ตอนที่ 60 จางยวี่โหร่วถูกทำให้ขายหน้า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 60 จางยวี่โหร่วถูกทำให้ขายหน้า
ต๭นที่ 60 จางยวี่โหร่วถูกทำให้ขายหน้า เฉินซูเสียนสามารถทนให้คนอื่นทำให้อับอายขายหน้าได้ที่ไหนกัน โดยเฉพาะคนคนนั้นยังเป็นจางยวี่โหร่ว ศัตรูคู่แค้นของเธอ เธอถูกกดอยู่ภายใต้รัศมีของเธอมาตลอด ตั้งแต่เล็กจนโต เธอเป็นถึงคุณหนูคนโตของตำหนักเฉินกั๋วกง แต่น่าเสียดายที่แม้ว่าภูมิหลังตระกูลของเธอจะดีมากเพียงใดก็เทียบกับตระกูลจางไม่ได้ ถึงขนาดการวางตัวภายนอกของท่านพ่อเธอก็ต้องยอมก้มหัวโค้งคำนับและเคารพนับถือจางไท่ซือ เฉินซูเสียนมีนิสัยหยิ่งยโสตั้งแต่ไหนแต่ไรมา และมองว่าจางยวี่โหร่วป็นศัตรูตัวฉกาจในใจมาโดยตลอด ต่อมามีเรื่องของหลินจือเข้ามาอีก ในใจของเธอโกรธจนจรเป็นบ้า และอยากจะหาโอกาสสั่งสอนจางยวี่โหร่วสักหน่อย ระบายความโกรธนี้ออกมา วันนี้ นับว่าเธอเจอโอกาสนั้นแล้ว “ เฮอะ...ข้าเป็นใคร ต่อให้จะไม่มีมารยาทสักแค่ไหน ก็เทียบกับบางคนที่เสแสร้งแสดงภาพลักษณ์ที่สวยสะอาดบริสุทธิ์ แต่ในความจริงกลับจิตใจโลเล เทียบกับโสเภณีที่ช่องนางโลมคนที่ไร้ยางอายแล้วยังมีเกียรติมากกว่าอีก หรือว่าความสามารถพลิกแพลงเก่งของท่าน ก็เป็นสิ่งที่ท่านปู่จางไท่ซือสอนท่านมา? ถ้าหากเป็นเช่นนั้น จางไท่ซือก็คงแก่เกินกว่าจะเคารพแล้วล่ะ ” นี่คือการทะเลาะกันระหว่างผู้หญิงสองคนที่ไหนกัน มันเป็นการต่อสู้ระหว่างสองตระกูลเท่านั้น จนไปถึงการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในราชสำนัก บุคคลธรรมดาเหล่านั้นที่อยู่ในที่เกิดเหตุได้ยินจนตัวสั่นเทา ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ไม่ไหวแล้ว มันน่ากลัวเกินไปแล้ว พวกเขาอยากจะแปลงตัวเป็นมนุษย์ล่องหนและทำเหมือนว่กับว่าตัวเองเป็นคนหูหนวกไม่ได้ยินอะไรเลย จางยวี่โหร่วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาปะทุไปด้วยความเย็นชาออกมา ท่าทางแบบนั้นของเธอ เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามและความสง่างามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดูน่าหวาดกลัวอย่างมาก ทำให้เฉินซูเสียนตกใจกลัวตัวแข็งทื่อ จนแม้แต่เธอเดินมาถึงตรงหน้าตอนไหนก็ไม่รู้สึกตัวเลย จนกระทั่งเสียงดังอันไพเราะและชัดเจนอย่างมากดังมา และยิ่งชัดเจนมากขึ้นท่านกลางบรรยากาศที่เงียบสงัดอย่างเด่นชัด ในวินาทีต่อมา เฉินซูเสียนก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างแสบร้อนบนในหน้า ฝ่ามือนี้ ถือว่าเป็นการเตือนสติเธออย่างสมบูรณ์ เธอถูกตบภายใต้สายตาการจ้องมองของทุกคน นี่เป็นความอัปยศจริงๆ เฉินซูเสียนแทบจะระเบิดความโกรธออกมา “ ตายซะ บังอาจกล้ามาตบข้า!” ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นถึงคุณหนูคนโตของตำหนักเฉินกั๋วกง เธอกลับกล้าอวดดีเช่นนี้ “ ตบเจ้าแล้วทำไมล่ะ หากเจ้ายังกล้าพูดเหลวไหลอีก ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” เมื่อครู่นี้จางยวี่โหร่วมีความคิดที่จะฆ่าเธอจริงๆ ท่านปู่ของเธอ และทั้งตระกูลจางของเธอ ล้วนเป็นความภาคภูมิใจของเธอ ทุกคนล้วนเป็นคนในครอบครัวของเธอ เป็นความเคารพและศรัทธาในใจของเธอ จะยอมให้เธอมาทำให้อับอายอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน เมื่อนึกถึงการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดมาใส่ร้ายว่าตระกูลจางทุจริตและรับสินบนนั้นคือตำหนักเฉินกั๋วกงในชาติที่แล้ว ความเกลียดชังในใจของจางยวี่โหร่วก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาในทันทีและไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป จนแม้แต่จ้าวซินซินที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจกับแรงกระตุ้นของจางยวี่โหร่วในตอนนี้ จนตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัว เธอไม่เห็นเคยท่าทางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนน่าหวาดกลัวเช่นนี้ของจางยวี่โหร่วเลย สายตาที่จ้องมองเฉินซูเสียนก็ราวกับว่าต้องการจะกินเธอ เฉินซูเสียนก็ยิ่งระเบิดความโกรธมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะพูดคำที่ไม่น่าฟัง จางยวี่โหร่วก็เพิ่งจะตบกลับมาไม่ใช่หรือ แล้วมีสิทธิอะไรมาโกรธมากกว่าเธออีก ความโกรธแค้นนี้หากเธอไม่ได้เอาคืน หลังจากนี้เธอก็จะไม่มีหน้าไปเจอใครอีกแล้ว “ จางยวี่โหร่ว วันนี้ข้าจะจัดการเจ้า!” เฉินซูเสียนก็พุ่งเข้ามาโดยไม่พูดอะไร ฉีกเส้นผมและเสื้อผ้าของจางยวี่โหร่วอย่างสุดชีวิต และยังต้องการพยายามจะใช้เล็บกรีดที่ใบหน้าของเธอ แต่จางยวี่โหร่วที่ดูละเอียดอ่อน กลับมีแรงกำลังมากกว่า เธอผลักเฉินซูเสียนไปด้านข้างอย่างรุนแรงและล้มลงกับพื้นทันที ลักษณะท่าทางเสื้อผ้าที่ขาดหลุดลุ่ยและผมกระเซอะกระเซิง ดูจนตรอกมากอย่างเห็นได้ชัด “ พวกเจ้ารีบจับตัวเธอไว้ วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนเธอให้ได้ ” เฉินซูเสียนเอาชนะไม่ได้ แน่นอนว่าก็ต้องเรียกคนที่อยู่ข้างๆมาช่วย ด้านหลังเธอมีสาวใช้อยู่สองสามคน แต่พวกเธอมีความกล้านั้นที่ไหนกัน จางยวี่โหร่วเป็นถึงคุณหนูคนโตของตระกูลจาง หากถูกทุบตีจนได้รับบาดเจ็บแล้ว ชีวิตของพวกเธอสองสามชีวิตก็ชดใช้ไม่พอ “ ยังจะยืนงงอะไรกันอีก พวกเจ้าบังอาจกล้าขัดคำสั่งของข้างั้นเหรอ ไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่ไหม? ” นี่...ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เฉินซูเสียนถึงจะเป็นเจ้านายของพวกเธอ หากไม่ฟังคำสั่งเกรงว่าการลงโทษของพวกเธอจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น...จึงทำได้เพียงบังคับตัวเองเท่านั้น “ พวกเจ้าจะทำอะไร อย่ามาหยาบคายกับคุณหนูของข้านะ ” เสี่ยวเฟิงเห็นเช่นนั้นก็รีบมาขวางด้านหน้าของจางยวี่โหร่วทันที คนของฝ่ายตรงข้ามมีแรงมากกว่า เธอจะต้องปกป้องคุณหนูของตัวเองให้ได้ และจะไม่มีวันปล่อยให้เธอได้รับความเจ็บปวดใดใด แต่ไม่นานเธอก็ถูกคนผลักออกไปด้านข้าง เฉินซูเสียนทำตัวโอ้อวด เดินนำสาวใช้ห้าหกคนราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ และด้านข้างจางยวี่โหร่วมีเพียงแค่เสี่ยงเฟิงคนเดียว ในส่วนจ้าวซินซิน ก็ตกใจกลัวจนหน้าซีดอยู่ข้างๆไปตั้งนานแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรสักนิดเดียว ไม่สามารถหวังอะไรจากเธอได้เลย แม้ว่าจางยวี่โหร่วจะเอาชนะเฉินซูเสียนคนเดียวได้ แต่จะสามารถเอาชนะคนมากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน สำหรับสาวใช้เหล่านั้น ก็ไม่กล้าลงมือกับจางยวี่โหร่วจริงๆ อย่างมากก็แค่จับตัวจางยวี่โหร่วตามที่เธอสั่ง ทำได้เธอต่อต้านไม่ได้เท่านั้น เมื่อเฉินซูเสียนเห็นว่าตัวเองควบคุมสถานการณ์ไว้แล้ว ก็ลำพองใจขึ้นมาอย่างมากในทันที “ จางยวี่โหร่ว หากเจ้ายังไม่ตกอยู่ในกำมือของข้าอีก วันนี้ข้าก็จะให้เจ้าได้ลิ้มรสความร้ายกาจของข้า! ” เธอตบเข้าไปที่ใบหน้าของจางยวี่โหร่วอย่างรุนแรง จนหน้าของเธอหันไปอีกข้างหนึ่ง ถึงขนาดมีรอยเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเธอ จางยวี่โหร่วยังคงจ้องมองเธออย่างเอาเป็นเอาตาย มองดูสายตาของเธอจนแทบจะพ่นไฟออกมา และอยากที่จะจ้องมองจนตัวของเธอพรุน “ เพี๊ยะ! ” การตบหน้าอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง เฉินซูเสียนใช้แรงที่มีทั้งหมดในร่างกายของเธอ แม้แต่มือที่ตบก็ชาเล็กน้อย แต่ในใจของเธอกลับมีความสุขของการแก้แค้นมากยิ่งขึ้น “ เจ้ากับหลินจือล้วนเป็นผู้หญิงชั่วช้า บังอาจกล้ามาดึงดูดความสนใจจากองค์ชายสอง ไม่ดูว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไรกัน แน่ ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ ตำแหน่งพระชายาสองนั้นเป็นของข้า ยัยผู้หญิงชั่วช้าหลืนจือคนนั้นไม่คู่ควรเลยสักนิด ” จางยวี่โหร่วเห็นท่าทางเธอแบบนี้ ก็ยิ้มเยาะเย้ยขึ้น “ เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดองค์ชายสองถึงไม่ชอบเจ้า? ดูสารรูปของเจ้าในตอนนี้สิ ดื้อด้านไร้เหตุผล ชอบตีโพยตีพาย เป็นผู้หญิงที่ปากคอเราะร้ายอย่างเห็นได้ชัด ในตอนนี้เจ้ามีลักษณะท่าทางของคุณหนูผู้สูงส่งซะที่ไหนกัน หากข้าเป็นองค์ชายสอง ก็ไม่มีวันจะมองเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าหลินจือมากสักแค่ไหน เจ้าไม่มีมีความรู้ความสามารถเท่าเธอ ไม่มีความอ่อนโยนอ่อนหวานเท่าเธอ เจ้าไม่มีอะไรเทียบกับเธอได้เลยสักนิด” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฉินซูเสียนก็ยิ่งโกรธมากยิ่งขึ้น เธอแพ้ให้กับจางยวี่โหร่วนั้นไม่เท่าไหร่ แม้แต่หลินจือที่ฐานะต่ำต้อยเช่นนั้นก็กล้าขึ้นมาอยู่บนหัวของเธอ วันนี้เธอจะจัดการกัยจางยวี่โหร่วก่อน แล้วค่อยไปจัดการกับหลินจือ ให้พวกเธอรู้ถึงค่าตอบแทบของการยั่วยุเธอ เธอโกรธจะขาด ไม่ว่าผลของการกระทำจะเป็นเช่นไร ก็ยังตบหน้าอย่างรุนแรงอีกสองครั้ง ในตอนนี้แก้มของจางยวี่โหร่วบวมขึ้นมาแล้วและเต็มไปด้วยรอยเลือดและรอยประทับที่เกิดจากเล็บ ใบหน้าที่สวยงามมากในตอนนี้กลับถูกทำลายจนกลายเป็นแบบนี้ ช่างน่าเสียดายอย่างยิ่ง สาวใช้ที่อยู่ข้างๆล้วนตกใจกลัว หากก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นจบลงไม่ดีจะทำอย่างไร? และถึงอย่างไรคนนี้นี้ ก็เป็นคุณหนูคนโตของตระกูลจาง หากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆสุดท้ายคนที่โชคร้ายที่สุดก็คือคนรับใช้อย่างพวกเธอ เสี่ยวเฟิงถูกคนกดอยู่ด้านข้างตลอดเวลา ต่อสู้ดิ้นรนจนสุดชีวิตก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้ มองดูจางยวี่โหร่วถูกตบจนเธอโกรธจนตาแดงกล่ำ “ คุณหนูจ้าวค่ะ ท่านจะยืนงงทำอะไร ยังไม่รีบเข้ามาช่วยอีกเจ้าคะ ” จ้าวซินซินพยายามลดความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้ลง ตอนนี้ถูกเรียกชื่อแล้ว เธอจึงทำได้เพียงบังคับตัวเองให้เดินออกมาเท่านั้น “ คุณหนูเฉิน ท่านอย่ามามากเกินไป หากท่านพี่ยวี่โหร่วเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าท่านก็ไม่มีอะไรดีพอจะไปชี้แจ้งกับตระกูลจางได้ ท่านไม่กลัวว่าหลังจากกลับไปท่านพ่อของท่านจะลงโทษท่านหรือไง? ” เฉินซูเสียนมองเธออย่างไม่แยแส ในเมื่อแม้แต่จางยวี่โหร่วเธอก็กล้าลงมือแล้ว แค่จ้าวซินซินคนเดียวยิ่งไม่อยู่ในสายตา “ เจ้านั้นเป็นอะไร ยังจะกล้าวิ่งมาตะโกนโวยวายต่อหน้าข้าอีก เจ้ามันเป็นแค่สุนัขข้างกายจางยวี่โหร่วตัวหนึ่งไม่ใช่รึไง? อ้อ ยังไม่นับว่าเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ข้าตบหน้านางมาตั้งนานแล้วเจ้าถึงจะรู้ว่าต้องออกมา เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรอยู่ล่ะ? ปกติจางยวี่โหร่วปฏิบัติต่อเจ้าอย่างใจกว้าง ตอนนี้เจ้ายังซื่อสัตย์ไม่เท่ากับสาวใช้คนหนึ่งของนางเลย” ไม่พูดไม่ได้เลยว่า ถึงแม้เฉินซูเสียนจะเย่อหยิ่งและอวดดี แต่เธอกลับกล้าพูดคำที่คนอื่นไม่กล้าพูดออกมาได้ และยังเป็นการพูดแทงใจดำแบบนั้นอีก ทำให้จ้าวซินซินโกรธจนหน้าแดงขึ้นมาในชั่วพริบตา แน่นอนว่า สำหรับการเสแสร้งของจ้าวซินซิน จางยวี่โหร่วก็รู้มานานแล้ว และไม่ได้ต้องการคำเตือนของเฉินซูเสียนเลย บัญชีในวันนี้ เธอจะจดจำไว้ในใจอย่างแน่นอน ทุกสิ่งที่เฉินซูเสียนทำกับเธอ เธอจะต้องทำให้เฉินซูเสียนชดใช้ในสิ่งที่ทำกับเธอให้ได้ “ จางยวี่โหร่ว เจ้าสูงส่งอยู่ด้านบนมาตลอดไม่ใช่เหรอ ดูตอนนี้สิทำได้เพียงแค่ปล่อยให้ข้าดูถูกเหยียดหยามอยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรือไง ตอนนี้องค์ชายสองก็สูญเสียความสนใจในหลินจือไปแล้ว พวกเจ้าสองคนเสียชื่อเสียงอย่างสิ้นเชิงไปตั้งนานแล้ว คิดว่ายังจะมีคนออกมาช่วยเจ้าตอนนี้ไหม? องค์ชายสามกับท่านอ๋องชิงผินล่ะ ตอนนี้พวกเขาอยู๋ที่ไหน? สำหรับน้องสาวที่ดีของเจ้า ข้าว่าตอนนี้นางคงทำได้แค่ดูแลตัวเองแล้วล่ะ ลูกสาวของผู้พิพากษาเมืองเล็กๆอย่างนางกล้ามาล่วงเกินข้างั้นรึ? มันก็จะอวดตัวมากเกินไปแล้ว!” เมื่อเห็นว่าวันนี้จางยวี่โหร่วจะถูกเฉินซูเสียนรังแกถึงที่สุดอยู่ที่นี่แล้ว ในเวลานี้ทันใดนั้นก็มีเสียงดังลั่นมาจากข้างนอก ตามด้วยประตูห้องที่ถูกสั่นจนแตกออกมาเป็นเชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน สาวใช้ที่เฝ้าประตูอยู่สองคนก็กระเด็นจนล้มลงกับพื้น และตามด้วยเสียงอันเยือกเย็นจนไปถึงกระดูกดังขึ้นมา “ ใครมันช่างมีความกล้า บังอาจมาตบพระชายาของข้า? ” ใครมา? เมื่อเฉินซูเสียนหันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นภาพเงาชุดสีขาวรูปร่างสูงยาวผอมเพรียว หน้ากากหมาป่าสีบรอนซ์ที่ดุร้ายบนใบหน้าราวกับผู้พิพากษาจากนรกอเวจี ทำให้เธอกลัวจนใจสั่น แน่นอน ในไม่ช้าเธอก็รู้ว่า ยังมีสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก เพราะว่าที่ตามมาด้วยยังมีเงาสีม่วงอีกเงาหนึ่ง ตอนที่เขาเข้ามาแล้วเห็นฉากฉากนี้ ในสายตาก็มีประกายความตกใจและไม่น่าเชื่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด จะเป็นองค์ชายสอง...ไปได้อย่างไร! อ๋องชิงผินกับองค์ชายสอง คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะปรากฏตัวออกมาที่นี่ในเวลาเดียวกัน! เมื่อเห็นอ๋องชิงผิน เธอก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวที่แพร่กระจายออกมาจากกระดูกของเธอ แววตาที่โกรธเดือดดาลและดุดันนั้นทำให้ขาทั้งสองข้างของเธอไร้เรี่ยวแรงลง และองค์ชายสองเป่ยจื่อหัว เธอก็ตื่นตระหนกอย่างมาก ต่อให้เธอจะดื้อด้านมากแค่ไหนก็ไม่มีวันจะเปิดเผยออกมาต่อหน้าของเขา แต่ตอนนี้กลับทำให้เขาเห็นอีกด้านของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว เธอทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว จนไม่รู้ว่าควรจะแสดงท่าทีโต้ตอบอย่างไร 
已经是最新一章了
加载中