ตอนที่ 35ของขวัญจากจางยวี่โหร่ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 35ของขวัญจากจางยวี่โหร่ว
ต๭นที่ 35ของขวัญจากจางยวี่โหร่ว ภายในเวลาอันรวดเร็ว งานเลี้ยงก็ได้เริ่มขึ้น วันนี้ทุกคนต่างก็เข้าวังเพื่อมาอวยพรวันเกิดให้แก่เสียนเฟยผู้เป็นพระสนม บรรดาคุณหนูแต่ละนางก็ได้พากันไปเตรียมความสามารถของตัวเอง เพราะต่อไป จะต้องขึ้นไปแสดงบนเวทีตามลำดับ เฉินซูเสียนได้ขึ้นเวทีเป็นคนแรก นางเป็นคนนิสัยแข็งกร้าวมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าทำอะไรก็ชอบออกหน้าเป็นที่หนึ่งก่อนเสมอ ทั้งบิดาของนางยังเป็นเฉินกั๋วกง ดังนั้นการที่บรรดาคนรับใช้ในวังจัดให้นางได้ขึ้นเป็นคนแรกจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกแต่อย่างใด การแสดงของเฉินซูเสียนคือการเต้น”ระบำผ้าไหม” ในตอนนี้ นางได้เปลี่ยนชุดเป็นชุดระบำสีชมพู แต่งหน้าสวยวิจิตรงดงามยิ่ง ที่จริงนางมีหน้าตาที่ไม่เลวเลย แต่เพราะท่าทียโสอวดดีและนิสัยชอบตวาดทำให้ลดทอนความงามของนางลงไม่น้อย ว่าไปแล้ว ความงามแม้จะสำคัญก็จริงอยู่ แต่คุณค่าที่อยู่ข้างในต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า ทว่าในตอนนี้ ขณะที่นางเต้นระบำใบหน้าเจือไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ร่างกายอ่อนช้อยยิ่ง แถบผ้าสีรุ้งที่นางสะบัดรำนั้นก็ดูราวกับมีชีวิตขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเฉินซูเสียนเตรียมมาเพื่องานเลี้ยงในวันนี้ โดยเฉพาะเพื่อจะได้แสดงต่อหน้าองค์ชายรอง ถึงได้ยอมทุ่มเทพลังกายฝึกท่าระบำชุดนี้อย่างยากลำบาก ทุกครั้งนางจะส่งสายตาที่แสดงออกซึ่งความรักมองไปที่องค์ชายรอง หวังว่าเขาจะสนใจในตัวของนาง ระบำแรกจบลง ด้านล่างเวทีปรบมือเสียงดัง แม้แต่ฮ่องเต้ยังกล่าวชมว่า “ดี !” เห็นได้ว่า ระบำของเฉินซูเสียนแสดงออกมาได้สวยงามที่สุด ทำเอาประทับใจผู้คน จางยวี่โหร่วสังเกตเห็นว่า สายตาของเป่ยจื่อห้าวไล่ตามเฉินซูเสียนไปตลอด ความหลงใหลฉายอยู่ในแววตาของเขา เขาเป็นคนประเภทเห็นคนไหนก็รักคนนั้น แต่ก่อนทำไมนางถึงคิดว่าเขาเป็นคนรักเดียวใจเดียวได้นะ เป็นตัวเลือกสามีที่หายากนักหรือ? น่าจะเพราะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองทำเสียกิริยาไป จึงรีบดึงสายตากลับมา มองไปซ้ายทีขวาที พอเห็นว่าไม่มีใครมองมาที่เขา ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาเบาๆ จ้าวซินซินนั่งอยู่ข้างเขามองเขาอย่างรู้สึกหงุดหงิด เขาไม่เคยหันไปมองนางเลยสักครั้ง ต่อไป ก็ยังมีคุณหนูอีกหลายคนขึ้นไปทำการแสดง ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงเต้นรำไม้ไผ่ ถึงแม้จะดูออกว่าพวกนางทุ่มเทแสดงกันเต็มที่ ทว่าทุกคนที่นั่งกันอยู่ในที่นี้มีตำหนักไหนบ้างที่ไม่มีนักร้องนักเต้นรำ ล้วนแต่เคยได้ดูได้ฟังเสียจนคุ้นชินหมดแล้ว ใบหน้าของทุกคนจึงไม่แสดงอาการสนใจแต่อย่างใด เสียนเฟยเห็นจางยวี่โหร่วเอาแต่หยอกล้อเล่นกับองค์หญิงฉางเล่อหรือไม่ก็ป้อนของกินให้นางทาน จึงอดไม่ได้ต้องถามขึ้นอย่างแปลกใจ “รันเอ๋อ ก่อนนี้ทุกปีในงานวันเกิดข้า ของขวัญที่เจ้าให้ข้าเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ปีนี้เจ้าคิดอะไรแปลกใหม่ออกมาอีกหรือเปล่า?” จางยวี่โหร่วยิ้มพลางตอบว่า “ของขวัญน่าตกใจนี้ยังบอกไม่ได้ค่ะ ไม่อย่างนั้นพอถึงตอนนั้นก็ไม่ประหลาดใจแล้วสิ ท่านรอดูต่อไปแล้วกัน” เสียนเฟยเมื่อเห็นท่าทีที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของนางแบบนี้ จึงตั้งความหวังอย่างเต็มเปี่ยม เรื่องราวยังคงพัฒนาไปตามลำดับเหมือนเมื่อครั้งชาติก่อน ชาติก่อนนี้ เฉินซูเสียนก็แสดงการเต้นระบำผ้าไหมนี้เช่นกัน ฮ่องเต้ตอนชาติก่อนได้รับสั่งว่า คนที่สามารถคว้าที่หนึ่งมาครองได้ จะทรงให้ตามความปรารถนาทุกอย่าง ในตอนนั้นนางกับเป่ยจื่อห้าวเข้าพิธีแต่งงานท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก สุดท้ายเฉินซูเสียนก็คว้าที่หนึ่งไปได้ และบอกความปรารถนาของตัวเองว่าต้องการแต่งงานกับองค์ชายรอง แม้เป่ยจื่อหัวจะไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็ทนถูกบีบบังคับไม่ไหวจนต้องยอมแต่งกับนาง หลังแต่งงานแล้วก็ใช้ชีวิตเหมือนพ่อหม้าย สุดท้ายถูกเป่ยจื่อห้าวให้ร้ายว่าคิดก่อการกบฎ จบลงที่การโดนตัดศีรษะ ดังนั้น งานเลี้ยงในวันนี้ นางต้องคว้าที่หนึ่งมาครองให้ได้ และนางได้เตรียมแผนการมานานแล้ว ตามองดูการแสดงผ่านไปทีละตอน แม้แต่จ้าวซินซินก็ยังขึ้นไปดีดพิณผีผาด้วยหนึ่งเพลง แม้เพลงจะน่าฟังมาก แต่ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรมากมาย หรือทำให้คนฟังต้องตกตะลึงอะไรแบบนั้น เฉินซูเสียนรู้สึกภูมิใจตัวเองอย่างยิ่ง ขอเพียงนางคว้าที่หนึ่งมาได้ นางก็จะได้แต่งงานกับองค์ชายรองได้เป็นชายาของเขาแล้ว ยิ่งคิดนางก็ยิ่งตื่นเต้น ในเวลานี้ จางยวี่โหร่วกับหลินจือส่งสายตาให้กัน หลินจือเข้าใจความหมาย จึงลุกจากที่นั่งไป เป่ยจื่อหัวมองไปที่นาง โดยที่ไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าฮ่องเต้แฝงด้วยรอยยิ้มบางๆกล่าวขึ้นว่า “วันนี้ เป็นวันเกิดของพระสนมผู้เป็นที่รักของข้า บรรดาขุนนางที่พาครอบครัวมาด้วย ได้แสดงการแสดงที่สนุกสนานมากมายเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณหนูแห่งบ้านเฉินกั๋วกงแสดงระบำผ้าไหมได้โดดเด่นยิ่งกว่าใคร เป็นที่ตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง ขุนนางที่รักทั้งหลายเห็นเป็นยังไงบ้าง?” ขุนนางผู้ใหญ่เหล่านั้นต่างพากันพยักหน้า โดยไม่มีข้อโต้แย้ง การแสดงของเฉินซูเสียนในงานนี้แสดงได้ดีมากจริงๆ ทุกคนล้วนมองไปทางเฉินกั๋วกงด้วยความอิจฉา พากันพูดว่าเขาสอนธิดาได้อย่างมีเป้าหมายแท้ๆ เฉินกั๋วกงก็รู้สึกภูมิใจเช่นกัน ธิดาของตัวเองได้หน้า เขาก็พลอยได้หน้าไปด้วย เสียนเฟยพอเห็นแล้ว คิดว่าฮ่องเต้คงนึกว่ารายการแสดงจบลงแค่นี้ล่ะมั้ง? แต่ว่า ยังเหลือยวี่โหร่วอีกนี่? ในตอนนี้ จางยวี่โหร่วบอกกับเสี่ยวฟงที่อยู่ด้านข้างว่า “เอาพิณของข้ามา” “ค่ะ !” เสียนเฟยจึงรีบทูลว่า “ฮ่องเต้ช้าก่อนเพคะ ถึงแม้ระบำผ้าไหมของคุณหนูเฉินจะแสดงได้งามราวกับเทพธิดา แต่รันเอ๋อของหม่อมฉันก็มีการแสดงถวายให้ฝ่าบาทได้ทรงทอดพระเนตรจนต้องตะลึงได้เช่นกันเพคะ” “จริงหรือ? ข้ายังนึกแปลกใจอยู่ ก่อนนี้งานวันเกิดของเจ้าทุกปี นางจะมีของขวัญแปลกๆเตรียมมาให้เจ้าบันเทิงใจทุกครั้ง ปีนี้จู่ๆกลับนิ่งเงียบไป ที่แท้ก็แอบไปเตรียมการแสดงที่น่าตื่นใจนี่เอง ยวี่โหร่ว รีบเอาของขวัญของเจ้าออกมาเร็วเข้า” จางยวี่โหร่วลุกขึ้น แล้วจึงยิ้มขึ้นมาพูดว่า “ไม่ขอปิดบังฝ่าบาทเพคะ วันเกิดของพระสนมเสียนเฟย ข้าน้อยได้ทุ่มเทคิดค้นเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆแล้ว เพียงแต่รู้สึกว่าของขวัญชิ้นนี้เป็นงานที่ใหญ่โตมโหฬาร ลำพังข้าน้อยเพียงคนเดียวไม่อาจทำให้สำเร็จได้ ดังนั้นจึงได้มองหาผู้ที่มีวาสนาต้องกันมาช่วย สุดท้าย ข้าก็หาคนผู้นั้นพบจนได้เพคะ” ทุกคนในที่นั้นต่างพากันเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ของขวัญที่จางยวี่โหร่วเค้นสมองเตรียมไว้ให้ แถมยังเป็นงานชิ้นใหญ่มโหฬารอีกด้วย ที่แท้เป็นอะไรกันแน่? ทุกคนต่างพากันสงสัย ถึงตอนนี้ เสี่ยวฟงก็ได้นำพิณของจางยวี่โหร่วเข้ามา จางยวี่โหร่วลุกขึ้นยืน เดินขึ้นไปบนเวที ถวายการคำนับ แล้วจึงเอาพิณมาวางไว้ตรงหน้า เดิมทีทุกคนต่างพากันนึกว่านางจะทำอะไรออกมาให้ต้องรู้สึกตกตะลึงกัน ที่แท้ก็แค่ดีดพิณนี่เอง ไม่เห็นจะพิเศษตรงไหน และถึงนางจะดีดพิณได้ยอดเยี่ยมยังไง แต่ก็คงไม่ถึงกับที่นางบรรยายเสียหรูหราไว้แต่แรกหรอก ในตอนนี้ จู่ๆก็มีคนรับใช้ในวังหลายคนออกมา เอาผ้าไหมสีขาวปูบนพื้นเวที รอบๆยังวางฉากกั้นอีกสี่บาน บนฉากกั้นมีเพียงกระดาษสีขาวล้วนประดับไว้ แล้วก็มีสาวใช้ในวังนำเอาอ่างใส่สีวางไว้บนพื้น ทุกคนมองดูด้วยดวงตาเบิ่งกว้าง ถึงได้รู้สึกว่าของขวัญของนางดูเหมือนไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ในที่สุดของทุกอย่างก็จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว นิ้วมือของจางยวี่โหร่วดีดไปเพียงเบาๆ เสียงใสของพิณก็ดังขึ้น ราวกับน้ำที่ไหลรดลงสู่จิตใจของคนทั้งหลาย เมื่อเสียงพิณที่แสนไพเราะนี้ดังขี้น หลังจากนั้นมีหญิงสาวสวมชุดระบำสีขาวนางหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลัง มีผ้าคลุมสีขาวปกปิดใบหน้าไว้ ทำให้ไม่เห็นใบหน้าของนาง แต่ดวงตาคู่นั้นที่ฉายออกมากลับงดงามยิ่งนักจนทำให้คนหลงใหล ยิ่งเห็นภาพวาดบัวหิมะสีน้ำเงินที่อยู่ตรงปลายตาของนางแล้วยิ่งเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดได้อย่างลึกลับ นางเป็นใครกัน? ทุกคนต่างพากันประหลาดใจ แม้แต่องค์ชายรองเป่ยจื่อหัวที่มือถือถ้วยเหล้าอยู่ยังต้องวางลง มองหญิงสาวผู้นั้นอย่างไม่วางตา ยกเว้นคนเดียวเท่านั้น ดวงตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั่นส่องประกายอย่างลึกลับ ถึงตอนนี้แล้ว เขายังไม่เข้าใจว่ายัยเด็กคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่? 
已经是最新一章了
加载中