนเฟยที่ตำหนักจาวเสียซึ่งเป็นที่ประทับเพื่อเยี่ยมคารวะพระสนม วันนี้เป็นวันเกิดของนาง จึงถือว่าเป็นตัวเอกของงานในวันนี้ ฉะนั้นย่อมต้องแต่งหน้าแต่งตัวอย่างวิจิตรบรรจง แม้ว่าบนใบหน้าจะทาด้วยสีแดง ก็ยากจะกลบเกลื่อนสีหน้าซีดเผือดที่เกิดจากการป่วยไข้ แต่แม้ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็หาได้มีผลต่อความงามของนางไม่ “รันเอ๋อขอถวายคำนับพระสนมเพคะ” จางยวี่โหร่วตรงเข้าไปถวายคำนับอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม “ลุกขึ้นเร็วเข้า ลุกขึ้นเร็ว” พอเสียนเฟยเห็นนางเท่านั้น ใบหน้าก็มีรอยยิ้มแห่งความยินดีเผยออกมาทันที “รันเอ๋อ เดิมทีข้าได้ข่าวจากพี่สะใภ้รองของเจ้าว่าเจ้าอยู่สุขสบายดีไม่มีเรื่องร้อนใจอะไรแล้วแต่ข้าก็ยังเป็นห่วงเจ้าอยู่ดี มาตอนนี้ได้เห็นเจ้าหน้าตาสดใสแบบนี้แล้ว แถมยังดูสวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ข้าก็รู้สึกสบายใจแล้วล่ะ” จางยวี่โหร่วรีบเดินเข้าไปหา ซบลงบนไหล่ของนางอย่างสนิทสนมพูดจาออดอ้อนแบบเด็กๆเหมือนแต่ก่อน “ท่านพี่ ข้าขอโทษ ที่ทำให้พี่ต้องมาเป็นห่วงข้า แต่ยังดีที่ฮ่องเต้ทรงให้ความเป็นธรรม ให้ข้าได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้วค่ะ” “ไม่มีเรื่องก็ดีแล้วล่ะ” เสียนเฟยมีฐานะสูงส่ง แต่กับจางยวี่โหร่วแล้วนางไม่มีกำแพงมาขวางกั้น ดูราวกับเป็นพี่สาวข้างบ้านที่สนิมสนมคุ้นเคยกันอย่างดี หลินจือเพียงแต่ผงกศีรษะตามธรรมเนียมยืนอยู่ด้านข้าง แต่จ้าวซินซินกลับรีบตรงดิ่งเข้าไปประจบประแจงเอาหน้าทันที “สุขสันต์วันเกิดพระสนมเสียนเฟยเพคะ ซินเอ๋อขออวยพรให้พระสนมทรงแข็งแรงปลอดภัย ไม่เจ็บไม่ไข้เพคะ” “ขอบใจเจ้าแล้ว” เสียนเฟยแค่ยิ้มบางๆ ไม่ได้ให้ความใส่ใจตัวนางนัก เสียนเฟยอยู่ในวังมานานหลายปี พบเจอผู้คนมาแล้วทุกประเภท คำพูดประจบประแจงเช่นนี้ นางฟังมาเสียจนเอียน แต่ใช่ว่านางจะไม่เคยรู้สึกประทับใจในตัวจ้าวซินซิน เมื่อก่อนนางคอยตามติดจางยวี่โหร่ว ทุกครั้งที่เข้าวังมาต้องพานางมาด้วย หลังจากนั้นนางก็ได้รับรู้เรื่องราวของจ้าวซินซินมาบ้างจากน้องสาวของนาง ซึ่งก็คือพี่สะใภ้รองของจางยวี่โหร่ว ยิ่งทำให้ไม่รู้สึกประทับใจในทางที่ดีต่อนางมากขึ้นไปอีก ในเวลานี้ นางได้ชำเลืองดวงตาอันงาม ไปอยู่บนร่างของหลินจือ “ช่างเป็นหญิงสาวที่สวยสง่างามคนหนึ่งทีเดียว รันเอ๋อ นางผู้นี้เป็นเพื่อนของเจ้าหรือ? ทำไมข้าไม่เคยพบนางมาก่อนล่ะ” “ท่านพี่ ข้ากำลังจะแนะนำท่านให้รู้จักอยู่พอดี นางคือหลินจือ หรือก็คือคุณหนูหลินผู้ที่สลับตัวกับข้าที่ฮัวเจี้ยวในตอนนั้น พวกเราไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ได้รู้จักกันด้วยความบังเอิญอย่างแปลกประหลาด ข้ารู้สึกเหมือนเป็นพรหมลิขิต จึงได้ตกลงพร้อมใจผูกพันธ์กันเป็นพี่น้อง พอดีวันนี้เป็นวันเกิดของท่านพี่ จึงได้พานางเข้าวังเพื่อมาพบท่านด้วยค่ะ” พอถึงตอนนี้หลินจือถึงได้เดินไปข้างหน้า เอนกายถวายคำนับ “ข้าน้อยหลินจือขอถวายคำนับพระสนมเพคะ” นี่ต่างหากถึงเป็นกิริยามารยาทที่หญิงตระกูลผู้ดีทุกคนพึงมี ! ไม่เหมือนกับจ้าวซินซิน ที่แววตาส่อความปรารถนาอย่างรุนแรง ทั้งยังประจบประแจงจนน่าเกลียด หลินจือแตกต่างกับนางโดยสิ้นเชิง และเป็นเพราะมีคู่เปรียบเทียบเช่นนี้ จึงยิ่งทำให้ข้อดีของหลินจือยิ่งโดดเด่นออกมามากขึ้น เสียนเฟยมองคนได้เก่งนัก ดังนั้นเมื่อนางมองเห็นหลินจือแค่แวบแรก ในใจก็เกิดความรู้สึกประทับใจต่อนางขึ้นแล้ว “ในเมื่อเจ้าพร้อมใจกับรันเอ๋อผูกพันธ์เป็นพี่น้องกันแล้ว ก็เรียกข้าว่าพี่สาวตามรันเอ๋อก็แล้วกัน วันหลังเจ้าต้องตามนางเข้าวังมาเยี่ยมข้าบ่อยๆล่ะ” หลินจือได้รับความโปรดปรานจนตัวเองรู้สึกตกตะลึง พระสนมเสียนเฟยมีฐานะสูงส่งถึงปานนั้น นางจะกล้าตีตัวเสมอน้องสาวของนางได้ยังไงกันล่ะ? แต่ตอนนี้นางทำได้แต่รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับขอบคุณ ไม่ได้รู้สึกดีใจจนลืมตัวลืมฐานะของตนเองไป พอเห็นนางรู้จักวางตัว รู้การควรไม่ควรเช่นนี้ ทำให้เสียนเฟยรู้สึกพอใจมาก 
已经是最新一章了
加载中