ตอนที่63 คำพูดปากเปล่าไม่อาจเป็นจริง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่63 คำพูดปากเปล่าไม่อาจเป็นจริง
ต๭นที่63 คำพูดปากเปล่าไม่อาจเป็นจริง คนอย่างจ้าวซินซินนั้นเป็นพวกที่เต็มไปด้วยตรรกะผิดปกติ เป่ยจื่อห้าวยิ่งโมโหจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา “พอแล้ว ตอนนี้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าว่าเราควรทำอย่างไร? เดิมทีความสัมพันธ์ของนางกับอ๋องชิงผิงก็ไม่ชัดเจน ตอนนี้มันไม่ยิ่งเหมือนผลักตัวนางให้เข้าไปข้างกายหันยี่ฉีมากขึ้นอีกหรือ?” ให้ตายเถอะ ท่านแม่ยิ่งกำชับให้เขาจับจางอวี่โหร่วเอาไว้ให้มั่น และจะเสียกำลังสนับสนุนของตระกูลจางไปไม่ได้เด็ดขาด แต่ว่าตอนนี้เป่ยจื่อห้าวกลับรู้สึกว่า เรื่องราวกำลังหลุดออกไปจากการควบคุมของเขาแล้ว ที่ก่อนหน้านี้เขามั่นใจมากก็เพราะจางอวี่โหร่วจงรักภักดีต่อเขามาก เขารู้สึกว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะตามมาอยู่เคียงข้างเขา แม้เขาจะไล่เธอ เธอก็จะวิ่งเข้ามาหาราวกับสุนัขที่ซื่อสัตย์ แต่ในตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย รวมถึงท่าทีของเธอก็เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากเป่ยจื่อห้าวยังไม่รู้สึกถึง เขาก็คงจะโง่เขลามากจริงๆ เมื่อจ้าวซินซินถูกเขาว่ากล่าวออกมาแบบนั้น ในใจของเธอก็เกิดความไม่พอใจขึ้น ใครจะคิดว่าอยู่ๆ เฉินซูเสียนจะปรากฏตัวขึ้น และยังบุกเข้ามาอีก ก่อนหน้านี้เวลาออกไปข้างนอกกับจางอวี่โหร่วก็ไม่เคยพบเจอกับเรื่องแบบนี้ ครั้งนี้ก็พูดได้เพียงเพราะซวยเท่านั้น ในตอนนั้นเอง อยู่ๆ เป่ยจื่อห้าวก็นึกถึงคำถามที่สำคัญขึ้นมาได้ “อยู่ๆ อ๋องชิงผิงกับท่านพี่รองมาปรากฏตัวอยู่ที่นั่นได้อย่างไร?” ถ้าหากว่าพวกเขาทั้งสองคนปรากฏตัวแยกกันออกมา เขาก็คงไม่รู้สึกอะไร แต่ที่สำคัญก็คือ ตอนนั้นพวกเขาปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขานัดกันเอาไว้อยู่แล้วหรอกเหรอ? คนอย่างหันยี่ฉีนั้นรักสันโดษ เย็นชา เขาไม่ชอบสร้างความสัมพันธ์กับใคร สำหรับคนที่พยายามเข้าไปทำความรู้จักด้วย ที่ผ่านมาต่างก็ถูกโยนออกมาทั้งคนทั้งของ เมื่อผ่านไปนานเข้า ผู้คนก็เริ่มเข้าใจในนิสัยของเขาแล้ว เวลาที่ได้พบกับเขา ผู้คนก็ยังถูกท่าทางที่สง่าน่าเกรงขามของเขาทำเอาไม่กล้าแม้แต่หายใจ หรือแม้แต่อยากจะเข้าไปประจบสอพอก็ยังไม่มีความกล้า ดังนั้นการมีอยู่ของเขาในตำหนักจางนั้นจึงพิเศษกว่าปกติมาโดยตลอด ทั้งที่มีกำลังมหาศาลเช่นนี้ แต่กลับไม่เคยมีใครกล้าเข้าไปเกี่ยวข้องรบกวน แม้แต่เป่ยจื่อห้าวเองก็ยังไม่อาจกล้า ในตอนนี้ก็นับได้ว่าเขาฉีกขาดกับหันยี่ฉีโดยสมบูรณ์เพราะเรื่องของจางอวี่โหร่ว และไม่อาจจะเกี่ยวข้องต่อกันได้อีกแล้ว แต่ว่าเมื่อเห็นหันยี่ฉีใกล้ชิดกับองค์ชายรอง ในใจของเขาก็เกิดความประหลาดใจขึ้นมาเป็นอย่างมากทันที และไม่ทันได้นึกถึงปัญหาของจางอวี่โหร่วอีกแล้ว “เรื่องนี้.......ข้าเองก็ไม่ทราบ เมื่อพูดขึ้นมาแล้วก็น่าประหลาด ในตอนนั้นสถานการณ์วุ่นวายมาก หลังจากนั้นอยู่ๆ ท่านอ๋องชิงผิงกับองค์ชายรองก็ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นพวกเขาต่างก็มาจากด้านนอก ข้าไม่แน่ใจว่าพวกเขามาที่ร้านอาหารแห่งนี้ด้วยกัน หรือว่าเพียงแค่บังเอิญพบกันภายนอกจริงๆ จากนั้นก็ถูกความเคลื่อนไหวของทางด้านนี้ดึงดูดเข้ามา” ถ้าเป็นอย่างแรกก็ยังดี แต่หากเป็นอย่างที่สอง นั่นก็แย่แล้ว ใครต่างก็รู้ว่าอ๋องชิงผิงมีกำลังพลทหารในมือมากมาย อีกทั้งยังได้รับการไว้ใจจากฮ่องเต้ ถ้าหากท่านพี่รองมีการสนับสนุนของเขา มันก็ยิ่งเป็นดั่งการเติมปีกให้เสือ ตอนนี้เขาจะต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้กระจ่างให้ได้ ดูเหมือนว่า เขาจะต้องให้คนไปตรวจสอบให้แน่ชัดเสียแล้ว แต่ว่าเมื่อคิดถึงเรื่องในวันนี้แล้ว ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็รู้สึกประหลาดอยู่เสมอ จางอวี่โหร่วกับจ้าวซินซินอยู่ในห้องส่วนตัวดีๆ ทำไมเฉินซูเสียนถึงบุกเข้ามาได้ แม้ว่าพวกเธอจะเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้น แต่ว่าทำไมอีกทั้งสองคนถึงต่างบังเอิญปรากฏตัวอยู่ที่นั่นได้อีก? ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น? ไม่ว่าอย่างไรเป่ยจื่อห้าวก็รู้สึกว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น แต่ว่าเมื่อคิดไปถึงว่าตอนนี้จางอวี่โหร่วถูกทำร้ายจนเป็นเช่นนั้นแล้ว ถ้าหากพวกเขามีเป้าหมายอื่นจริง ก็ไม่น่าจะเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ จ้าวซินซินเห็นเธอถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหนักด้วยตาของตัวเอง ดังนั้นดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเป็นเพียงอุบัติเหตุจริงๆ เท่านั้น คิดเสียว่าดวงซวยจริงๆ ก็แล้วกัน ไม่ว่าอย่างไรเดิมทีเธอกับเฉินซูเสียนก็ไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ยิ่งเป็นดั่งน้ำกับไฟเพราะเรื่องขององค์ชายรองกับหลินจือ การที่จะทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่มีเหตุมีผล เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ค่อยๆ วางใจลง “อาการบาดเจ็บของจางอวี่โหร่วเป็นอย่างไร?” “เรื่องนี้......ข้าเองก็ไม่ทราบ หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ซินเอ๋อร์ไม่กล้าละเลยจึงมาแจ้งแก่องค์ชายสามในทันที ไม่เช่นนั้นตอนนี้พวกเราไปเยี่ยมนางที่ตำหนักไท่ชือดีหรือไม่” เรื่องนี้เธอไม่ต้องย้ำเตือนเขาก็รู้ดี เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพราะเขา เขานัดจางอวี่โหร่วออกมาถึงได้มีเรื่องขึ้น เขาจะต้องไปเยี่ยมเยียนขอโทษสำหรับเรื่องนี้ในทันที ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าคนในตระกูลจางจะมองเขาอย่างไร เขาลุกขึ้นทันที หลังจากนั้นก็พูดขึ้น : “เหตุใดจะยังนิ่งเฉยไม่รีบตามไปกับข้าอีก” ...... หลังจากที่เป่ยจื่อห้าวมาถึงบ้านตระกูลจาง เขาก็เผชิญกับการไม่ยินดีต้อนรับในทันที ติดที่เขามีฐานะเป็นองค์ชาย ดังนั้นจึงไม่อาจทำให้ไม่พอใจได้ ตระกูลจางจึงยังคงต้องรับรองอย่างเช่นเมื่อก่อน แต่ว่าในใจของพวกเขากลับอดที่จะว่ากล่าวเขาไม่ได้ วันนี้จางอวี่โหร่วถูกเขานัดออกไป แต่ผลสุดท้ายเขากลับวุ่นวายอยู่กับเรื่องของตนเอง และทิ้งโหร่วเอ๋อร์เอาไว้ที่หอเทียนเซียง หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น แล้วจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาได้อย่างไร? “ข้าขอขอบคุณในความห่วงใยขององค์ชายสาม เพียงแต่ตอนนี้โหร่วเอ๋อร์ยังคงสลบอยู่ หมอเองก็กำชับว่าต้องการการพักผ่อนรักษาตัวไม่ควรไปรบกวน ดังนั้นข้าขอเชิญองค์ชายสามกลับไปก่อนเถอะ” จางห้าวพูดแนะออกมาด้วยน้ำเสียงแสดงความเกรงใจ แม้แต่ภรรยาของตนเอง เขายังไม่อนุญาตให้เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงคนนอกอย่างเป่ยจื่อห้าวเลย “หากแต่ข้าเป็นห่วงโหร่วเอ๋อร์จริงๆ ถ้าไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนนางเสียหน่อย ในใจของข้าก็ไม่อาจจะสงบลงได้” ใบหน้าของเป่ย จื่อห้าวเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“และเรื่องนี้ก็ควรจะโทษข้า เป็นเพราะข้าดูแลนางไม่ดี ข้าอยากจะเข้าไปขอโทษโหร่วเอ๋อร์ด้วยตัวเอง อยากจะไปเอ่ยพูดขอโทษกับนางเสียหน่อย” “องค์ชายสาม ท่านว่าเกินไปแล้ว เรื่องนี้เป็นเพราะคุณหนูตระกูลเฉินกระทำเกินกว่าเหตุ กล้ากระทำต่อโหร่วเอ๋อร์เช่นนี้ ถ้าหากองค์ชายสามให้ความใส่ใจจริง พรุ่งนี้ข้าก็ขอเชิญท่านช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมแก่โหร่วเอ๋อร์ที่ตำหนักจาวด้วย” คำพูดอันสวยหรูมีใครบ้างไม่อาจพูด สู้ลงมือกระทำจริงเสียจะยังดีกว่า เฉินซูเสียนทำร้ายโหร่วเอ๋อร์ ถ้าหากว่าเขารักโหร่วเอ๋อร์อย่างที่เขาว่าจริง แน่นอนว่าคงไม่อาจทนดูเธอถูกกระทำอย่างนิ่งเฉยได้ ทางตำหนักเฉินกั๋วกงเองก็เป็นกำลังสำคัญของตำหนักจาง แม้จะไม่อาจเทียบตระกูลจางของพวกเขา แต่ก็ไม่อาจดูถูกได้ หากเป็นกำลังที่สามารถเชื่อมสัมพันธ์ด้วยได้ แน่นอนว่าเป่ยจื่อห้าวก็ไม่อาจจะปล่อยผ่าน แต่ว่าตำหนักเฉินกั๋วกงกลับไร้ชะตากับเขา ไม่มีอะไรที่องค์รัชทายาททำไม่ได้ องค์ชายรองเป็นผู้ถูกเลือกที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาองค์ชาย ไม่เพียงแต่มีความสามารถ แต่ยังมีต้นตระกูลสูงส่ง รวมกับความรักลุ่มหลงอันบ้าคลั่งที่เฉินซูเสียนมีต่อองค์ชายรอง ทำให้กำลังของตำหนักเฉินกั๋วกงในตำหนักจาวอยู่ฝั่งองค์ชายรองมาโดยตลอด รอเพียงให้ลูกสาวแต่งงานออกเรือนไป พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้สนับสนุนขององค์ชายรองอย่างสมบูรณ์แบบ เพียงแต่องค์ชายรองไม่ได้สนใจอะไรเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย และยังไม่เคยมีความตั้งใจจะสู่ขอแต่งงานกับเฉินซูเสียนด้วย มันจึงอดทำให้ผู้คนรู้สึกว่าการกระทำของเฉินกั๋วกงนั้นเป็นดั่งการยื่นเสนอน้ำใจให้ แต่อีกฝ่ายกลับเมินละเลยไป จนสถานการณ์ออกจะอึดอัดขึ้นมา เมื่อสักครู่จางห้าวได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับพ่อของเขาจางไท่ชือ และหันยี๋ฉีแล้ว พวกเขารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสในการพิสูจน์ตัวเป่ยจื่อห้าวที่ดี ไม่ใช่ว่าเขาเอาแต่พูดว่าชอบจางอวี่โหร่วหรอกหรือ? ถ้าเช่นนั้นเขายินดีที่จะทำให้ตำหนักเฉินกั๋วกงไม่พอใจเพื่อเธอหรือไม่? นี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้แสดงความจริงใจออกมา 
已经是最新一章了
加载中