ตอนที่65 การเผชิญหน้าที่ตำหนักจาว
1/
ตอนที่65 การเผชิญหน้าที่ตำหนักจาว
พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่65 การเผชิญหน้าที่ตำหนักจาว
ตนที่65 การเผชิญหน้าที่ตำหนักจาว ร่างกายของจางอวี่โหร่วมักจะถูกดูแลประคบประหงมเอาไว้เป็นอย่างดี ดูเหมือนว่าครั้งนี้เธอจะได้รับบาดเจ็บหนักจริงๆ ดังนั้นแม้จะผ่านเลยมาถึงวันที่สองแล้ว เธอก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ว่าเรื่องนี้กลับถูกเล่าลือออกไปถึงในเมืองหลวงแล้ว สถานที่ที่พวกเธออยู่ในตอนนั้นคือหอเทียนเซียงที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง ผู้คนที่ทานอาหารอยู่ภายในนั้นส่วนมากก็เป็นพวกตระกูลผู้ดีทั้งหลาย ดังนั้นเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งลงไม้ลงมือของคุณหนูตระกูลจางและคุณหนูแห่งตำหนักเฉินกั๋วกงจึงถูกแพร่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว และก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น ทุกคนต่างก็ประหลาดใจ สุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะถูกจัดการลงอย่างไร เพราะกำลังของทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่อาจจะยั่วยุได้ง่ายๆ หลังจากที่จางอวี่โหร่วกลับไปเมื่อวาน ทางตำหนักเฉินกั๋วกงก็ไร้การเคลื่อนไหว เรื่องนี้วุ่นวายใหญ่โตถึงเพียงนี้ เฉินกั๋วกงจะไม่รับรู้ได้อย่างไร เพียงแต่เขาก็ยังคงไม่ได้มาเยี่ยมเยือนเพื่อเอ่ยกล่าวขอโทษแต่อย่างใด เดิมทีเหล่าคนตระกูลตางก็โมโหเพราะเรื่องนี้มากอยู่แล้ว ยิ่งเห็นท่าทีเช่นนี้ของพวกเขาก็ยิ่งโกรธเคืองขึ้นมา พวกเขาจึงตัดสินใจจะไปเรียกร้องความยุติธรรมต่อหน้าฮ่องเต้ให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้พวกเขามาทำให้โหร่วเอ๋อร์รู้สึกไม่ดีเด็ดขาด ดังนั้นในยามเช้าตรู่ จางไท่ชือและจางห้าวสองพ่อลูกจึงพากันแต่งตัวเต็มยศเข้าราชวัง แต่กลับไม่คิดเลยว่า ในยามที่พวกเขาเพิ่งจะมาถึงราชสำนักจินหลวนก็ได้พบว่าเฉินกั๋วกงเดินทางมาถึงก่อนแล้ว เขากำลังคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ที่ด้านข้างมีเปลหามถูกวางอยู่ด้วย และคนที่นอนอยู่ด้านบนก็คือเฉินซูเสียนนั่นเอง เพียงแต่ในตอนนี้ใบหน้าของเฉินซูเสียนซีดเผือกราวดับกระดาษ มองดูแล้วอ่อนแอยิ่งนัก ท่าทางจะไม่ดีเสียเท่าไหร่ เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็คาดเดาได้ไม่ยาก พวกเขามาช้าไปก้าวหนึ่ง และยังปล่อยให้คนอื่นมาแว้งกัดไปก่อนแล้วด้วย เมื่อฮ่องเต้เห็นพวกเขาก็อดที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยไม่ได้ : “เหตุใดขุนนางทั้งสองจึงมาแต่เช้าตรู่เพียงนี้ หรือว่าจะมีเรื่องอะไรเช่นกัน?” เฉินกั๋วกงมองไปยังพวกจางไท่ชือ ก่อนที่สายตาของเขาจะไม่เป็นมิตรขึ้นมา และร้องตะโกนเสียงดังขึ้นมาในทันที : “ขอฝ่าบาทช่วยมบความเป็นธรรมแก่ลูกสาวข้าด้วย” ฮ๋องเต้ไอออกมาหนักๆ หลายครั้ง เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาไม่อาจเปรียบได้ดั่งเมื่อก่อนอีกแล้ว ไม่เพียงแต่ต้องจัดการเรื่องราวในแคว้น แต่ยังต้องคอยจัดการปัญหาระหว่างเหล่าขุนนางด้วย เขาเริ่มที่จะทำไม่ได้ดั่งใจหวังแล้ว ยังไม่รอให้พวกเขาได้พูดอะไรออกมา ฮ่องเต้ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น “จางไท่ชือ ข้าได้ยินว่าเมื่อวานที่หอเทียนเซียงเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งระหว่างคุณหนูตำหนักเฉินกั๋วกงและหลานสาวของเจ้าจางอวี่โหร่ว และยังมีการลงมือกันอย่างรุนแรงอีกด้วย เป็นจริงหรือไม่?” อย่างที่ดูไว้ไม่ผิด เฉินกั๋วกงมาด้วยเรื่องนี้จริงๆ อีกทั้งยังบอกเล่าเอาเปรียบก่อนด้วย “มีเรื่องเช่นนี้จริง วันนี้ข้าเองก็ต้องการมาแจ้งเรื่องนี้แก่ฝ่าบาท ตอนนี้หลานสาวของข้าจางอวี่โหร่วยังคงสลบไม่ฟื้น ทั้งที่เป็นต้นเหตุของเรื่องแต่กลับไม่รู้จักแม้การไปเยี่ยมเยือนขอโทษ ช่างเอาเปรียบกันเกินไปแล้ว วันนี้ข้ามาก็เพราะอยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมแก่จางอวี่โหร่ว” เมื่อสักครู่ฮ่องเต้เพิ่งจะได้ยินคำว่าการของเฉินกั๋วกง ตอนนี้ก็มาได้ยินคำพูดของจางไท่ชืออีก เห็นได้ชัดว่าเขาเกิดความไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรขึ้นมา ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นขุนนางสำคัญ ก่อนที่จะตรวจสอบเรื่องนี้กระจ่างแล้ว เขาก็ไม่อาจจะตัดสินอะไรวู่วามได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นการทำลายความจงรักภักดีของขุนนางหรือ? “เฉินกั๋วกง ตามที่จางไท่ชือว่า ลูกสาวของท่านต่างหากจึงจะเป็นต้นเหตุของรื่อง ตอนนี้อวี่โหร่วถูกกระทำจนยังไม่ฟื้นขึ้นมา เรื่องนี้เจ้าจะว่าการอย่างไร?” ความตื่นตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินกั๋วงในทันที เขาเพิ่งจะแจ้งต่อฮ่องเต้ไปอย่างมั่นใจว่าลูกสาวของเขาได้รับบาดเจ็บเพราะทะเลาะเบาะแว้งกับจางอวี่โหร่ว ขอให้ฮ่องเต้เรียกร้องความเป็นธรรมให้ และตั้งใจจะใช้โอกาสเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ใครจะคิดว่าเขาเพิ่งพูดออกไปได้เพียง 2 ประโยค พวกจางไท่ชือก็ตามมาแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องดึงดันเรื่องนี้ต่อไปให้ได้ “แต่ลูกสาวของข้าก็บาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน ฝ่าบาทดูสิ เมื่อวานตอนที่กลับมาเสียนเอ๋อร์ของข้าได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว วันนี้ยามเช้าก็ยังลุกขึ้นมาไม่ไหว ลูกสาวของข้าเองก็น่าสงสารเช่นกัน” แม้จะเคยพบเห็นพวกคนกระทำหน้าด้าน แต่กลับไม่เคยพบเจอใครไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน เมื่อจางไท่ชือเห็นสถานการณ์เป็นดังนี้ เขาก็พูดออกมาเสียงดังด้วยความโมโหยากจะควบคุม : “พูดอะไรเลอะเทอะ เดิมทีอาการบาดเจ็บของลูกสาวเจ้าก็ไม่ใช่เพราะอวี่โหร่วกระทำ พวกเจ้ามีจำนวนคนมากมายเพียงนั้น ทำร้ายอวี่โหร่วจนเป็นถึงขนาดนั้น ตอนนี้ยังจะมาใส่ร้ายป้ายสีนาง เฉินกั๋วกง เจ้าอย่ากระทำเกินไปนักเลย” ไม่ว่าอย่างไร จางไท่ชือก็เป็นขุนนางเคียงจักรพรรดิ เขาคือขุนนางโดดเด่นที่ต่อตั้งแคว้นมากับฮ่องเต้ที่หนึ่ง เมื่อเขาโมโหขึ้นมาก็ทำให้คนรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ ในยามปกติเขาเป็นคนสบายๆ แต่เพราะเรื่องนี้เขากลับโมโหขึ้นมาจริงๆ แม้จะเป็นคนที่อารมณ์ดีมากแค่ไหน ถ้าหากถูกแตะต้องในบริเวณต้องห้ามเข้า ก็ไม่อาจจะอดกลั้นสินะ ดังนั้นจึงสามารถเห็นได้ว่า เขารักและเอ็นดูจางอวี่โหร่วมากเพียงใด และแน่นอนว่าเขาไม่อาจจะทนดูเธอถูกเอาเปรียบได้แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ความจริงเฉินกั๋วกงก็ไม่พอใจตระกูลจางอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าตระกูลจางมีกำลังอิทธิพลมาก ในใจของเขาก็เกิดความอิจฉาขึ้น แต่ว่าเบื้องหน้าเขาก็ยังคงต้องกระทำเป็นยกยออย่างช่วยไม่ได้ แต่ในมุมลับ เขาก็คอยหาโอกาสทำลายตระกูลจางมาตลอด เพราะเรื่องในครั้งนี้ เขาจึงตั้งใจจะทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ทำให้ฮ่องเต้คิดว่าตระกูลจางอาศัยอำนาจของฮ่องเต้เลี้ยงดูตามใจลูกหลานจนทำร้ายคนอื่นโดยไร้ความคิด แต่ว่าเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น เมื่อไม่ทันได้ระวัง มันก็อาจจะเข้าตัวเองได้ ยิ่งฮ่องเต้ได้ฟังมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสับสนมากขึ้นเท่านั้น “จางไท่ชือ ถ้าหากเป็นอย่างที่ท่านพูด แล้วลูกสาวของเฉินกั๋วกงได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร?” “เรื่องนี้.......” จางไท่ชือและจางห้าวต่างก็อดที่จะแสดงสีหน้าลังเลออกมาไม่ได้ เมื่อวานเสี่ยวเฟิงเล่าเรื่องราวให้พวกเขาฟังอย่างละเอียดแล้ว เพราะอะไรเฉินซูเสียนถึงได้รับบาดเจ็บนั้นพวกเขารู้อยู่เต็มอก แต่ว่าตอนนี้ พวกเขาจะเอ่ยพูดถึงคนอื่นขึ้นมาโดยหันหุนได้อย่างไร? เขาต้องการจะปกป้องโหร่วเอ๋อร์ถึงได้ลงมือ และเฉินซูเสียนก็สมควรถูกกระทำด้วย เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ว่าพวกเขาก็ไม่อยากจะลากเขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นก็จะไร้เกียรติจนเกินไป ในระหว่างที่พวกเขากำลังเลอยู่นั้น อยู่ๆเสียงเย็นเชียบหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากหน้าประตูใหญ่ของตำหนัก : “ข้าเอง!” หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นร่างสง่างามเกินกว่าผู้ใดปรากฏขึ้นมาที่ประตู ก่อนที่จะเดินเข้ามาอย่างช้าๆ อ๋องชิงผิง! ไม่ คนที่ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับเขายังมีองค์ชายรองด้วย เมื่อเฉินกั๋วกงเห็นพวกเขา เขาก็รู้สึกได้ว่าจะมีเรื่องใหญ่ที่ไม่ดีนักขึ้นมาทันที เพราะว่าเขารู้ดีว่า พวกเขาอยู่ในเหตุการณ์เมื่อวานด้วย และเขาก็รู้ชัดอยู่ว่าคนที่ทำร้ายลูกสาวของตนคือใคร เพียงแต่ตอนนี้เขาได้เดินหมากยั่วยุตระกูลจางไปแล้ว ถ้าหากแม้แต่หันยี่ฉีก็มารับผิดด้วย เขาก็ไม่อาจจะจินตนาการต่อไปได้แล้ว เขารู้ดีว่าเฉินซูเสียนถูกหันยี่ฉีทำร้าย แต่ก็ยังตั้งใจจะใส่ร้ายเรื่องนี้แก่ตระกูลจาง แต่หันยี่ฉีกลับไม่ได้ต้องการน้ำใจของพวกเขา “อ๋องชิงผิง? หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วย?” เมื่อฮ่องเต้เห็นหันยี่ฉีปรากฏตัวขึ้น เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันมากกว่าเดิมไม่ได้ เดิมทีเขาคิดว่าเรื่องนี้ซับซ้อนมากอยู่แล้ว แต่กลับไม่คิดเลยว่ามันจะหนักหนากว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีก ต้นเหตุของเรื่องราวนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นการขัดแย้งทางผลประโยชน์ของตระกูลขุนนางทั้งหลาย ฮ่องเต้ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะจัดการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไรแล้ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่65 การเผชิญหน้าที่ตำหนักจาว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A