ตอนที่ 55 ไม่มีไร้ยางอายที่สุด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 55 ไม่มีไร้ยางอายที่สุด
ต๭นที่ 55 ไม่มีไร้ยางอายที่สุด ตอนนี้ยังต้องรอเวลาให้เหมาะสมก่อน ก่อนหน้านั้นจางยวี่โหร่วคิดว่าจ้าวซินซินนับถือเธอเป็นพี่น้องจริงๆมาโดยตลอด เชื่อมั่นในคำพูดของเธอโดยไม่สงสัยและถูกเธอหลอกอย่างหัวหมุน แต่ตอนนี้เธอเห็นใบหน้าที่แท้จริงของจ้าวซินซินแล้วและจ้าวซินซินกลับไม่รู้ตัวเลย แม้ตอนนี้เธอจะแสดงได้ยอดเยี่ยมขึ้นอีก ก็เป็นเพียงแค่ตัวตลกที่กระโดดโลดเต้นในสายตาของเธอเท่านั้น “ อื้ม! ” จ้าวซินซินพยักหน้าอย่างหนักแน่น สายตาที่มองเธอเต็มไปด้วยปลื้มใจ “ สำหรับซินเอ๋อร์แล้ว ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าท่านพี่ยวี่โหร่ว ตราบใดที่ท่านพี่ยังชอบซินเอ๋อร์และเห็นซินเอ๋อร์เป็นพี่น้องจริงๆ แม้ตายข้าก็ไม่เสียดายอะไรแล้ว ” “ เจ้าพูดอะไรโง่เขลาเช่นนี้ หลายปีมานี้เราเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมาโดยตลอด ในใจของข้าถือว่าเจ้าเป็นเหมือนน้องแท้ๆมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นไม่มีว่ามีอะไรดีดีข้าก็จะแบ่งปันกับเจ้าในฐานะพี่สาว รวมไปถึงสามีของข้าด้วย เจ้าไม่เข้าใจความหวังดีของข้าหรอกหรือ? ถึงชอบหึงหวงข้ากับน้องหลิน ช่างเป็นเด็กน้อยเสียจริง ” เอาสิ ในเมื่อเธอเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ แน่นอนว่าจ้าวซินซินจะไม่ปล่อยโอกาสยั่วยุผ่านไปแน่ “ ท่านพี่ มีเรื่องหนึ่งข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่ กลัวว่าท่านพี่ฟังแล้วจะโมโหได้ แต่ว่าทุกอย่างซินเอ๋อร์ล้วนเป็นกังวลแทนท่านพี่นะ ” ไม่ต้องฟังเธอก็รู้ว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่ แต่จางยวี่โหร่วยังคงมีความอดทนอยู่ “ เรื่องนี้เจ้าจะพูด คงไม่ได้เกี่ยวกับน้องหลินหรอกนะ ที่จริงแล้วเจ้าไม่พูด ก็ข้ารู้ ” “ ไม่ ท่านพี่ยังไม่รู้แน่นอน หากท่านพี่รู้จริงๆจะดีกับนางขนาดนี้ได้อย่างไรกัน คิดว่านางจะต้องมีเจตนาที่ไม่ดีตั้งแต่แรกแน่ๆ คนที่นางจะต้องแต่งงานด้วยนั้นก็คือท่านอ๋องชิงผินที่มีชื่อเรียกว่ากลืนกินภรรยาและคนที่ท่านพี่จะต้องแต่งงานด้วยนั้นเป็นถึงองค์ชายสาม นางกลัวว่าพอแต่งงานแล้วตัวเองจะกลายเป็นผีคนที่แปดอยู่ลึกๆในใจ อิจฉาที่ท่านพี่จะได้แต่งงานกับราชนิกุลและกลายเป็นพระชายาสาม เธอจึงคิดแผนชั่วร้ายสลับตัวแทนที่ท่านพี่ขึ้นมา มิเช่นนั้นอยู่ดีดีท่านพี่จะไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวผิดได้อย่างไรกัน การแต่งงานกลับกลายเป็นเรื่องตลก? ” เฮอะ...จินตนาการของจ้าวซินซินนี่ช่างมากมายซะเหลือเกิน แม้แต่การโกหกอย่างชั่วร้ายแบบนี้ก็พูดออกมาได้ เพื่อที่จะใส่ร้ายหลินจือ เพียงแต่ในวัดวันนั้นมีเพียงพวกเธอสองคน ตัวเธอเองจะไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? เรื่องราวทั้งหมดในวันนั้นดูเหมือนว่าเธอก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เดิมทีแล้วคิดว่าเธอยังจะมีความฉลาดอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ยาวนานเท่าไหร่ ตัวเธอเองเมื่อชาติที่แล้วก็ยิ่งโง่เขลา กลับถูกคนแบบนี้หลอกจนหลับหูหลับตาเชื่อได้ คิดดูแล้วมันช่างน่าเสียใจจริงๆเลย “ เจ้าพูดดูมีเหตุผล อันที่จริงข้าก็เคยคิดถึงเรื่องนี้ อยู่ดีๆจะไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวผิดได้อย่างไรกัน? เพียงแต่น้องหลินดูเหมือนไม่ใช่คนที่มีจิตใจที่ลึกล้ำเลย? ” จางยวี่โหร่วเพียงแค่อยากเห็นว่าเจตนาของจ้าวซินซินนั้นคืออะไร ดังนั้นจึงแกล้งทำเหมือนว่าเธอยุยงได้สำเร็จ “ เหมือนดั่งที่เขาพูดว่ารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ แน่นอนว่าข้าไม่ได้มีเจตนาจะใส่ร้ายคุณหนูหลินเลย เพียงแค่อยากเตือนสติท่านพี่เท่านั้น เพื่อจะได้ไม่ถูกเธอหลอก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอภูมิใจในความสำเร็จ ไม่เพียงแต่ท่านพ่อของตัวเองได้เลื่อนขั้น แต่ยังได้รับการชื่นชมจากองค์ชายสองอีก จึงเริ่มถือตัวขึ้นมาเล็กน้อย และไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลย วันนั้นข้าเห็นนางและอยากจะทักทาย แต่นางกลับหมุนตัวจากไปอย่างหยิ่งยโส ไม่ได้สนใจข้าเลยแม้แต่น้อย ตอนแรกนางไม่ได้เป็นแบบนี้เลยนะท่านพี่ ” จางยวี่โหร่วแสร้งทำน้ำเสียงที่ตกใจออกมาและมองเธอด้วยท่าทางตกตะลึง “ อะไรกัน มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ ข้าไม่รู้มาก่อนเลย” สิ่งที่เธอพูด คงจะเป็นเพราะว่าเธอกับเป่ยจื่อห้าวร่วมมือกันทำให้หลินจืออับอายในครั้งที่แล้ว ถึงขนาดบังคับให้เธอแต่งงานกับเป่ยจื่อห้าว และเป็นเพราะเรื่องนั้น หลินจือจึงมองสีหน้าของจ้าวซินซินออกอย่างชัดเจน ดังนั้นเธอเห็นเธอจึงไม่ไว้หน้าอีกต่อไป ตอนนี้กลับถูกเธอจงใจบิดเบือนจนกลายเป็นแบบนี้ หากเธอไม่ใช่เพราะว่าเธอจิตใจด้านช้าไปตั้งนานแล้ว คงจะถูกเธอหลอกลวงอย่างง่ายดายแน่ๆ “ นั่นสิ ข้าคิดทบทวนอยู่หลายรอบถึงตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับท่าน เพราะไม่ต้องการให้ท่านพี่ถูกเธอหลอกได้อย่างง่ายดาย ข้าถูกรังแกนั้นไม่สำคัญ แต่หากท่านพี่ถูกเธอเอาเปรียบในภายภาคหน้า เช่นนั้นควรจะทำเช่นไรล่ะ? ” จางยวี่โหร่วจงใจท่าทางโมโหออกมาและตบโต๊ะแรงๆ “ นางอวดดีมากเกินไปแล้ว เสียแรงที่ข้าดีกับนางขนาดนั้น และยังตั้งใจแนะนำนางให้แก่องค์ชายสองเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้นางกลับกล้ารังแกกระทั่งน้องสาวที่น่ารักของข้า ช่างอวดดีเกินไปแล้ว ” ในใจของจ้าวซินซินมีความสุขจนแทบจะลอยขึ้น ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่พิสูจน์ตำแหน่งของเธอในใจของจางยวี่โหร่ว แต่ยังเหยียบย่ำหลินจือไปด้วยอีก ตอนนี้ในที่สุดจางยวี่โหร่วเชื่อในคำพูดของเธอภายใต้การยุยง ในเมื่อเธอสามารถห่อหลินจือได้ดีขนาดนี้และทำให้ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เธอ เช่นนั้นก็จะต้องมีวิธีทำให้เธอตกลงมาจากด้านบนและถูกทำลายอย่างแน่นอน เธอนั้นคือจางยวี่โหร่ว คุณหนูคนสำคัญเพียงคนเดียวของตระกูลจาง ฐานะของเธอนั้นมีเกียรติสูงส่งมากกว่าเจ้าหญิงเสียอีก ตราบใดที่เธอต้องการจะทำอะไร ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ จ้าวซินซินร้องไห้สะอึกสะอื้นทันทีและใช้ผ้าเช็ดน้ำตา “ คิดๆดูแล้ว ตอนนี้คุณหนูหลินจือเริ่มภูมิใจในตัวเองและกลายเป็นคนหยิ่งยโสเพียงเพราะว่าท่านพี่ได้เลื่อนขั้น หากในอนาคตเธอได้กลายเป็นพระชายาสองจริงๆ เช่นนั้นก็จะต้องนั่งอยู่บนหัวของท่านพี่ไม่ใช่หรือ?” แผนการในใจของจ้าวซินซินนั้นช่างชั่วร้าย ทุกประโยคล้วนชี้เป้าไปที่หลินจือ ทุกคำพูดนั้นเพียงพอที่จะทำให้ตัวละครของเธอตกนรกอย่างสมบูรณ์ หากไม่ได้เห็นกับตา เธอก็คงยากที่จะจินตนาการออกว่ามีคนแบบนี้อยู่ในโลกนี้จริง ช่างเปิดหูเปิดตาอย่างมาก “ ดูเหมือนว่า...เรื่องนี้ข้าคงจะพิจารณาไม่รอบคอบแล้วล่ะ องค์ชายสองสุภาพอ่อนโยนและมีความรู้ความสามารถเช่นนั้น จะอยู่กับคนต่ำต้อยเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? เพียงแต่...ตอนนี้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว องค์ชายสองก็ได้สนใจในตัวนางแล้ว แม้แต่ข้าก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ ” เธอแสดงท่าทางลำบากใจ จ้าวซินซินดูเป็นกังวลใจอย่างมาก “ ไม่ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป หากต้องให้นางได้แต่งงานกับองค์ชายสองจริงๆ เช่นนั้นจึงจะพูดได้ว่าสายเกินไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้องค์ชายสองก็แค่รู้สึกดีกับเธอเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งใดใด ทางที่ดีก็ทำลายความรู้สึกที่ดีขององค์ชายสองที่มีต่อนาง ทุกอย่างก็จะง่ายดายขึ้นไม่ใช่หรือ? ” เธอช่างโหดเหี้ยมจริงๆ สุภาษิตพูดไว้ว่า รื้อถอนสิบวัดไม่เท่ากับทำลายการแต่งงานครั้งเดียว เธอรู้ตัวไหมว่าตัวเองกำลังทำเรื่องชั่วร้ายสร้างเวรสร้างกรรมอยู่ ไม่กลัวว่ากรรมจะตามสนองเลย จางยวี่โหร่วไตร่ตรองเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยักหน้า “ อื้ม มีเหตุผล ข้าจะไปคิดทบทวนดูว่าควรจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ เช่นนั้นเจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่เงียบๆคนเดียว ” เมื่อจ้าวซินซินเห็นว่าเธอพูดยั่วยุสำเร็จและตอนนี้เธอก็จะเริ่มเกลียดชังหลินจือแล้ว ทั้งยังคิดวิธีทำลายความสัมพันธ์ระหว่างหลินจือกับองค์ชายสองอีก เธอจะไม่รู้สึกตื่นเต้นและวางใจอย่างสิ้นเชิงได้อย่างไรกัน “ ค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน ท่านพี่ก็อย่าทุกข์ใจเกินไป น้องจะช่วยคิดหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้กับท่านพี่แน่นอน ” หลังจากที่เธอทำความเคารพเสร็จ ก็จากไปในไม่ช้า จนกระทั่งเงาด้านหลังของเธอหายไป สีหน้าของจางยวี่โหร่วจึงค่อยๆนิ่งลง “ ออกมาเถอะ! ” เธอพูดเบาๆ ในขณะนั้นก็มีเงากระโปรงยาวสีม่วงเดินออกมาจากด้านหลัง นั่นก็คือหลินจือ บุคคลสำคัญที่พวกเธอเพิ่งจะพูดถึง แท้จริงแล้วเธอยืนอยู่ด้านหลังมาโดยตลอด และยังได้ยินคำพูดระหว่างจางยวี่โหร่วกับจ้าวซินซินทั้งหมด ก่อนหน้านั้นเธอคิดว่าจ้าวซินซินแกล้งยั่วยุต่อหน้าองค์ชายสามเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลับยังวิ่งมาใส่ร้ายป้ายสีเธอต่อหน้ายวี่โหร่ว เธอนั้นชั่วร้ายขนาดไหนกันแน่ ในขณะนั้นหลินจือโกรธจนหน้าซีด นิ้วมือกำผ้าไหมในมือแน่น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ไม่มีไร้ยางอายที่สุด มีแต่ไร้ยางอายยิ่งขึ้น เธอถามตัวเองว่าเคยทำอะไรให้จ้าวซินซินไม่พอใจไหม เหตุใดจ้าวซินซินถึงพุ่งเป้ามาที่เธอเช่นนี้ อีกทั้งยังจงใจใส่ร้ายป้ายสี เธอ มันมากเกินไปจริงๆ “ ท่านพี่ยวี่โหร่ว ข้า...” “ ไม่ต้องพูดอะไร ข้ารู้อยู่แล้ว ” จางยวี่โหร่วพูดตัดบท เดินมาตรงหน้าของเธอและจับมือเธอเบาๆ “ ให้เจ้าได้รู้เรื่องพวกนี้ก็ดี จะได้รู้ว่าอะไรคือ จิตใจโหดเหี้ยมของคน คนบางคนภายนอกดูประจบประแจง แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังทำร้ายคนอื่นไว้เท่าไหร่ ข้านั้นชินแล้วล่ะ ” ใช่แล้ว ตอนที่ตระกูลของเธอถูกทำลายและฆ่าตายทั้งครอบครัวในชาติที่แล้ว เมื่อระลึกถึงชีวิตของตัวเอง จางยวี่โหร่วก็รู้สึกเพียงการดูถูกอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ “ ข้าเพียงแค่ไม่เข้าใจ เหตุใดนางต้องทำกับข้าเช่นนี้? ” “ ทำร้ายคนจำเป็นต้องเหตุผลอะไรด้วยรึ? มากที่สุดก็แค่คอยทำร้ายด้วยจิตใจอิจฉาริษยาเท่านั้น ยิ่งนางเป็นแบบนี้ เจ้าก็ควรจะยิ่งยินดี ถึงแม้นางจะอิจฉาริษยามากแค่ไหนก็ไม่อาจมาอยู่ระดับเดียวกับพวกเราได้ เป็นเพียงแค่ตัวตลกตัวหนึ่งเท่านั้น ” หลินจือพยักหน้า แต่ยังคงกัดริมฝีปากแน่น เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อาจมีใจหนักแน่นเหมือนจางยวี่โหร่วได้ในทันที สิ่งนี้จำเป็นต้องค่อยๆใช้เวลาสะสมประสบการณ์ “ ท่านพี่ยวี่โหร่ว ในเมื่อท่านรู้ใบหน้าที่แท้จริงของนางตั้งนานแล้ว เหตุใดยังต้องเก็บนางไว้ข้างกายอีก อีกทั้งก่อนหน้านั้นก็ยังทำดีกับนางมาตลอด แต่นางกลับใส่ร้ายท่านลับหลังหลายครั้ง ท่านสามารถอดทนต่อไปได้หรือ? ” เธอรู้ว่าจางยวี่โหร่วไม่ใช่คนธรรมดา ตอนนี้เธอเฉลียวฉลาดและกล้าหาญอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงทนต่อการมีคนอย่างจ้าวซินซินอยู่ไม่ได้มากขึ้น “ ไม่ได้อดทน แต่เป็นตอนนี้ข้าต้องการคนแบบนี้พอดี เจ้ายังมองไม่ออกอีกเหรอ? จ้าวซินซินเป็นคนที่องค์ชายสามจัดการให้มาคอยสอดแนมข้างกายข้า เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นที่นี้ เธอก็จะไปรายงานกับองค์ชายสามทุกอย่าง ” “ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งไม่ควรอยู่ ” หลินจือตกใจกลัวมาก คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะร้ายแรงยิ่งกว่าที่เธอคิดไว้มาก “ ไม่ เจ้าผิดแล้ว นี่คือประโยชน์ในการใช้งานนาง นางคิดว่าการอยู่ที่นี่จะสามารถเป็นไปอย่างที่นางคิดรึ? ข้าต้องการให้นางรู้ว่า ยิ่งให้นางรู้ ก็จะยิ่งทำให้นางลำพองใจค่อยๆคิดว่าตัวเองนั้นควบควมทุกอย่างของข้าไว้แล้ว จากนั้นก็นำข่าวไปบอกกับองค์ชายสามอีก เจ้าคิดว่า...จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? ” หลังจากได้ยินประโยคนี้ แววตาของหลินจือก็เปล่งประกาย สีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนแปลงไป สายตาที่มองจางยวี่โหร่วกลายเป็นชื่นชมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ ท่านพี่ยวี่โหร่วช่างฉลาดอย่างไม่มีใครเทียบใดเลยจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว หากมีอะไรที่ข้าสามารถช่วยเหลือได้ ข้าจะไม่มีวันปฏิเสธอย่างแน่นอน ”
已经是最新一章了
加载中