ตอนที่ 56 การทำโทษของท่านอ๋อง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 56 การทำโทษของท่านอ๋อง
ต๭นที่ 56 การทำโทษของท่านอ๋อง จางยวี่โหร่วพยักหน้า “ ใช่แล้วล่ะ หนึ่งในนั้นข้าไม่อาจขาดการช่วยเหลือจากเจ้าไปได้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะทำให้นางเชื่อว่าเกิดช่องว่างระหว่างพวกเราเรียบร้อยแล้วได้อย่างไรกัน? ” เป่ยจื่อห้าวกับจ้าวซินซินต้องการวางแผนขัดขวางไม่ให้หลินจือเข้าใกล้องค์ชายสอง และยังรู้อีกว่าตอนนี้เธอกับหลินจือสนิทกันจึงคิดจะแยกเธอกับหลินจือออกจากกัน “ เช่นนั้นตอนนี้ข้าควรจะทำอย่างไรดี? ” จางยวี่โหร่วคิดทยทวนดู จากนั้นก็ยิ้ม “ เรื่องนี้เกรงว่าจะต้องเชิญองค์ชายสองมาปรึกษาหารือกันแล้วล่ะ ” ความสัมพันธ์ของจางยวี่โหร่วกับองค์ชายสองนั้นดีมาตลอด แต่กลับไม่ได้มีจิตใจที่สกปรกเช่นนั้นในสายตาของทุกคน พวกเขามีความสัมพันธ์เหมือนดั่งเพื่อนและพี่น้อง หากไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาก็คงจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ และยังเป็นคู่ที่ทุกคนชื่อชมอย่างมาก จางยวี่โหร่วกำลังเตรียมตัวจะพาหลินจือออกไปหาเป่ยจื่อหัว เพิ่งจะเดินไปถึงประตูก็ถูกสกัดไว้ เมื่อเห็นความเยือกเย็นแผ่กระจายออกมาอย่างน่ากลัวภายใต้หน้ากากนั้น จางยวี่โหร่วสรู้สึกเย็นที่ด้านหลัง ราวกับว่าตัวเองทำเรื่องน่าละอายใจอะไรลงไป ดูเหมือนว่า...จะมีจริงๆ ผู้ชายคนนี้ได้รับบาดเจ็บเพราะเธอและให้เธอไปเปลี่ยนยาให้เขาที่ตำหนักทุกวัน หลังจากที่เธอไปเปลี่ยนสองครั้ง เนื่องจากเกิดเรื่องที่น่าอับอายเล็กน้อย จากนั้นเธอจึงหนีออกมาและก็ไม่ไปปรากฏตัวอีกเลย จุดประสงค์ที่เขามาในตอนนี้...หากเธอเดาไม่ผิด ก็คือต้องการจับตัวเธอ???? ทุกครั้งที่หลินจือเห็นหันยี่ฉี ก็จะหดตัวลงโดยสัญชาตญาณ สายตาเปล่งประกายไปด้วยความหวาดหลัว เพราะว่าก่อนหน้านั้นเธอกลัวหันยี่ฉีมากเกินไป ถึงขนาดเลือกฆ่าตัวตายในวันแต่งงานวันนั้น ดังนั้นทุกครั้งที่เห็นเขาและเห็นหน้ากากหมาป่าดุร้ายนั้นของเขา เธอจะรู้สึกตัวสั่นเทา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสบสายตากับเขาเลย เพียงแต่ว่า หันยี่ฉีก็ไม่เคยมองเธอเลยสักนิด ความสนใจทั้งหมดของเขามุ่งเน้นไปที่จางยวี่โหร่ว เมื่อเห็นเธอก็ก้าวเท้าเดินตรงไปที่ข้างเธอและเอื้อมมือออกไปดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขมของตัวเอง ที่นี่คือประตูใหญ่ของตำหนักไท่ซือนะ! ผู้คนมากมายที่เดินไปมาล้วนมองไปที่พวกเขา สะกิดกันต่อไปเรื่อยๆ จางยวี่โหร่วต้องการต่อสู้ดิ้นรนโดยสัญชาตญาณในทันที แต่ว่ายิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่ มือที่โอบรอบเอวก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นมากเท่านั้น จนสุดท้ายเธอจึงทำได้เพียงยอมแพ้ และปล่อยให้ตัวเองทรมานน้อยลง “ ท่านอ๋อง ปล่อยนะ รบกวนท่านระวังการกระทำของตัวเองด้วย!” หันยี่ฉีกกระตุกริมฝีปากบางขึ้นเล็กน้อย ในสายตาแฝงไปด้วยความพอใจในการหยอกเย้า “ ข้าใกล้ชิดกับพระชายาที่รักของข้า ทำไมจะไม่ได้? จะได้ให้พวกเขาดูให้ดีว่า เจ้าเป็นผู้หญิงของใครกันแน่ ” เขาไม่ได้สนใจที่จะใกล้ชิดกับเธอต่อหน้าทุกคนเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้คำนึงถึงความตกตะลึงของจางยวี่โหร่วเลย เขาก้มหน้าลงมาจูบริมฝีปากแดงที่กำลังตกใจและกังวลของเธอ นี่...มันมากเกินไปจริงๆแล้วนะ ความคิดของคนหนานชู่นั้นหัวโบราณ แม้จะเป็นคู่สามีภรรยาทั่วไปก็ไม่ใกล้ชิดสนิทสนมกันในเวลากลางวัน โดยเฉพาะในตอนนี้ที่เธอกับเขายังไม่ได้ถือว่าเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ และความสัมพันธ์ของเธอกับเป่ยจื่อห้าวก็ยังไม่ตัดขาดให้ชัดเจน หากเป็นเช่นนี้จะไม่เป็นที่ซุบซิบนินทาของคนได้อย่างไรกัน? หลินจือที่อยู่ข้างๆเขินอายจนหน้าแดง จากนั้นก็หลับตาลง เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะทำหน้าอย่างไร และรู้สึกว่าภาพตรงหน้าของเธอดูน่าอายเล็กน้อย ทำให้ไม่กล้าที่จะเข้าาไปรบกวน ชายหนุ่มชุดขาวร่างกายสูงเรียวราวกับหยก ไร้อารมณ์ที่เยือกเย็นและน่ากลัวแบบนั้น เขาในตอนนี้ดูแล้วรู้สึกมีเสน่ห์อย่างมาก และหญิงสาวชุดแดงคนนั้นดูตัวเล็กมากในอ้อมแขนของเขา ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันนั้นทำให้คนรู้สึกว่าเข้ากันได้ดีอย่างมาก จางยวี่โหร่วต้องการดิ้นรนอีกมากแค่ไหน ก็ต่อต้านแรงของเขาไม่ได้ ช่วงนี้เธอยิ่งรู้สึกว่าจำนวนครั้งที่ตัวเองถูกเอาเปรียบนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ช่างเป็นหมาป่าบ้ากามจริงๆ รสชาติของเธอนั้นเป็นดั่งยาพิษชนิดหนึ่งจริงๆ เมื่อได้รับสิ่งไม่ดีก็มีความรู้สึกไม่สามารถหยุดได้ ต่อให้จะหลงใหลมากแค่ไหน ผู้ชายก็ยังรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุด จนในที่สุดเขาก็ปล่อยเธอ จางยวี่โหร่วสีหน้าแดงกร่ำไม่แตกต่างอะไรกับแสงสีแดงฉาน “ ท่าน...” เธอมองเขาด้วยความเขินอายและโกรธเคือง ในขณะที่เธอกำลังจะพูดตำหนิออกมา เขากลับก้มหน้าลงมาและพ่นลมหายใจอันอบอุ่นข้างหูของเธอ “ นี่คือสิ่งที่เจ้าติดค้างข้าไว้ และเป็นสิ่งชดเชยที่ข้าควรได้รับ ” ผู้ชายคนนี้ ช่างใจแคบจริงๆ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ยังต้องคิดเล็กคิดน้อยอีก เพียงเพราะว่าเธอไม่ได้ไปช่วยป้อนยาที่ตำหนักอ๋องชิงผินสองวันนี้ เขากลับใช้วิธีการแบบนี้ลงโทษเธอ จางยวี่โหร่วไม่กล้าพูดอะไร ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรอีก ในตอนนั้น หลินจือเดินมาข้างหน้า ลังเลใจสักครู่แล้วจึงเอ่ยปากว่า “ ท่านพี่ยวี่โหร่ว ใกล้จะค่ำแล้ว พวกเราไปกันเถอะ ” ที่จริงแล้วเธอแค่ต้องการช่วยจางยวี่โหร่ว ในสายตาของเธอ อ๋องชิงผินเป็นคนที่น่ากลัวคนหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้จางยวี่โหร่วตกไปอยู่ในกำมือของเขา จางยวี่โหร่วมีสติกลับมาทันที และนึกถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองออกมาในวันนี้ และอดไม่ได้ที่จะจ้องมองหันยี่ฉีอย่างดุร้ายอีก พวกเธอนั้นมีเรื่องที่ต้องทำ พอถูกเขาแกล้งเช่นนี้ เธอเกือบจะลืมไปแล้ว “ ได้! เราไปกันเถอะ! ” เธอรีบจับมือหลืนจือและกำลังจะไป แต่ในขณะนั้นกลับถูกเขาดึงกลับมาทันที “ ข้าตั้งใจมาหาเจ้าเป็นพิเศษ เจ้าจะไปไหน? ” ต่อให้มีหน้ากากบังอยู่ เธอก็สามารถรู้ได้ว่าสีหน้าของเขาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด คนคนนี้...ช่างวุ่นวายมากเกินไปเสียจริง เมื่อครู่เขาได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ตอนนี้ยังจะต้องการอะไรอีก จางยวี่โหร่วใกล้จะหมดความอดทนแล้วจึงพูดอย่างเย็นชาว่า “ พวกเราจะไปตำหนักสอง ท่านอ๋องคงไม่ได้จะไปกันพวกเราหรอกนะ? ” เธอคิดไว้แล้วว่าเขาไม่มีทางจะตอบรับ ดังนั้นจึงจงใจพูดเช่นนี้ เขาเป็นถึงท่านอ๋องชิงผิน มีกองกำลังทหารที่เข้มแข็งอยู่ในมือ มีตำแหน่งที่สำคัญในราชสำนัก ไม่เคยดึงตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้แย่งชิงอำนาจใดใด หากเขาไปตำหนักของใครอย่างกะทันหันและเรื่องนี้ถูกกระจายข่าวออกไป ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร “ อะไรนะ? เจ้ายั่วผู้ชายคนหนึ่งแล้วยังไม่พอ ยังจะต้องการยั่วอีกคนอีก เจ้าคิดว่าข้าจะให้โอกาสเจ้านอกใจสามีงั้นหรือ? ” ผู้ชายคนนี้...ช่างไม่มีเหตุผลอะไรเลย ถูกเอาเปรียบก็ช่างมันไปแล้ว ตอนนี้เขายังจะยุ่งเรื่องของเธออย่างไม่มีเหตุผลอีก และยังพูดแบบนี้ออกมา ไม่รอให้จางยวี่โหร่วโต้กลับ เธอก็พูดขึ้นมาทันที “ ข้าจะไปกับเจ้า” อะไรนะ? เธอไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? พวกเธอจะไปตำหนักสอง เขาก็ต้องการร่วมสนุกด้วย? ทำไมเธอมองไม่ออกเลยสักนิด ว่าเขาเป็นคนที่น่าเบื่อ? “ เอ่อ...ท่านอ๋อง ข้ากับท่านพี่ยวี่โหร่วไปหาองค์ชายสองไม่ได้มีความหมายอื่นใด ท่านอย่าเข้าใจผิด ไม่นานพวกเราก็กลับมา ” เธอไม่แน่ใจว่าระหว่างจางยวี่โหร่วกับท่านอ๋องชิงผินตกลงกันอย่างไร โดยสัญชาตญาณของเธอรู้สึกว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้ได้ ดังนั้นจึงทำได้แค่พูดเช่นนี้ เขาไม่ได้เข้าใจผิดอย่างแน่นอน หันยี่ฉีนั้นไม่ใช่คนโง่เขลา จะมองไม่ออกได้อย่างไรว่า งานฉลองในวังวันนั้น จางยวี่โหร่วต้องการจะแนะนำหลินจือให้กับองค์ชายสอง เพียงแค่คิดว่าเธอให้องค์ชายสองช่วยเหลือเพียงคนเดียว ใจของเขาก็รู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ เขาจึงอยากจะมีส่วนร่วมด้วย มองดูชายหนุ่มไม่ได้มีความคิดที่จะปล่อยมือเลยแม้แต่นิดเดียว จนในที่สุดจางยวี่โหร่วก็เลยต้องประประนีประนอม “ เช่นนั้นก็ได้ ในเมื่อท่านอ๋องไม่มีอะไรทำ ก็แล้วแต่ท่าน พวกเรารีบไปกันเถอะ” หลังจากที่พูดจบ เธอก็ขึ้นไปบนรถม้า หลินจือก็ตามหลังไปทันที เดิมทีแล้วในใจของเธอนั้นเป็นกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าจางยวี่โหร่วไม่ได้พูดอะไร พอคิดดูเธอก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกิน ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงตำหนักสอง ซึ่งก็เป็นอาณาเขตของเป่ยจื่อหัว ในขณะนั้น ชายหนุ่มในชุดสีม่วงหรูหราที่กำลังวาดภาพอย่างสบายๆอยู่ในสวนดอกไม้ หลังจากได้ยินรายงานจากแม่บ้าน ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นก็ค่อยๆปรากฏรอยยิ้มออกมา “ ข้าเชื้อเชิญมาตั้งหลายครั้ง นางก็ไม่ยอมมา เหตุใดครั้งนี้กลับออกตัวมาหาข้าเองล่ะ ช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจจริงๆ ” เห็นได้ชัดว่า ‘นาง’ ที่เขาพูดถึงนั้นก็คือหลินจือ ผู้หญิงคนนี้นั้นชอบเก็บตัวอย่างมาก/มีโลกส่วนตัว/ซ่อนความรู้สึก หากเป็นผู้หญิงคนอื่น คงจะมีความสุขอย่างมาก แต่ว่าเธอบอกปฏิเสธทุกครั้ง เธอก้มหน้าเช่นนั้นทุกครั้งที่เจอเธอ และไม่กล้าเงยหน้ามองเขาเลยสักนิด ในคำพูดมีความห่างเหินและกังวลใจบางๆ เขาเดินเข้าไปใกล้ไม่กี่ก้าว เธอก็ตกใจกลัวเหมือนกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่งและยังถอยห่างจากเขา เขาเป็นถึงองค์ชายสอง แต่กลับดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวในสายตาของเธอ มันทำให้ในใจของเขารู้สึกพ่ายแพ้ ดังนั้นการมาหาถึงบ้านในครั้งนี้ของเธอ ทำให้ในใจของเขารู้สึกดีใจอย่างมาก “ คุณหนูคนโตของตระกูลจางก็มาเช่นกันเจ้าค่ะ ” “ น้องโหร่วเอ๋อร์ ” รอยยิ้มบนใบหน้าของเป่ยจื่อหัวยิ่งเบ่งบานมากขึ้น ตามด้วยความหมองหม่นบางๆ “ มิน่าล่ะ...” คิดไม่ถึงเลยว่าแม่บ้านคนนี้จะพูดคุยได้ไม่ชัดเจนพอ เรื่องดีดีเรื่องหนึ่งจะต้องพูดกี่ประโยคถึงจะพูดหมด “ ยังมีท่านอ๋องชิงผินมาด้วยกันกับพวกนาง ข้าให้พวกเขารออยู่ที่ห้องโถงด้านนอก แล้วจึงมาแจ้งองค์ชายเจ้าค่ะ ” ท่านอ๋องชิงผิน เขามาได้อย่างไรกัน? ในขณะนั้น ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงสีหน้าตกใจมากอย่างเห็นได้ชัด ที่จริงแล้ว สำหรับเรื่องของเขากับจางยวี่โหร่วรวมไปถึงน้องชายสามของเขา เขายังรู้สึกสับสนอยู่ในใจตลอด ถึงแม้จะบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดและยังเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน แต่เขารู้สึกว่าเรื่องราวนั้นไม่เรียบง่ายมาโดยตลอด ระหว่างเป่ยจื่อห้าวที่เป็นน้องชายของเขา และความสัมพันธ์ของจางยวี่โหร่วกับเขาที่ดีมาโดยตลอด เขาก็เข้าใจความคิดของเธอเป็นอย่างดี ช่วงเวลาที่ดีของทั้งคู่กลับถูกคนทำลายอย่างกะทันหัน คนที่รักกันกลับไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ดังนั้นเป่ยจื่อหัวยังคงรู้สึกว่าหนึ่งในนั้นท่านอ๋องชิงผินนั้นวางอุบายอะไรหรือเปล่า? จัดระเบียบเสื้อผ้าครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดเบาๆว่า “ งั้นไปดูกันเถอะ ” หลินจือนั้นมาที่ตำหนักสองเป็นครั้งแรก เธอรู้สึกอึดอัดใจมากอย่างเห็นได้ชัด ถ้าหากไม่ใช่เพราะเกี่ยวข้องกับจางยวี่โหร่ว เธอจะไม่มาแน่นอน อย่างมากที่สุดเธอก็แค่มาเป็นเพื่อนจางยวี่โหร่วเท่านั้น ไม่นานนัก เป่ยจื่อหัวก็มา หลังจากที่เขาเข้าประตูมาและเห็นสามคนที่อยู่ด้านใน สีหน้าก็ดูซับซ้อนอย่างมาก “ ข้าไม่ทราบเลยว่าท่านอ๋องชิงผินจะเสด็จมา จึงไม่ได้เตรียมการต้อนรับไว้ ” แม้แต่เสด็จพ่อของเขายังต้องสุภาพกับท่านอ๋องชิงผิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาที่เป็นแค่องค์ชายคนหนึ่ง ดังนั้นเป่ยจื่อหัวจึงต้องทำความเคารพหันยี่ฉี 
已经是最新一章了
加载中