ตอนที่ 52 ชีวิตเธอช่างแข็งแกร่งมาก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 52 ชีวิตเธอช่างแข็งแกร่งมาก
ต๭นที่ 52 ชีวิตเธอช่างแข็งแกร่งมาก ในบรรดาองค์ชายทุกคน คนที่เขาเกลียดชังมากที่สุดก็คือองค์ชายสองเป่ยจื่อหัว แม้ว่าทุกคนล้วนเป็นโอรสของฮ่องเต้ แต่ฐานะมาจากต้นตระกูลของแม่ และเมื่อเขาเกิดมาก็ต้อยต่ำแล้ว เสด็จแม่ของเขาลี่เฟยเป็นเพียงแค่หญิงสาวสามัญชนธรรมดาเท่านั้น แต่เสด็จแม่ของเป่ยจื่อหัวซูเฟยเป็นถึงเจ้าหญิงของชนเผ่าที่มีสายเลือดสูงส่ง เป่ยจื่อหัวนั้นเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็กและเก่งกว่าเขามาก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาและพรสวรรค์ล้วนอยู่เหนือเขาทั้งสิ้น บรรดาข้าราชการทุกคนในราชสำนักล้วนพูดชื่นชมองค์ชายสองอย่างอดไม่ได้ บอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์และเป็นความโชคดีของบ้านเมือง ตอนแรกเสด็จแม่เตือนเขาว่า องค์รัชทายาทไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับเขา องค์ชายสองถึงจะเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อการแย่งชิงบัลลังก์ของเขา หากเขาแต่งงานกับจางยวี่โหร่วและได้รับการสนับสนุนจากตระกูลจาง เช่นนั้นก็จะไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับเขาในราชสำนักอีกเลย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลงมือก่อนอย่างรวดเร็ว ถึงสามารถได้รับความรักของจางยวี่โหร่วในที่สุด จนรู้สึกว่าตั้งแต่เล็กจนโต ในที่สุดเขาก็เอาชนะองค์ชายสองได้อย่างสมบูรณ์ แต่ต่อมาเขาถึงจะรู้ว่า จางยวี่โหร่วกับเป่ยจื่อหัวมีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกันมากกว่าและไม่ได้มีความรู้สึกระหว่างชายหญิงแต่อย่างใด แม้ว่าจางยวี่โหร่วจะแต่งงานกับเขา องค์ชายสองก็ไม่ได้เสียใจ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าถึงแม้ตัวเองจะชนะก็ไม่มีความสุขมากขนาดนั้น ต่อมาเมื่อคิดว่า การแข่งขันรอบสุดท้ายระหว่างพวกเขาก็คือราชบัลลังก์แล้ว หากเขาแย่งชิงตำแหน่งราชบัลลังก์และได้ครอบครองแผ่นดินหนานชู่ทั้งหมด เช่นนั้นก็คือการเอาชนะเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เฮ้อ...ช่างเถอะ ก็แค่ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น สำหรับเขาแล้วจางยวี่โหร่วนั้นยังค่อนข้างสำคัญ และหลินจือก็เป็นแค่ผู้หญิงที่เขาเคยไม่ต้องการมาก่อน ถึงแม้เป่ยจื่อหัวจะได้ครอบครองคนก็จะซุบซิบนินทาอย่างแน่นอน เมื่อคิดได้เช่นนั้นในที่สุดเขาจึงใจเย็นลงเล็กน้อย ในขณะนั้น จางยวี่โหร่วก็เปลี่ยนหัวข้อพูดคุยมาที่เขา “ องค์ชายสาม ท่านว่าใช่หรือไม่? ” เป่ยจื่อห้าวพยักหน้าในทันที “ คุณหนูหลินรูปร่างหน้าตาและความสามารถเพียบพร้อมทั้งสองด้าน ข้าก็ไม่เคยเห็นองค์ชายสองชื่นชอบผู้หญิงคนไหนเช่นนี้มาก่อนเลย หากองค์ชายสองชอบคุณหนูหลินจริงๆ เช่นนั้นข้าก็คงรู้สึกปลื้มใจแทนเขา ” จางยวี่โหร่วช่างฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก สองสามประโยคก็ช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้หลินจือได้ ถ้าหากคราวหลังเขายังถามคำถามชานนี้ให้หลินจือลำบากใจหรือยังมีเจตนาอะไรอีก เช่นนั้นก็คงจะหมดคำพูดจริงๆแล้วล่ะ จ้าวซินซินก็วางใจลงในทันที ไม่สนใจว่าจางยวี่โหร่วจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยหลินจือก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเธอแล้ว ตอนนี้จางยวี่โหร่วก็แค่ถูกจำกัดขอบเขตกับเป่ยจื่อห้าวไว้อยู่เท่านั้น หากเขามาเจอเธอ เธอจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน แต่จะให้เธอเอาอกเอาใจเขาก่อน นั่นก็คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรในใจของเธอก็รู้ดีว่า ไม่ว่าอย่างไรเป่ยจื่อห้าวก็จะไม่มีวันปล่อยตระกูลจางไปแน่ ไม่อย่างนั้นหากเขาต้องการสืบทอดราชบัลลังก์ เกรงว่าคงจะยากยิ่งขึ้นไปอีก นอกเสียจากจะใช้กำลังในมือของเขาบีบบังคับโดยตรง แต่หากเป็นเช่นนั้นเมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะพบเจอกับจุดจบของคนที่กบฏต่อแผ่นดิน หากไม่ถูกบีบบังคับจนไปถึงจุดนั้น เชื่อว่าเขาก็คงจะไม่เลือกเส้นทางนี้เป็นแน่ ดังนั้นต่อให้ตอนนี้จางยวี่โหร่วจะทำให้เขาเกิดความอยากมากแค่ไหน เขาก็ต้องยอมรับแต่โดยดี หลังจากที่หาข้ออ้างทำให้เป่ยจื่อห้าวกับจ้าวซินซินจากไปได้แล้ว ในเวลานี้ก็เหลือเพียงแค่หลินจืออยู่ที่นี่เพียงคนเดียว ขณะที่พวกเขาเพิ่งจะจากไป หลินจือก็คุกเข่าลงกับพื้นและก้มหัวลงในทันที จางยวี่โหร่วรีบไปประครองเธออย่างรวดเร็ว “ น้องหลิน เจ้ากำลังทำอะไรกัน? ” “ จือเอ๋อร์ขอบพระคุณท่านพี่ยวี่โหร่วที่ยื่นมือมาช่วยเหลืออย่างมาก ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรจริงๆ ” หลินจือแทบจะร้องไห้ออกมา ด้วยความเฉลียวฉลาดของเธอ เธอจะคิดไม่ออกได้อย่างไรกัน เมื่อครู่นี้จางยวี่โหร่วจะต้องได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันจึงเข้ามาช่วยเธอเป็นแน่ บีบบังคับจนสุดท้ายองค์ชายสามทำได้เพียงแค่พยักหน้าและพูดเช่นนั้นออกมา และยังแก้ไขสถานการณ์ของเธอได้อย่างสมบูรณ์ ถึงแม้ตอนนี้หลินจือค่อนข้างจะมีหน้ามีตาแล้ว ท่านพ่อได้เลื่อนตำแหน่ง ตัวของเธอเองก็ได้รับความชื่นชมจากฮ่องเต้และองค์ชายสอง แต่เธอไม่เคยกล้าที่จะถือตัวอย่างภาคภูมิใจเลย เพียงแค่ต้องการอยู่อย่างเงียบๆเท่านั้น เธอรู้ว่าความโชคดีของตัวเองทั้งหมดในตอนนี้นั้นล้วนต้องขอบคุณจางยวี่โหร่วทั้งสิ้น หากไม่ใช่เพราะบังเอิญเจอเธอตอนที่กำลังจะแต่งงานในวัดร้างวันนั้น เธอก็คงจะฆ่าตัวตายไปแล้ว ดังนั้นเธอรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุญของจางยวี่โหร่วในใจเป็นอย่างมาก ต่อให้จะชดใช้ด้วยชีวิต เธอก็ยินยอมอย่างเต็มใจ “ เราเป็นพี่น้องกัน เหตุใดเจ้าถึงห่างเหินกับข้าถึงเพียงนี้ ” “ ท่านพี่ยวี่โหร่ว ท่านพี่เป็นคนที่มีบุญคุณต่อข้ายิ่งนัก ช่วยเหลือข้าในทุกทุกครั้ง ข้าซาบซึ้งในบุญคุณของท่านจริงๆ ” นั่นสิ ตอนนี้นอกจากพูดคำว่าขอบคุณแล้ว ยังจะแสดงความซาบซึ้งใจของเธอได้อย่างไรกัน? จางยวี่โหร่วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ ข้าควรจะเป็นคนพูดขอโทษกับเจ้ามากกว่า อยู่ดีดีก็ลากเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เจ้าเข้าไปพัวพันกับองค์ชายสามก็เป็นเพราะข้า ดังนั้นข้าก็ต้องช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้เจ้าอยู่แล้ว ” “ ไม่! ” หลินจือจ้องมองเธอจากนั้นก็พูดว่า “ ในที่สุดตอนนี้ข้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดตอนนั้นท่านถึงแลกเปลี่ยนเกี้ยวเจ้าสาวกับข้า ยอมที่จะแต่งงานเข้าตำหนักอ๋องชิงผินที่กินคนเช่นนั้นและไม่ยอมแต่งงานกับองค์ชายสาม ” จางยวี่โหร่วหัวเราะ สายตาเผยให้เห็นถึงความหยอกเย้าบางๆ “ เฮ้อ...สิ่งที่คนอื่นเห็น ล้วนเป็นภาพลักษณ์ภายนอกของข้า จะรู้ถึงรสชาติชีวิตว่าแท้จริงว่าเป็นเช่นไรได้อย่างไรกัน หากข้าไม่คิดหาวิธีเอาตัวรอดให้ตัวเอง ก็คงจะกลายเป็นเพียงเนื้อปลาบนเขียงและถูกคนกดขี่เท่านั้น ” เรื่องราวความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างเธอกับหลินจือนั้นมีมากมาย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังอีก ตั้งแต่เรื่องที่สลับเกี้ยวแต่งงาน โชคชะตาของพวกเธอก็เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน แม้แต่การทำความผิดประหารชีวิตเก้าชั่วโคตรก็กล้าทำมาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลยว่ายังมีสิ่งใดที่ไม่สามารถทำได้อีก “ แต่ว่าตอนนี้ท่านช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ข้าแล้ว แล้วตัวท่านล่ะ? แม้ว่าจะไม่มีองค์ชายสาม แต่ท่านอ๋องชิงผินก็มีกองกำลังทหารอยู่ในมือและไม่ได้เป็นโคมไฟที่ประหยัดเชื้อเพลิงเลย ท่านจะสามารถยกเลิกการแต่งงานกับเขาได้สำเร็จหรือ ” ตอนนี้เธอสามารถทำอะไรเพื่อจางยวี่โหร่วได้ล่ะ? ตราบใดที่สามารถช่วยเหลือจางยวี่โหร่วได้ เธอจะทำหน้าที่นั้นอย่างดีที่สุดแน่นอน จางยวี่โหร่วเพียงแค่ยิ้มบางๆ “ ในเมื่อข้าตัดสินใจแต่งงานเข้าตำหนักอ๋องชิงผินแล้ว ตราบใดที่เขาไม่ปฏิเสธ ข้าก็จะเป็นผู้หญิงของเขาไปชั่วชีวิต สำหรับเรื่องนี้ ข้าไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจ หากมีโอกาสให้เลือกอีกครั้ง ข้าก็ยังเลือกที่จะทำเช่นนี้ ” เธอมีสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งมากในใจ เรื่องบางอย่าง ก็มีเพียงแค่เขาที่จะสามารถช่วยเหลือเธอได้เท่านั้น ต่อให้เป็นคนอื่นก็คงไม่ได้ บางทีนี่คงจะเป็นโชคชะตาจริงๆ เขาเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดที่สุดของเธอในชาตินี้ “ แต่ว่า...พระชายาของเขาเสียชีวิตมาเจ็ดคนแล้ว ข้ากลัวว่า... ” เรื่องอื่นนั้นไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่เรื่องที่อ๋องชิงผินกลืนกินภรรยานั้นรู้จักกันไปทั่วแผ่นดิน เธอกลัวว่าจางยวี่โหร่วจะกลายเป็นคนที่แปด “ เรื่องบางอย่าง ก็ไม่อาจฟังจากข่าวลือได้ ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ ข้าเชื่อว่ามนุษย์สามารถเอาชนะอุปสรรคได้ และชีวิตของข้าก็แข็งแกร่งมาก! ” เธอตายมาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังจะกลัวความตายอีกงั้นเหรอ? หากใครกล้าทำร้ายเธอแม้แต่นิดเดียว เธอจะกระโจนเข้าหาและฉีกเนื้อของฝ่ายตรงข้ามออกเป็นชิ้นๆอย่างแน่นอน สำหรับคนที่จิตใจบดบังไปด้วยความเคียดแค้น ความบ้าคลั่งในหัวใจของเธอไม่ใช่สิ่งที่ใครๆก็จะสามารถจินตนาการออกได้ หลินจือเห็นท่าทางเศร้าหมองบนใบหน้าของเธอในตอนนี้อย่างชัดเจน ในใจก็เริ่มไม่สบายใจเล็กน้อย และที่มากกว่านั้นก็คือเป็นห่วงเธอ 
已经是最新一章了
加载中