ตอนที่72 ตีโพยตีพายโวยวาย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่72 ตีโพยตีพายโวยวาย
ต๭นที่72 ตีโพยตีพายโวยวาย ตำหนักเฉินกั๋วกง เวลานี้ ในตำหนักได้วุ่นวายกลายเป็นโจ๊กไปหมด คนรับใช้ทั้งหลายได้รีบวิ่งกันจ้าละหวั่นออกมาจากในเรือน สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน “รีบไปแจ้งนายท่านและคุณผู้หญิง คุณหนูจะแขวนคอฆ่าตัวเองตายแล้ว” ตำหนักเฉินกั๋วกงมีคุณหนูคนนี้เพียงคนเดียว ถูกเลี้ยงดูตามใจมาแต่เด็ก ประดุจหัวแก้วหัวแหวนในฝ่ามือ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนางจริง ๆ เกรงว่าชีวิตของพวกนางเหล่านี้ก็มิอาจปกป้องไว้ได้แล้ว เมื่อเฉินกั๋วกงและคุณผู้หญิงได้ยินเรื่องนี้ ต่างก็ได้แสดงสีหน้าตกใจออกมาทันที คุณผู้หญิงกั๋วกงร้องไห้ออกมาทันที เช็ดน้ำตาตลอดเวลา “ธิดาที่น่าสงสารของข้าอ่า ถ้ามีอันเป็นไป ข้าก็ไม่มีชีวิตอยู่ต่อแล้ว” เฉินกั๋วกงมองนางอย่างหงุดหงิดทันที “เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร ยังไม่รีบไปดู” “นี่ไม่ใช่เป็นเพราะท่านใช้การไม่ได้ ธิดาของเราได้รับความคับข้องใจอย่างใหญ่หลวงขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ก็ยังต้องแบกรับถูกด่าว่ากลายเป็นเป้าหัวเราะเยาะเย้ยของทั้งเมือง ท่านซึ่งมีสถานภาพเป็นกั๋วกงแท้ ๆ แม้แต่ธิดาของตนเองยังปกป้องไม่ได้” คุณผู้หญิงกั๋วกงทางหนึ่งร้องไห้ทางหนึ่งบ่นต่อว่าไปพลาง ตอนนี้เฉินกั๋วกงที่เดิมในใจก็กำลังหงุดหงิด เห็นลักษณะนางที่ร้องห่มร้องไห้เช่นนี้ ยิ่งโกรธมากเพลิงโกรธลุกโชน “ข้าก็ว่าตอนนี้เซียนเอ๋อร์ทำไมยิ่งมายิ่งเอาแต่ใจ ใจร้อนวู่วามมากขึ้น ที่แท้ล้วนเป็นตามนิสัยของเจ้า เจ้าคนที่เป็นแม่นี่ไม่รู้จักสั่งสอนให้ดี ช่างเป็นผู้ใหญ่ระดับบนประพฤติมิชอบ ผู้น้อยระดับล่างเลียนแบบในทางเสีย” คุณผู้หญิงกั๋วกงเห็นเขาพูดอย่างนี้ พลันก็ยิ่งตื่นเต้นแล้ว สาวใช้ที่แจ้งข่าวซึ่งอยู่ข้าง ๆ ในใจกำลังเป็นกังวลไม่ทราบทำอย่างไรจึงจะดี คุณหนูโวยวายจะฆ่าตัวตาย สองคนนี้กลับทะเลาะกันขึ้นมา นางรีบวิ่งขึ้นไปยับยั้ง “คุณผู้เฒ่า คุณผู้หญิง พวกท่านหยุดทะเลาะกันอีกได้แล้ว รีบไปดูคุณหนูเถอะค่ะ” ใช่ แน่นอน ธิดาเป็นสิ่งสำคัญกว่าในเวลาแบบนี้ พวกเขาทั้งสองรีบวิ่งออกไปโดยด่วนทันที ... เฉินซูเสียนอยู่ในห้องตอนนี้ บนขื่อแขวนผ้าสีขาวผืนหนึ่ง นางย้ายม้านั่งมาแล้วเหยียบก้าวไปข้างบน ทำท่าจะเอาศีรษะซุกเข้าไปข้างใน หญิงรับใช้ด้านล่างคุกเข่าลงกับพื้นทั้งหมด ยังมีอีกสองคนกอดขาของนางไว้ร้องไห้วิงวอนขอสุดชีวิต “คุณหนู ท่านอย่าคิดไม่ตกเด็ดขาดอ่า” “พวกเจ้าล้วนไสหัวออกไปให้ข้า ให้ข้าตาย องค์ชายสองพระองค์ท่านได้อภิเษกสมรสหลิงจือนังสารเลวคนนั้นเลวแล้ว ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปยังมีความหมายอะไร?” เวลานี้ ในที่สุดเฉินกั๋วกงและคุณผู้หญิงก็มาถึง ทันทีที่เห็นนางแบบนี้ พลันก็เป็นห่วงมาก “เซียนเอ๋อร์ นี่เจ้ากำลังทำอะไร ยังไม่รีบลงมา หยุดอาละวาดได้แล้ว” เฉินซูเสียนเห็นพวกเขามาแล้ว ยิ่งอาละวาดโวยวายรุนแรงมากขึ้นโดยพลัน “พวกเจ้าอย่าเข้ามา พวกเจ้าก้าวมาข้างหน้าอีกก้าว ข้าก็จะตายให้พวกเจ้าดู” คุณผู้หญิงกั๋วกงร้องไห้วิงวอนขอร้อง “เสียนเอ๋อร์ เจ้าอย่าทำให้แม่ตกใจอ่า ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป แม่ก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่แล้ว” เฉินกั๋วกงก็รีบพยักหน้าตามทันที ชีวิตคนสำคัญยิ่ง “มีอะไรพูดกันดี ๆ เจ้าลงมาก่อนดีไหม?” เฉินซูเสียนยิ่งแผดเสียงแหบแห้งจากในก้นบึง “ข้าไม่คิดจะมีชีวิตอยู่แล้ว พ่อท่านรู้ว่าข้าชอบองค์ชายสองตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เข้าไปในพระราชวังเห็นพระองค์ท่านครั้งแรก ข้าได้มองดูพระองค์ท่านเป็นพระสวามีของตนเองมาตลอด ถ้ามิอาจอภิเษกสมรสกับพระองค์ท่าน ข้าตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอดมิดีกว่าหรือ” เฉินกั๋วกงก็รู้ นางต้องเป็นเพราะเรื่องนี้อีกแน่นอน ไม่กี่วันก่อนนังหนูนี่ เพิ่งก่อเหตุภัยพิบัติใหญ่หลวงลวงโลกใต้เตียง เกือบจะลงจากเวทีตรงหน้าพระพักตร์ฮองเต้ไม่ได้ ถึงกับพัวพันพวกเขาตำหนักกั๋วกงทั้งแห่ง หลังจากกลับมาแล้ว เขาทั้งโกรธทั้งกลัว ไม่ได้มีเวลาไปจัดการเรื่องของนาง ก็กำลังคิดว่ารอไปอีกสองวันก่อนแล้วค่อยเจรจา ใครจะรู้ว่าตอนนี้นางเริ่มวุ่นวายอีกพยายามจะหาทางตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่ทำให้ผู้คนปวดศีรษะมากไปแล้วจริง ๆ “เสียนเอ๋อร์อ่า เจ้าก็อย่าวุ่นวายได้แล้ว ถ้าเป็นไปได้ ไหนเลยบิดาจะทนเห็นเจ้าเศร้าเสียใจมากขนาดนี้ได้หรือ แต่ตอนนี้ฮองเต้ทรงมีพระราชโองการแล้ว บิดาไหนเลยจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกเล่า” เฉินซูเสียนเริ่มก่อความวุ่นวายไม่ยอมอีก “หนูไม่สน หนูจะอภิเษกสมรสกับองค์ชายสอง ขอเพียงสามารถอยู่ข้างพระวรกายของพระองค์ท่าน แม้จะเป็นพระสนมรองคนหนึ่งเมียน้อยคนหนึ่ง หนูก็ยินดีเต็มใจยินยอม” ล้อเล่น ธิดาของเขาตำหนักกั๋วกงไยตกต่ำจนถึงกับต้องไปเป็นอนุให้ผู้อื่นได้อย่างไร เฉินกั๋วกงเองก็มิอาจตอบตกลงได้ “เด็กโง่ หรือเจ้ายังดูไม่ออกหรือ? ที่แท้องค์ชายสองเขาก็ไม่ได้รักเจ้า วันนั้นต่อหน้าฝ่าบาท เขาถึงกับยังช่วยจางยวี่โหร่วซ้ำเติมเจ้าอีก คิดจะฆ่าตระกูลเฉินของเราให้ตายอย่างสิ้นเชิง เจ้ารักเขามานานหลายปีแบบนั้น บิดาก็ได้แสดงคิดจะสวามิภักดิ์ซื่อสัตย์ต่อเขาหลายครั้ง เขาไม่รับน้ำใจก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้กลับยังทำร้ายเราขนาดนี้ ผู้ชายแบบนี้ ก็ไม่มีค่าพอที่เจ้าจะไปรักทั้งสิ้นอ่า” ตอนนี้เฉินกั๋วกงได้เกลียดชังตระกูลจาง อ๋องชิงผินและองค์ชายสองพวกเขาทั้งหมดลึกเข้าไปในกระดูก กลับเป็นองค์ชายสาม...คิดถึงองค์ชายสาม ดวงตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย ประกายตาสาดส่องมีความหมายอย่างอื่นที่ลึกซึ้งอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าเฉินซูเสียนเอาแต่ใจอันธพาล แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นคนโง่คนหนึ่ง วาจาเหล่านี้ที่เฉินกั๋วกงได้กล่าวนางไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่สามารถยอมรับได้อย่างยิ่งยวด แต่ความรู้สึกในจิตใจของนางหลายปีขนาดนั้นไยใช่ว่ากล่าวให้ปล่อยวางก็สามารถวางลงได้หรือ? ตอนนี้ผ่านการชี้แนะจากบิดาตื่นขึ้นมา หล่อนก็ได้เปลี่ยนจากรักเกิดเป็นความแค้นเคืองทันที หล่อนเกลียดชังคนเหล่านั้นที่ขวางทางหล่อน มิอาจให้หล่อนได้รับสมใจปรารถนา หล่อนต้องแก้แค้นแน่ ๆ ให้พวกเขาทุกคนต่างต้องชดใช้ด้วยราคาแพงออกมา ในเมื่อได้รู้ว่าสภาพการณ์ไม่สามารถย้อนกลับได้ ถ้างั้นตอนนี้ต่อให้คิดพยายามฆ่าตัวตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ในที่สุดเฉินซูเสียนก็ลงมาจากเก้าอี้เอง ได้เห็นสภาพการณ์นี้ ทุกคนต่างก็โล่งใจ เฉินกงกั๋วและคุณผู้หญิงรีบเดินมาข้างกายหล่อนทันที คิดว่าหล่อนคิดได้แล้ว รีบกล่าวอย่างปลอบใจว่า “เสียนเอ๋อร์ ก็รู้ว่าเจ้าได้เติบใหญ่แล้ว ต้องเข้าใจความสัมพันธ์ที่รุนแรงในเรื่องนี้ ไม่ทำเรื่องไร้สาระอีกแล้ว” เฉินซูเสียนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ท่านพ่อ เรื่องนี้ท่านไม่ควรที่จะรามือเพียงเท่านี้น่ะ เราได้รับความอับอายมากขนาดนี้ หรือว่าจากนี้ไปเรายังต้องอาศัยอยู่ภายใต้อำนาจลามกของตระกูลจางอย่างคับแค้นใจ ชั่วชีวิตต้องเอาหางจุกก้นไว้อยู่เงียบ ๆ ทำตัวอ่อนน้อมไว้หรือ?” เฉินกั๋วกงไม่สามารถยินยอมได้แน่นอน แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากถอนหายใจอย่างหนักหน่วงเท่านั้น “ตอนนี้เราต้องจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าก่อนเถอะ อย่าลืมว่าบิดาได้สัญญาว่ารอให้จางยวี่โหร่วตื่นขึ้นมาแล้วก็จะพาเจ้าไปที่ตำหนักของนางด้วยตนเองต่อหน้าพระพักตร์ฮองเต้ ถ้าหากไม่ทำตามวาจา ไยมิใช่ผิดโทษฐานหลอกลวงฮองเต้แล้วหรือ” เฉินซูเสียนจ้องตาเขม็งไปครา กัดฟันขบเคี้ยวกล่าวว่า “ให้ข้าไปขอโทษจางยวี่โหร่วนังสารเลว? เป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่นางยั่วขึ้นมาข้าจะตกต่ำถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ข้าแค้นจนแทบจะฆ่านางโดยตรงแล้วกินเนื้อของนางดื่มเลือดของนาง” “แต่ว่า...ถ้าพวกเราไม่ไปขอโทษ ไยมิใช่ยิ่งเป็นการสนองตามใจพวกเขามากขึ้นแล้วหรือ ตระกูลจางต้องขุดคุ้ยเรื่องนี้ไว้แน่นไม่ปล่อย ยุยงให้ฮองเต้ลงทัณฑ์เราทั้งตระกูล เมื่อถึงเวลาอย่าเอ่ยถึงการแก้แค้นแล้ว เราต่างยากจะปกป้องตัวเองได้ทั้งหมดแล้ว” ใช่อ่า หล่อนยังต้องการจะแก้แค้น หล่อนต้องการให้จางยวี่โหร่วนังสารเลวจ่ายด้วยราคาแพง ยังจะให้องค์ชายสองสำนึกเสียใจในการตัดสินใจของพระองค์เอง นิ้วมือของเฉินซูเสียนรวบไว้แน่นเข้าด้วยกัน เส้นเอ็นสีเขียวหลังมือปูนโปนออกมา ผ่านการดิ้นรนไปรอบหนึ่งแล้ว หล่อนได้แต่กล่าวว่า “ถ้างั้นก็ได้แต่อดทนก่อนช่วงเวลาสั้น ๆ คราหนึ่งแล้ว แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้นังสารเลวนั่นภูมิใจไปนานนักเด็ดขาด” เฉินกั๋วกงเห็นสภาพนี้รีบถอนหายใจคำโตออกมาทันที นี่หล่อนตกลงเห็นด้วยแล้ว? ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไรตอบตกลงก็ดี ให้ผ่านด่านเฉพาะหน้านี้ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีก สำหรับตระกูลจางด้านนั้น คราวนี้เสียเปรียบขนาดหนักเช่นนี้แล้ว แม้ว่าเฉินซูเสียนไม่ได้เอ่ยถึง เขาก็จะไม่เลิกราไปอย่างง่ายดาย ขอเพียงสามารถฉวยได้โอกาส เขาก็ไม่ปล่อยผ่านเด็ดขาด ... ยามดึกผู้คนเงียบสงัด รถม้าสองคันหยุดลงอย่างเงียบ ๆ ที่หน้าประตูของตำหนักองค์ชายสาม เมื่อผู้คนในนั้นลงมา ยังได้มองสังเกตไปรอบ ๆ อย่างไม่รู้ตัวหนึ่งตลบ พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น จึงเดินไปที่ประตู ผู้คนที่อยู่เบื้องหลังเขาได้โยกย้ายเอาสิ่งต่าง ๆ มากมายจากข้างในลงมา ดูลักษณะเหมือนเป็นของขวัญบางส่วน ตอนนี้ในพระตำหนักองค์ชายสามก็มีคนออกมาต้อนรับ นำพวกเขาทั้งขบวนเชิญเข้าไปด้วยกันจนหมดสิ้น ดูเหมือนเพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย ในไม่ช้ารถม้าทั้งสองคันนั้นก็ถูกคนจูงพาออกไป ทุกอย่างล้วนเงียบสงัด ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างจางยวี่โหร่วและเฉินซูเสียนแล้ว เป่ยจื่อห้าวดูเหมือนก็ได้เตรียมใจพร้อมแล้ว นี่ไม่ ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ มาหาถึงพระตำหนักอย่างรวดเร็วแล้ว เฉินกั๋วกงถูกพ่อบ้านนำทางมาถึงห้องทรงพระอักษรในเรือนพระตำหนัก หลังจากนั้นเขาก็ได้เห็น เป่ยจื่อห้าวยืนอยู่ตรงนั้น รีบก้าวขึ้นหน้าไปถวายบังคมเป็นพิธีการยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งแล้วทันที “กระหม่อมขอกราบบังคมคำนับองค์ชายสาม ขอองค์ชายสามทรงพระเจริญพ่ะย่ะค่ะ” เป่ยจื่อห้าวแสดงสีหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยถากถางเล็กน้อยออกมา หลังจากนั้นกล่าวว่า “เฉินกั๋วกงพิธีใหญ่เช่นนี้ เปิ่นหวังมิอาจรับไหวอ่า” เฉินกั๋วกงคิดถึงทัศนคติที่มีต่อองค์ชายสามก่อนหน้านี้ อดไม่ได้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่วันนี้ในเมื่อเขาได้มาถึงตำหนักแล้ว ต้องแสดงความจริงใจออกมาแน่นอน “กระหม่อมมาที่นี่วันนี้ ก็เพื่อขอบพระคุณองค์ชายสามที่ได้ช่วยชีวิตของกระหม่อมและธิดาในท้องพระโรงจินหลวนเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะองค์ชายสาม พวกเขาไหนเลยจะยอมเลิกราอย่างสันติแบบนี้ ยอมปล่อยเราพ่อลูกอย่างง่ายดายเช่นนี้น่ะพ่ะย่ะค่ะ?” เฉินกั๋วกงไม่ได้เป็นไอ้งั่ง ถ้าในวันนั้นจางไท่ซือฟ้องเขาว่าหลอกลวงหมิ่นประมาทเบื้องสูงต่อหน้าพระพักตร์ฮองเต้ เขาถึงกับไม่มีปัญญาที่จะแก้ต่างให้ตัวเองได้ วาจาเหล่านั้นของเป่ยจื่อห้าวดูผิวเผินกำลังต่อว่า แต่กลับช่วยแก้วงล้อมให้พวกเขาชัด ๆ อ่า “นี่ก็ยิ่งน่าขันแล้ว เปิ่นหวังกับเฉินกั๋วกงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งกว่านั้นคนที่ธิดาได้ทำร้ายก็เป็นกุ้ยเฟยในอนาคตของเปิ่นหวัง ทำไมเฉินกั๋วกงรู้สึกว่าเปิ่นหวังกำลังช่วยเจ้าคลี่คลายวงล้อมน่ะ?” วาจานี้ของพระองค์ ก็คิดจะให้เขาพูดออกมาอย่างแจ้งชัดอยู่ตรงหน้าให้กระจ่างแจ้ง คิดจะประจบเขา ไร้ความจริงใจไหนเลยจะใช้การได้? ก็อาศัยของขวัญเหล่านั้นที่เขานำมา? เขาประสูติมาในราชวงศ์ สิ่งอะไรที่มีค่ามหาศาลแปลกพิสดารไม่เคยเห็นมาก่อน ไหนเลยจะอยู่ในสายตาได้อีก? เฉินกั๋วกงเห็นสภาพการณ์ รีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที ประคองมือขึ้นโค้งคำนับ กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความผิดของกระหม่อม ยังทูลขอพระองค์ท่านองค์ชายสามทรงอภัยด้วยใจกว้าง อย่าได้คิดบัญชีกับกระหม่อมเลย วันข้างหน้า ถ้าองค์ชายสามมีความต้องการใด ๆ ขอเพียงกระหม่อมสามารถช่วยได้ต้องช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ แม้ต้องทุ่มเททุกอย่างจนหมดสิ้นก็จะไม่เสียดาย เพื่อตอบแทนพระคุณขององค์ชายสามที่ได้ช่วยฝ่าวงล้อมออกมาพ่ะย่ะค่ะ” ตอนนี้เขามาพึ่งองค์ชายสาม ก็เป็นเรื่องที่จนใจไร้วิธีแล้ว ทางด้านองค์ชายสองได้ก่อเหตุวุ่นวายจนแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว พระองค์ท่านทรงปฏิบัติต่อพวกเขาเช่นนั้น หน้าตานี้ก็ได้ฉีกขาดกันไปแล้ว เพียงแต่องค์ชายสามนี้ เฉินกั๋วกงก็ยังระมัดระวังด้วย เพียงแต่บอกว่าจะช่วย แต่ไม่เท่ากับว่าต้องมีความจงรักภักดีฝักใฝ่แน่ ๆ นอกจากพระองค์ท่านแล้ว ยังมีองค์รัชทายาทน่ะ แม้ว่าองค์รัชทายาทจะไม่มีทักษะฝีไม้ลายมืออะไร แต่ก็เป็นที่โปรดปรานของฮองเต้อ่า ถ้าองค์รัชทายาทจะประสบความสำเร็จในการสืบราชบัลลังก์ต่อแล้ว ถ้างั้นไยเขามิใช่เล่นจบอีกแล้วหรือ? หลังจากที่ได้ซึบซับเรียนรู้จากบทเรียนขององค์ชายสองแล้ว เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก แต่พยายามที่จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ พบปะสมาคมซ้ายขวา ล้วนไม่ขัดใจใคร ใครล้วนสามารถดึงมาเข้าเป็นพรรคพวกได้ทั้งหมด 
已经是最新一章了
加载中