ตอนที่ 59 เกิดความวุ่นวายที่เทียนเวียงโหลว
1/
ตอนที่ 59 เกิดความวุ่นวายที่เทียนเวียงโหลว
พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 59 เกิดความวุ่นวายที่เทียนเวียงโหลว
ตนที่ 59 เกิดความวุ่นวายที่เทียนเวียงโหลว พูดถึง ก็ต้องขอบคุณคำเตือนของหันยี่ฉีอย่างมาก หลังจากที่จางยวี่โหร่วกลับไปก็ไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างระเอียดอีกครั้งหนึ่ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว หากปล่อยให้องค์ชายสองไปขอประทานการแต่งงานของเขากับหลินจืออย่างกะทันหัน เช่นนั้นถึงจะเป็นการทำให้ทั้งคู่ตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง ต้องการจัดการกับเฉินซูเสียน สิ่งที่ต้องจัดการก่อนอันดับแรกก็คือตำหนักเฉินกั๋วกงที่หนุนหลังเธออยู่ ไม่อย่างนั้นเรื่องก็จะยิ่งวุ่นวายมากขึ้น แต่ตำหนักเฉินกั๋วกงก็มีสมาชิกพรรคจำนวนไม่น้อยในราชสำนักและมีตำแหน่งที่สำคัญ จะรับมืออย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน? ดูเหมือนว่าเธอจำเป็นต้องคิดหาสักวิธี สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกปลื้มในในตอนนี้ก็คือคู่ขององค์ชายสองกับหลินจือ นับว่าสำเร็จแล้ว สำหรับหลินจือ เธอรู้สึกติดค้างในใจมาตลอด ตอนแรกเธอเองที่ดึงหลินจือเข้ามาในเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ สุดท้ายก็จบลงด้วยการสูญเสียชื่อเสียง ในตอนนี้หลินจือสามารถได้รับการปกป้องอย่างอ่อนโยนจากผู้ชายที่ดีอย่างท่านพี่จื่อหัว เธอก็รู้สึกวางใจ ในส่วนของท่าทายภายนอก พวกเขายังต้องรักษาระยะห่างชั่วคราวและหาเวลาที่เหมาะสมพูดเรื่องนี้ออกไป มีความช่วยเหลือองค์ชายสองมาช่วยแสดงละคร เรื่องราวก็ง่ายขึ้นมากในทันที พวกเขาจงใจปล่อยข่าวเรื่องที่เธอไม่ได้รับความรักจากองค์ชายสองอย่างโง่เขลาเพื่อปกป้องหลินจือ จ้าวซินซินก็รู้เรื่องนี้ในไม่ช้าและเผยรอยยิ้มแห่งความสำเร็จออกมาบนใบหน้า ได้ยินมาว่า หลินจือมาตำหนักไท่ซือหลายครั้งก็ถูกจางยวี่โหร่วปฏิเสธ ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอพูดกับจางยวี่โหร่วในนั้นวันจะได้ผล ไม่เพียงแต่เธอเริ่มเกลียดชังหลินจือและยังแยกโชคชะตาของเธอกับองค์ชายสองออกจากกัน ตอนนี้ด้านนอกกำลังแพร่กระจายข่าว เรื่องที่หลินจือยั่วยวนองค์ชายสองไม่สำเร็จและยังทำให้คุณหนูคนโตของตระกุลจางไม่พอใจ คำซุบซิบนินทามากมายก็ถาโถมเข้ามาหาเธอ เดิมทีแล้วจางยวี่โหร่วไม่อยากให้หลินจือได้รับความไม่เป็นธรรมอะรไรอีก แต่หลินจือยืนหยัดว่าจะทำเช่นนี้ ไม่ว่าจะเพื่อจางยวี่โหร่วหรือเพื่ออนาคตของเธอกับองค์ชายสอง เธอยินดียอมรับความไม่เป็นทำทุกอย่าง เมื่อถึงเดือนห้า อากาศเริ่มร้อนขึ้นมา ก่อนหน้านั้นเวลาที่เดินทางไปต่างจังหวัดอาจจะต้องสวมใส่เสื้อคลุมหนา แต่ว่าตอนนี้กลับสามารถถอนเอนั้นออกได้ การแต่งกายก็เปลี่ยนเป็นรูปแบบที่บางและโปร่งใส วันนี้จางยวี่โหร่วสวมใส่ชุดสีแดง ด้วยการเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆของเธอและเผยให้เห็นถึงต้นแขนขาวราวกับหิมะ ภายใต้ฝีมือของเสี่ยวเฟิง ผมที่พลิ้วไหวราวกับน้ำตกของเธอถูกมวยขึ้นอย่างเรียบง่ายอย่างละเอียดงดงาม ไร้ไรผมใดใด ยิ่งทำให้ใบหน้าดูงดงามมากยิ่งขึ้น สีแดงนั้นขับให้ผิวพรรณเด่นและก็ทำให้ใบหน้ามีเสน่ห์มากที่สุด เดิมทีจางยวี่โหร่วก็สวยอยู่แล้ว ตอนนี้เธอยิ่งแต่งตัวตัวเองด้วยหัวใจ ทุกครั้งที่เจอเธอก็จะรู้สึกว่าเธอสวยขึ้นยิ่งกว่าแต่ก่อนอีก และน่าทึ่งมากขึ้นทุกครั้ง นี่คือความคิดในใจของจ้าวซินซิน ไม่ใช่ใครอื่น “ ท่านพี่ เหตุใดไม่กี่วันมานี้ถึงไม่เห็นคุณหนูหลินเลย? ก่อนหน้านั้นข้าได้ยินมาว่า เธอไม่ได้รับความโปรดปรานจากองค์ชายสองและไม่ได้ไปที่สมาคมกวีมาหลายวันแล้ว” จ้าวซินซินกำลังสืบหาข่าวอีกอย่างชัดเจน เธอจงใจซักถามอย่างทั้งที่รู้อยู่แล้วอย่างเห็นได้ชัด และก่อนหน้านั้นเธอยุยงต่อหน้าจางยวี่โหร่วมาตลอดไม่ใช่หรือว่าหลินจือไม่ใช่คนดี และยังต้องการให้เธอจัดการหลินจืออีก? จางยวี่โหร่วแกล้งทำสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงหงุดหงิดมากขึ้น “ ดีดีอยู่แล้ว เจ้าพูดถึงนางขึ้นมาทำไม? และยังไม่รังเกียจความโชคร้ายอีก วันนี้เจ้านัดข้าออกมาเที่ยวเล่นไม่ใช่รึ? เช่นนั้นพวกเราก็เที่ยวเล่นให้สนุก ไม่ต้องไปคิดถึงคนหรือเรื่องที่ไม่สำคัญอะไรเหล่านั้น ” เมื่อจ้าวซินซินเห็นว่า ตอนนี้จางยวี่โหร่วไม่ชอบหลินจืออย่างมาก ถึงขนาดแม้แต่พูดยังไม่อยากจะพูดถึง ใบหน้าของเธอก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายที่แผนการสำเร็จออกมา ดูเหมือนว่าเธอจะเกลียดชังหลินจือโดยสิ้นเชิง ช่างดีจริงๆ แน่นอนว่าก็คือได้ระบายความโกรธแทนองค์ชายสามแล้ว เมื่อวานเธอยังได้รับคำชมเชยจาดองค์ชายสาม บอกว่าเธอจัดการเรื่องได้ดีมากและยังให้รางวัลกับเธอมากมาย เห็นได้ชัดว่าเขามุ่งเน้นเรื่องนี้ “ นั่นสิ วันนี้ข้าออกมาเดินเล่นผ่านคลายจิตใจเป็นเพื่อนท่านพี่ ห้องส่วนตัวที่เทียนเซียงโหลวแห่งนี้ องค์ชายสามตั้งใจเตรียมไว้ให้ท่านพี่เป็นพิเศษ ว่ากันว่าอาหารที่นี่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางและองค์ชายสามยังสั่งที่ท่านพี่ชอบทานมาเป็นพิเศษอีกด้วย เดิมทีแล้ววันนี้องค์ชายสามจะออกมากับท่านพี่ด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะเรียกองค์ชายเข้าวังด่วนเพื่อปรึกษาเรื่องสำคัญ ดังนั้นจึงทำได้แค่ให้ข้ามาเป็นเพื่อนท่านพี่ ท่านพี่อย่าโกรธเลยนะ ” จางยวี่โหร่วแสดงรอยยิ้มอย่างใจกว้างออกมา “ จะโกรธได้อย่างไรกัน เดิมทีแล้วลูกผู้ชายไม่ควรจะหลงใหลไปกับเรื่องความรักระหว่างชายหญิง ข้าจะโกรธเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ได้อย่างไรล่ะ ” ในขณะนั้น อาหารก็มาเสริฟพร้อมๆกัน ทุกๆจานเต็มไปด้วยสีสันและกลิ่มหอมที่ทำให้คนเตรียมพร้อมที่จะรับประทาน จางยวี่โหร่วเป็นคุณหนูผู้สูงส่งของตระกูลจาง ถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็ก อาหารเลิศรสจากทั่วทุกทีแบบไหนก็ไม่มีที่เธอเคยเห็นมาก่อน ต่อให้อาหารเหล่านี้จะทำมาอย่างดีแค่ไหน แต่สำหรับเธอก็เป็นเพียงแค่อาหารเท่านั้น แต่จ้าวซินซิน ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายทันที อาหารชั้นยอดเหล่านี้คงยากที่จะเห็นในบ้านของผู้พิพากษาเมืองเล็กๆคนหนึ่งอย่างแน่นอน “ ท่านพี่ดูสิ นี่คืออาหารที่องค์ชายสามสั่งให้ท่านด้วยตัวเอง ท่านพี่รีบทานดูสิค่ะ ” เมื่อเห็นว่าจางยวี่โหร่วไม่ได้ขยับตะเกียบ ต่อให้ในใจของจ้าวซินซินจะรีบร้อนมากแค่ไหนก็ทำได้เพียงแค่อดทน แต่สายตากลับไม่ได้ละไปจากอาหารเหล่านั้นเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้ว่าอีกาจะแสร้งแสดงได้เหมือนจริงมาแค่ไหน ก็ไม่มีวันกลายเป็นหงส์ได้ ต่อให้ภายนอกจะแสร้งเฉลียวฉลาดและอ่อนโยนมากเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็สามารถมองออกได้ว่าเธอเป็นคนใจแคบมากแค่ไหน ไม่ควรค่าที่จะได้ขึ้นไปอยู่ที่ที่สง่างามและมีเกียรติเลยสักนิด จางยวี่โหร่วนั้นนับว่าอดกลั้นความอยากอาหารของเธอได้ จนในที่สุดก็คีบอาหารมาวางในถ้วยของตัวเอง ทางด้านจ้าวซินซินก็เริ่มเก็บกวาดอาหารที่อยู่ตรงหน้าทันที ฮึ น่าจะให้เป่ยจื่อห้าวมาเห็นความอยากอาหารของเธอในเวลานี้จริงๆ ไม่รู้ว่าในใจของจะรู้สึกอย่างไร ต้องขอบอกเลยว่า อาหารของที่นี่ทำได้ดีเลยที่เดียว ถึงแม้จะเทียบกับห้องอาหารในวังไม่ได้ แต่ก็พอทานได้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่จ้าวซินซินจะตื่นเต้นจนท่าทางเป็นแบบนั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงเอะอะดังมาจากข้างนอก จางยวี่โหร่วค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ในที่สุดจ้าวซินซินก็เงยหน้าขึ้นมาจากอาหารรสเลิศ ปากเต็มไปด้วยน้ำมัน สถานการณ์ด้านนอกเสียงดังใหญ่โตอย่างเห็นได้ชัด ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเธอได้ ในขณะนั้น จู่ๆจางยวี่โหร่วก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยและประชดประชันมาจากเสียงเอะอะโวยวาย ‘ เสียงแตก ’ นั้น “ ยังไม่รับไสหัวไปอีก ข้าต้องการจะจอง ห้องส่วนตัวที่เทียนเซียงโหลวนี้ ” เจ้าของร้านห้ามปรามด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มใจอยู่ด้านนอกโรงเตี๊ยม “ คุณหนู ท่านอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ห้องส่วนตัวนี้ได้ถูกจองไว้นานแล้ว และมีแขกผู้มีเกียรติอยู่ด้านใน ” “แขกผู้มีเกียรติอะไร เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร บังอาจกล้าขวางทางข้า ท่านพ่อของข้านั้นเป็นเฉินกั๋วกง เจ้ายังไม่รีบไปเรียกคนที่อยู่ด้านในให้ไสหัวออกมาอีก ” ถ้าหากได้ยินเสียงนี้ต่อหน้าก็รู้สึกแค่ว่าคุ้นเคยแต่ก็ยังไม่สามารถเดาได้ว่าเธอคือใคร แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ จางยวี่โหร่วก็เข้าใจในทันที ท่าทางอวดดีและใช้อำนาจแบบนี้ นอกจากเฉินซูเสียนคุณหนูคนโตของตำหนักเฉินกั๋วกงแล้ว ยังจะเป็นใครได้อีก? ช่างเป็นการพบศัตรูบนถนนแคบเสียจริงเลย คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เธอจะกล้าก่อเรื่องด้านนอกห้องอาหารส่วนตัวของเธอ และยังกล้าสั่งให้เธอไสหัวออกมา ใครให้ใบหน้าใหญ่โตขนาดนี้แก่เธอกัน? ทำให้เจ้าของร้านลำบากใจซะแล้ว ถึงแม้ได้รู้ฐานะของเธอแล้วจะหวาดกลัวอย่างมาก แต่กลับยังคงไม่ลืมหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของตัวเอง “ ที่แท้เป็นคุณหนูเฉินนี่เอง ข้าน้อยช่างมีตาหามีแววไม่ เพียงแต่คุณหนูโปรดประทานอภัยด้วย คนที่อยู่ด้านในก็เป็นแขกผู้มีเกียรติเช่นกัน ในเมื่อได้จองห้องส่วนนี้ไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว เช่นนั้นข้าน้อยก็ไม่อาจให้แขกออกมาได้ ล่วงเกินมิได้จริงๆ ” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินซูเสียนก็ยิ่งไม่พอใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด รีบถลึงตาซักถามในทันที “ คนที่อยู่ข้างในเป็นแค่กันแน่? ข้าอยากจะรู้นักว่า รู้จักฐานะของข้าแล้วยังไม่รีบมุดหัวออกมาคำนับข้าอีก ใครกันถึงกล้าอวดดีเพียงนี้?” “ พวกนาง...เป็นแขกผู้มีเกียรติขององค์ชายสามขอรับ ” เจ้าของร้านจึงทำได้เพียงพูดเรื่องนี้ออกมาอย่างจนปัญญา เขารู้เพียงแค่ว่า องค์ชายสามส่งคนมาจองห้องส่วนตัวนี้ และก็เป็นห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดของเทียนเซียงโหลว ส่วนเรื่องฐานะของแม่นางสองคนนั้น เขาก็ไม่แน่ใจ เพียงแต่เห็นแก่หน้าตาขององค์ชายสาม เขาก็ไม่กล้าล่วงเกินให้ไม่พอใจ “ อะไรนะ องค์ชายสาม? ” เฉินซูเสียนสีหน้าเปลี่ยนไป บนใบหน้ามีประกายแห่งความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด “ องค์ชายสามอยู่ด้านในไหม? ” เธอด่าทออยู่ตั้งนาน ทั้งสั่งให้ไสหัวออกมา ทั้งพูดจาอวดดี หากอีกสักพักองค์ชายสามออกมาจริงๆ ถึงตอนนั้นเธอจะจบลงอย่างไร? “ เปล่าขอรับ องค์ชายสามนั้นไม่ได้มา คนที่อยู่ด้านในคือหญิงสาวสองคน ได้โปรดคุณหนูอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยจะเลือกอีกห้องที่ดีที่สุดให้ท่านและคอยปรนนิบัติเป็นอย่างดีแน่นอน ” คิดไม่ถึงเลยว่า คำพูดนี้จะทำให้เฉินซูเสียนที่เริ่มจะถ่อมตัวลงเล็กน้อยเย่อหยิ่งขึ้นมาใหม่ในทันที ทำให้เธอตกใจกลัวจริงๆ ที่แท้องค์ชายสามก็ไม่อยู่นี่เอง! ตราบใดทีตัวเขาไม่อยู่ เธอก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว เพียงแค่องค์ชายที่ไม่ได้อำนาจและไม่ได้รับความโปรดปรานคนหนึ่ง เธอไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาเลยสักนิด แต่หากทำให้เขาเสียหน้าในฐานะองค์ชายต่อหน้าของเขา แน่นอนว่าไม่อาจล่วงเกินได้ แต่หากเขาไม่อยู่ ต่อให้เธอจะทำเรื่องอะไรแล้วจะเป็นอะไรล่ะ? ท่านพ่อของเธอนั้นคือเฉินกั๋วกง องค์ชายที่ไม่ได้รับความโปรดปรานอย่างเขากล้าล่วงเกินพวกเขาตระกูลเฉินงั้นเหรอ? เฉินซูเสียนเดินตรงไปข้างหน้า เท้าข้างหนึ่งถีบประตูห้องส่วนตัวเปิดออก แม้แต่เจ้าของร้านที่คอยห้ามปราบอยู่ตลอดก็ถูกเธอผลักออกไปด้านข้าง คุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูตามใจอย่างเธอ กลับกล้าหาญเช่นนี้ มันทำให้คนอดทนดูต่อไม่ไหวจริงๆ หลังจากที่รอจนเฉินซูเสียนบุกเข้าไป ก็เห็นผู้หญิงในชุดสีแดงที่มีชาติตระกูลสูงส่งและใบหน้างดงามยืนอยู่ตรงนั้น สายตามองมาที่เธออย่างเยือกเย็น “ เป็นท่านเอง! ” เฉินซูเสียนชะงักทันที ตามด้วยเสียงร้องอุทานออกมา สายตามองปราดไปยังจ้าวซินซินที่อยู่ข้างๆเธออีกครั้ง ดวงตาก็มีประกายแห่งความโกรธและความรังเกียจมากยิ่งขึ้น เป็นพวกเธอเอง? เมื่อนึกถึงในงานเฉลิมฉลองพระราชวังวันนั้น จางยวี่โหร่วทำให้เธออับอายขายหน้าและยังทำให้องค์ชายสองถูกใจยัยจิ้งจอกหลินจือนั้นอีก เธอก็โกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัวอย่างอดไม่ได้ แทบอยากจะพุ่งเข้ามาคว้าใบหน้าของเธอไว้ “ ข้าก็คิดว่าใครที่ตะโกนเสียงดังโวยวายอยู่ด้านนอก ที่แท้ก็เป็นคุณหนูเฉินนี่เอง ท่านเฉินกั๋วกงไม่ได้สั่งสอนเจ้าว่าอะไรเรียกว่าการมีมายาทงั้นรึ? บังอาจกล้าบุกเข้ามาที่ของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ไร้เหตุผลและไม่เจียมตัวเช่นนี้ หากท่านเฉินกั๋วกงรู้ว่าลูกสาวของตัวเองทำตัวเช่นนี้ เกรงว่าวันหลังออกไปข้างนอกคงไม่มีหน้าไปเจอใครได้อีก” จางยวี่โหร่วมองเธอและพูดอย่างเย็นชา
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 59 เกิดความวุ่นวายที่เทียนเวียงโหลว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A