ตอนที่ 36ระบำในพิณภาพวาดในระบำ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 36ระบำในพิณภาพวาดในระบำ
ต๭นที่ 36ระบำในพิณภาพวาดในระบำ หญิงสาวผู้นั้นเต้นรำไปตามเสียงพิณ ท่วงท่างดงามอ่อนช้อย เสียงพิณนั่นก็ช่างวิเศษนัก เพียงเริ่มบรรเลงก็ราวกับน้ำพุไหลดังกริ๊งกร๊าง ทันใดนั้นจังหวะเพลงก็เปลี่ยนเป็นดังกังวาน ราวกับยืนอยู่บนยอดเขาสูง ภาพทิวเขาสลับซับซ้อนเข้ามาในดวงตา ท่วงท่าของหญิงสาวก็เร่งจังหวะเร็วขึ้นตาม ระบำสอดคล้องไปกับจังหวะเพลงได้ดั่งเสื้อสวรรค์ที่ไร้รอยต่อ ทุกคนต่างตะลึงงัน คาดไม่ถึงว่าจางยวี่โหร่วผู้นี้จะมีฝีมือในการดีดพิณได้วิเศษถึงปานนี้ สามารถบรรเลงเพลงพิณให้รู้สึกราวกับว่าร่างกายอยู่สุดขอบจักรวาล เหมือนจิตวิญญาณดังก้องไปตามเพลงพิณ เพียงเริ่มบรรเลง ความรู้สึกของทุกคนก็ดำดิ่งไปพร้อมกับเสียงพิณ แต่กับท่าเต้นรำนั้นแม้จะเต้นได้อย่างอ่อนช้อยงดงาม แต่ก็ไม่รู้สึกมีอะไรแปลกใหม่ ในตอนนั้นเอง สาวชุดขาวก็ยืนบนปลายนิ้วเท้า ดีดตัวไปบนอากาศ แขนเสื้อกว้างสีขาวนั้นก็ยาวขึ้นอีกหลายนิ้ว เปลี่ยนไปเป็นผ้ายกดอกสีขาวยาว จุ่มลงไปในสีที่อยู่ในอ่าง เมื่อยกสะบัดขึ้น ก็ได้รอยหมึกเป็นแต้มๆกระจายอยู่บนฉากกั้นสีขาว ถึงตอนนี้ทุกคนถึงได้เข้าใจความหมายของคำว่าคนเมาไม่ใช่เพราะเหล้า ที่แท้นี่ไม่ใช่การแสดงเต้นรำล้วนๆ แต่ใช้การเต้นรำมาวาดภาพต่างหาก แต่ในมือของนางไม่มีพู่กันวาดภาพ มีแต่ผ้ายกดอกที่ปลายแขนเสื้อเท่านั้น ทำไมถึงได้วาดภาพออกมาได้น่าดูถึงขนาดนี้ได้ล่ะ? แต่ในเวลาอันรวดเร็ว ทุกคนถึงได้รู้ว่าที่ตัวเองคิดนั้นยังห่างอยู่อีกมาก เสียงพิณของจางยวี่โหร่วนั้นแน่นอนว่าช่างมหัศจรรย์นัก ทำให้คนฟังรู้สึกบันเทิงได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งได้ดูระบำของสาวชุดขาวด้วยแล้วยิ่งทำให้รู้สึกจิตใจสงบไม่วุ่นวายแม้สักน้อย ระบำไปตามเสียงพิณบรรเลง ท่าระบำก็งดงามจับใจคน ทุกครั้งที่ปลายแขนเสื้อสะบัดรำ ฉากกั้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น อย่างช้าๆ สีหน้าของผู้ที่อยู่ในที่นั้นต่างเปลี่ยนเป็นตกตะลึง ถึงกับมีคนส่งเสียงร้องขึ้นเบาๆด้วยความตกตะลึง แม้แต่องค์ชายรองเป่ยจื่อหัวก็ยังจ้องมองตาไม่กระพริบ กลัวว่าจะพลาดวินาทีสำคัญได้ คนทั้งหลายล้วนจ้องมองไปที่สาวงามชุดขาวที่กำลังร่ายรำพร้อมภาพวาดบนฉากกั้น แต่มีเพียงคนเดียว ที่สายตาจดจ่ออยู่กับร่างของหญิงสาวชุดแดงที่ดีดพิณได้อย่างมหัศจรรย์คนนั้นตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ในยามนี้ เสียงพิณก็ได้เปลี่ยนเป็นบรรเลงเร่งดังขึ้น ฉากกั้นทั้งสี่ฉากก็หมุนไม่หยุด ภาพวาดบนฉากก็เปลี่ยนรูปร่างไป ทุกภาพล้วนออกมาได้อย่างมหัศจรรย์ยิ่ง ไม่ต้องถึงกับเต้นรำไปด้วยวาดภาพไปด้วยหรอก แค่ถือพู่กันตั้งใจวาดภาพก็ยังไม่แน่ว่าจะวาดออกมาได้วิเศษเท่านี้หรือไม่ สุดท้าย เสียงพิณของจางยวี่โหร่วก็หยุดลงตรงช่วงขณะนั้นทันที ภาพวาดแต้มตาเติมวิญญาณอันสุดท้ายบนฉากกั้นก็จบลงพอดีเช่นกัน ฉากกั้นทั้งสี่บาน วาดออกมาได้ภาพเขาสูง สายน้ำ อาทิตย์ขึ้น และสะพานน้อย คนทั้งหลายพอเห็นแล้ว ถึงได้คิดออกว่าเสียงพิณแสนไพเราะที่ขับกล่อมอยู่ข้างหูเมื่อครู่นั้น ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญที่สุดของภาพวาดทั้งสี่ที่พิณบรรเลงออกมาหรือนี่? ในตอนนี้เฉินซูเสียนกัดริมฝีปากจนแน่น ทั้งโมโหทั้งแค้นจนอยากขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คนอย่างนางยังไงก็ไม่มีวันยอมแพ้แน่ เพียงแต่พูดอะไรไม่ออกเท่านั้น นอกจากนางแล้ว ทุกคนในที่นั่นต่างร้องขึ้นด้วยความตกตะลึง ช่างสวยงามอะไรเช่นนี้ ! เสียงเพลงไพเราะ ภาพวาดวิจิตร ระบำงดงาม คนก็สวยอีกด้วย ! จางยวี่โหร่วลุกขึ้นยืน เดินมาข้างหน้าพร้อมกับสาวชุดขาวผู้นั้น คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกัน แล้วพูดพร้อมกันว่า “บทเพลงภูเขาสูงสายน้ำไหลบทนี้ขอมอบให้กับพระสนมเสียนเฟย ขอพระสนมมีแต่ความสำราญใจเพคะ” เห็นได้ชัดว่าเสียนเฟยรู้สึกประทับใจอย่างที่สุด จนนึกไม่ออกว่าควรพูดอะไรดี ถึงตอนนี้ ฮ่องเต้จึงได้ทรงลุกขึ้น พร้อมกับปรบมือพูดว่า “ช่างเป็นภูเขาสูงสายน้ำไหลที่งดงาม วันนี้ข้าเหมือนได้เปิดตาเห็นโลกกว้าง ไม่นึกว่ายวี่โหร่วเจ้าจะเก็บงำความสามารถได้เก่งนัก เพื่อของขวัญชิ้นนี้แล้วเจ้าคงทุ่มเทความคิดไปไม่น้อยเลยสินะ เจ้าเป็นผู้คว้าที่หนึ่งของวันนี้ไปอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าต้องตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม” ถูกต้อง อย่างไม่ต้องสงสัยจิรงๆ เมื่อทียบกับจางยวี่โหร่วแล้ว ระบำผ้าไหมของเฉินซูเสียนก็ดูธรรมดาไปเลย แต่เมื่อคิดว่าตัวเองพยายามถึงขนาดนี้ เพราะหวังคว้าที่หนึ่งมาครองเพื่อจะได้แต่งงานกับองค์ชายรอง แต่กลับถูกแย่งไปโดยฝีมือของจางยวี่โหร่วเสียแล้ว ในดวงตาของเฉินซูเสียนก็ลุกโชนด้วยความเคียดแค้น หากไม่เพราะว่าฮ่องเต้ยังอยู่ล่ะก็ นางจะตรงเข้าไปฉีกร่างของจางยวี่โหร่วออกเป็นชิ้นๆ นอกจากสายตาของเป่ยจื่อห้าวจะมุ่งมองไปที่ร่างของจางยวี่โหร่วแล้ว ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองสาวชุดขาวผู้นั้นอีกด้วย นางเป็นใครกัน ท่ารำถึงได้งดงามนัก ฝีมือวาดภาพก็อยู่ในขั้นสูง ปกปิดใบหน้าแบบนี้ ทำให้มองไม่เห็นหน้าตาของนาง แต่ยิ่งกลับทำให้อยากชมโฉมของนางมากยิ่งขึ้น จางยวี่โหร่วคุกเข่าลงพูดขึ้นอย่างไม่ทะนงตัวแต่ก็มิได้หวั่นเกรงขึ้นว่า “ฝ่าบาท ยวี่โหร่วมิบังอาจรับคำชม ข้าน้อยเคยกล่าวไว้ก่อนแล้วว่า ของขวัญชิ้นนี้เป็นงานชิ้นใหญ่ ถ้าข้าน้อยเพียงคนเดียวคงไม่มีทางทำสำเร็จแน่ นี่จึงไม่ได้เป็นความทุ่มเทของข้าน้อยเพียงคนเดียวเพคะ” จริงสิ นอกจากนางแล้ว ยังมีสาวงามลึกลับนั่นอีกคนด้วย แต่….นางเป็นใครกันล่ะ? ใบหน้าของฮ่องเต้แสดงความพอใจอย่างยิ่ง หัวเราะขึ้นพลางพูดว่า “นั่นสินะ สาวน้อยชุดขาวผู้นั้นก็รีบเอาผ้าคลุมหน้าออกให้ข้าได้เห็นหน้าเจ้าเร็วเข้าเถอะ เจ้ากับยวี่โหร่วทำให้ข้ากับพระสนมรู้สึกเบิกบานใจนัก ข้าต้องตบรางวัลอย่างหนักให้เจ้า” สายตาทุกคู่ต่างกำลังรอคอย สาวน้อยชุดขาวก็ปลดผ้าคลุมหน้าออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าทีงดงามบริสุทธิ์ นี่ไม่ใช่…..นางผู้นั้นที่เพิ่งถูกเฉินซูเสียนพูดจาดูถูกเสียดสีหลินจือคนนั้นล่ะหรือ? ที่แท้สาวงามชุดขาวที่ทั้งระบำอันแสนมหัศจรรย์ ทั้งวาดภาพที่งามเหนือภาพทั่วไป ที่แท้ก็เป็นนาง องค์ชายรองเป่ยจื่อหัวถึงกับตาเบิกกว้างทันที รอยยิ้มบนใบหน้าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่แท้ก็เป็นนางเอง ! แต่ถึงจะตกใจกันสักเพียงใดก็คงไม่มีใครเกินกว่าเป่ยจื่อห้าว เขายังเพิ่งหลงใหลได้ปลื้มกับสาวงามชุดขาวไปเมื่อกี้นี้เอง แต่กลับนึกไม่ถึงว่านางจะเป็นคนที่แต่งงานสลับตัวที่ฮัวเจี้ยวคนนั้นแถมยังเคยกราบไหว้ฟ้าดินกับเขาแล้วด้วย แต่ถูกเขายกเลิกการแต่งงานและปฎิเสธไม่ให้นางเข้าตำหนัก หลินจือคนนั้น ถึงตอนนี้เขาถึงรู้สึกเสียใจอย่างหนัก นึกอยากเอาคำพูดที่ตัวเองเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้กลืนลงท้องเสียให้หมด หากรู้แต่แรกว่าหลินจือจะทำให้คนตื่นตะลึงได้ขนาดนี้ เขาจะไม่ยอมไล่นางไปแน่ ถ้าได้นางเป็นชายารองคงจะดีไม่น้อยเลย ไม่ ตอนนี้ยังไม่สาย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินกับเขาแล้วนี่? แถมตอนนั้นยังร้องห่มร้องไห้ตะโกนว่านางได้กราบไหว้ฟ้าดินแต่งเป็นภรรยาของเขาแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งจะแต่งกับผู้ชายสองคนไม่ได้ หากเขาไม่ยอมแต่งกับนาง นางก็ยอมครองตัวเป็นโสดไม่แต่งงานตลอดชีวิต ในเมื่อนางรักเขามากถึงขนาดนี้ ก็ควรสนองความปรารถนาของนางมิใช่หรือ? แม้หลินจือมีโอกาสเผยใบหน้าไม่มากนัก แต่ครั้งนี้กลับทำให้ฮ่องเต้จดจำนางได้อย่างขึ้นใจ “สามารถสอนบุตรสาวได้ดีถึงขนาดนี้ บิดาของเจ้าต้องเป็นคนไม่ธรรมดาแน่ อีกสองสามวันหากข้ามีเวลาล่ะก็จะเรียกให้เขาเข้ามาพบข้าในวัง ข้าอยากเห็นหน้าหลินส้าวเจียนผู้นี้นัก” คำพูดแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าบิดาของหลินจือจะได้เลื่อนขั้นหรอกหรือ? ไม่อย่างนั้นขุนนางระดับสี่ผิ่นอย่างเขาจะเข้าวังมาเฝ้าฮ่องเต้ได้ยังไงกัน หลังจากเกิดเรื่องชวนตะลึงสองสามเรื่องติดต่อกัน หลินจือก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไปดี ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งที่มีต่อจางยวี่โหร่ว เดิมทีนางเป็นเพียงคนต่ำต้อยมาแต่ไหนแต่ไร เวลาที่เฉินซูเสียนพูดจาดูถูกนางก็ไม่กล้าตอบโต้กลับ แต่เป็นเพราะจางยวี่โหร่ว ทำให้นางรู้ว่าอะไรคือความมั่นใจตัวเอง นางรู้สึกเป็นบุญคุณซาบซึ้งใจนางอย่างยิ่ง เห็นชัดว่างานนี้จางยวี่โหร่วตั้งใจวางแผน ถึงแม้จะไม่มีสัญญาเดิมพันกับเฉินซูเสียน นางก็ตัดสินใจแล้วว่าจะดำเนินการตามแผนนี้ เพราะหลินจือต้องมาเกี่ยวข้องกับนาง จึงทำให้ชื่อเสียงพังพินาศ นางจะทำเป็นทนนั่งดูโดยที่ไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ นางพูดไปแล้วว่าจะหาสามีที่ดีกว่าให้หลินจือ ให้นางได้แต่งงานอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี นางก็จะต้องทำให้ได้ ดังนั้นแผนการณ์ที่ออกมาในวันนี้ เห็นชัดๆว่านางตั้งใจวางแผนขึ้นนั่นเอง 
已经是最新一章了
加载中