ตอนที่73 ไปขอโทษถึงพระตำหนัก
1/
ตอนที่73 ไปขอโทษถึงพระตำหนัก
พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่73 ไปขอโทษถึงพระตำหนัก
ตนที่73 ไปขอโทษถึงพระตำหนัก ที่เป่ยจื่อห้าวรอก็คือคำพูดคำหนึ่งนี้ของเขา ถ้าเพราะเรื่องนี้ให้เขาสามารถได้รับอำนาจของตำหนักเฉินกั๋วกงแล้ว ถ้างั้นก็เป็นเรื่องให้ผู้คนน่าพอใจมากแล้ว ล้อเล่นน่า ไฉนเขาถึงสามารถได้ยินว่าวาจาจางไท่ซือได้ล่วงเกินตำหนักเฉินกั๋วกงน่ะ กล่าวอย่างไรอีกนี่ก็เป็นพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากแหล่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้เพราะพวกเขาคิดจะฝักใฝ่จริงใจต่อองค์ชายสอง เขาคิดจะดึงสมัครพรรคพวกก็มิสามารถ แต่ตอนนี้พระเชษฐาสองได้ฉีกหน้ากับพวกเขาแล้ว เขาต้องหยิบยืมโอกาสนี้ฉวยสภาพการณ์เก็บคืนมาแล้ว ทางด้านตระกูลจาง เขาไม่ใช่ได้แก้ต่างคืนความยุติธรรมแก่จางยวี่โหร่วต่อหน้าพระพักตร์ฮองเต้ ชี้ให้เห็นถึงความชั่วร้ายต่ำช้าของเฉินกั๋วกง นี่ไม่ใช่บ่งบอกอย่างชัดเจนเต็มที่ว่าเขาได้รักปกป้องจางยวี่โหร่วแล้วหรอกหรือ? ต่อฮองเต้ที่นั่น พระองค์ยังช่วยเขาแก้ปัญหาใหญ่เรื่องหนึ่งแล้วด้วย สถานการณ์ในตอนนั้นแม้ว่าพระองค์ทรงเป็นฮองเต้ ก็ยังไม่ดีมากที่จะทำให้การตัดสินใจเด็ดขาดในเรื่องนี้ มองผิวเผินเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริงกลับเกี่ยวข้องกับการต่อสู้แย่งชิงระหว่างกองกำลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในราชสำนักสองฝ่าย กระตุกเส้นผมหนึ่งเส้นก็ทำให้เคลื่อนไหวไปทั้งร่าง ขณะนี้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กกลายเป็นไร้เรื่อง ก็เป็นผลบั้นปลายที่ฮองเต้ทรงเต็มพระทัยอยากทอดพระเนตรเห็น ผ่านเรื่องนี้ ในพระทัยเสด็จพ่อก็ต้องรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถและความกล้าหาญ ดังนั้นเขานี่มิใช่เป็นเพียงยิงคราเดียวได้นกอินทรีสองตัว แต่เป็นยิงคราเดียวได้นกอินทรีสามตัวอย่างสิ้นเชิงอ่า ... วันต่อมา หน้าประตูและลานประตูตำหนักไท่ซือราวกับตลาด มีคนมากมายมาร่วมชุมนุมกันที่นั่นซุบซิบนินทากัน เพราะเวลานี้รถม้าใหญ่สองสามคันที่จอดหน้าประตู รถแต่ละคันล้วนตุนเต็มไปด้วยของขวัญทั้งหมด เมืองหลวงแห่งนี้สิ่งที่ไม่ขาดแคลนมากที่สุดก็คือการซุบซิบนินทา หัวใจของซุบซิบนินทามีกันทุกคน และเหตุการณ์เรื่องนี้ที่เกิดขึ้นก็ได้ก่อกวนจนกระพือลมและฝนไปทั่วเมืองอย่างเห็นได้ชัด กลายเป็นประเด็นการสนทนาที่หยิบยกมานินทาช่วงดื่มชาหลังอาหารของทุกคน ต้องบอกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลจางนี่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีเรื่องที่เกิดขึ้นเรื่องหนึ่งต่อด้วยอีกเรื่องหนึ่งจริง ๆ อ่า ภายในหนึ่งเดือนสั้น ๆ เริ่มจากขึ้นเกี้ยวผิดพลาดอภิเษกสมรสผิดคู่ หลังจากนั้นนำให้อ๋องชิงผินและองค์ชายสามต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อนาง ทำสัญญา “คำมั่นสัญญาบุรุษ” ต้องการเอาชนะใจหญิงงาม นี่ก็เป็นเรื่องเพียงพอที่จะสะท้านทั่วโลกาแล้ว แต่ต่อมานางกับคุณหนูแห่งตำหนักเฉินกั๋วกงก็ได้ต่อสู้อย่างเปิดเผยที่เทียนเซียงโหลว และยังได้รับบาดเจ็บ ซึ่งอดไม่ได้ที่จะเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจแก่ผู้คน เดิมพวกเขาคิดว่าพวกนางต่างเป็นคุณหนูทองพันชั่งทั้งหมด ต้องเป็นกุลสตรีที่อ่อนโยนเปี่ยมคุณธรรม มีเกียรติสง่างาม พฤติกรรมแบบนี้มีอะไรที่แตกต่างจากอันธพาลซึ่งร่วมชุมนุมแออัดกันในเขตสลัมของเมืองเหล่านั้นกันเล่า? วันนี้เป็นวันที่เฉินกั๋วกงพาธิดาไปขอโทษขอโพยถึงพระตำหนัก ประชาชนเหล่านั้นแต่ละคนต่างคอยืดคอยาวนัยน์ตาแทบถลนอยากที่จะเข้าไปในตำหนัก คิดหวังจะได้เห็นว่าข้างในเวลานี้สภาพการณ์เป็นอย่างไรบ้าง “คุณหนู คุณหนู เฉินกงกั๋วและเฉินซูเสียนนั่นได้มาแล้ว เวลานี้กำลังรออยู่ที่ข้างนอกเจ้าค่ะ” เสี่ยวเฟิงรีบวิ่งเข้ามารายงาน เวลานี้ จางยวี่โหร่วกำลังหวีเผ้าผมแต่งตัวที่โต๊ะเครื่องแป้ง หลิงจือนั่งอยู่ด้านข้าง พอได้ยินข่าวนี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยคราหนึ่งทันที “ด้วยบุคลิกของหล่อน ทำไมยินยอมเต็มใจที่จะมาตำหนักขอโทษได้น่ะ? เกรงว่าไม่ใช่มีแผนการชั่วร้ายอะไรน่ะ?” จางยวี่โหร่วหันศีรษะกลับมา ทันใดนั้นก็หัวเราะเบา ๆ ครั้งหนึ่ง ดูนางตอนนี้ แก้มก็หายบวมไปตั้งนานแล้ว แต่งเติมประทินโฉมทาแป้งอีกสักเล็กน้อยปกปิดสักครู่ก็ต่างดูอะไรไม่ออกมาแล้ว ริมฝีปากสีแดงสวย แต่งหน้าวิจิตรบรรจง แต่งแต้มประดับมุกดอกไม้อันงามวิจิตรที่หว่างคิ้ว แทบจะงามเกินสิ่งใด ๆ “ตอนนี้หล่อน...ยังมีทุนรอนใด ๆ เล่นกลลวงอุบายชั่วร้ายอะไรอีก? ก่อนหน้านี้หล่อนได้ให้เจ้ารับความอับอายอัปยศมากเพียงไร ครั้งนี้ยังทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บอีก คราวนี้ข้าจะไม่ปล่อยปละละเว้นหล่อนไปอย่างเด็ดขาด บัญชีใหม่และบัญชีเก่านี้ต้องรวมเพิ่มขึ้นคำนวณดี ๆ แล้ว” หลิงจือได้ยินวาจา อดที่จะก้มศีรษะลงแสดงสีหน้าเศร้าเล็กน้อยออกมาไม่ได้ “ล้วนเป็นข้าไม่ดี วันนั้นจ้าวซินซินมา ข้าไม่ควรปล่อยให้เจ้าไปคนเดียวกับหล่อน ถ้าข้าอยู่ที่นั่นในเวลานั้น ข้าจะไม่ปล่อยให้หล่อนแกล้งรังแกเจ้าแน่ ๆ” จางยวี่โหร่วลุกขึ้นมาจับมือนางเบา ๆ “พูดอะไรโง่ ๆ น่ะ เราไม่ใช่คุยดี ๆกันแล้วหรือ? ในวันเหล่านั้นเราต้องทำทีดูห่างเหิน เพื่อหลีกเลี่ยงจ้าวซินซินพวกเขาสงสัย หรือให้เฉินซูเสียนได้ชิงลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ และข้าได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่แผนการกลับก้าวหน้าดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น เรื่องของเจ้าและองค์ชายสองก็ได้ตัดสินใจตกลงแล้ว ความพยายามของข้าไม่สูญเปล่าอ่า” “พี่ยวี่โหร่ว ข้า...ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะขอบคุณท่านยังไงดี” หลิงจือ มองนางน้ำตาคลอ น้ำตาก็ได้หลั่งลงมาอีก “ถ้าเจ้าคิดจะขอบคุณข้าจริง ๆ ภายหน้าได้เป็นกุ้ยเฟยองค์ชายสองอย่าลืมข้าพี่น้องที่ดีคนนี้ก็ใช้ได้” ก้นบึงในตาจางยวี่โหร่วมีความรู้สึกลึกซึ้งกระแสหนึ่งแวบผ่านไป คิดบรรลุการใหญ่ ก่อนอื่นก็คือต้องปลูกฝังเลี้ยงดูคนของตัวเองไว้บ้าง หลิงจือ อภิเษกสมรสกับองค์ชายสอง ถ้างั้นวันข้างหน้ามีอีกหลายเรื่องก็สามารถใช้นางช่วยเหลือแล้ว หล่อนทุ่มสุดตัวเช่นนี้ไปทำเรื่องนี้ ไม่เพียงเพราะความรู้สึกฉันพี่น้องของพวกนาง แน่นอนยังมีความเห็นแก่ตัวของหล่อนเองบ้างด้วย “แน่นอน ชีวิตของข้านี้ล้วนเป็นเจ้ามอบให้ ถ้าให้เลือกระหว่างเจ้าและองค์ชายสอง ถ้างั้นคนที่ข้าเลือกต้องเป็นเจ้าแน่ ๆ” พระคุณเพียงหยดน้ำควรทดแทนดุจน้ำพุ ยิ่งกว่านั้นจางยวี่โหร่วดีกับหล่อน ไม่ว่าหล่อนจะทำอะไรก็ตามล้วนมิอาจชดเชยได้แล้ว ปัจจุบัน ชื่อเสียงและสถานะของหล่อน แม้แต่ความสุขในปัจจุบันของหล่อน ล้วนแล้วแต่มาจากความช่วยเหลือของจางยวี่โหร่วจึงได้เป็นจริงทั้งสิ้น มิฉะนั้นหล่อนจะไม่มีโอกาสได้พบเห็นเป่ยจื่อห้าวแม้สักครั้ง ไหนเลยจะสามารถติดต่อเชื่อมสัมพันธ์เป็นพันธมิตรกับเขาได้น่ะ “อืม เจ้าไม่ต้องพูดจริงจังขนาดนั้น ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องของเรากับความสุขชั่วชีวิตของเจ้าไม่ขัดแย้งกัน หยุดร้องไห้ได้แล้ว รอสักพัก ยังต้องออกไปดูละครสนุกดีน่ะ” หลิงจือพยักหน้าแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกไปด้วยกัน เวลานี้เฉินกั๋วกงและเฉินซูเสียนได้มาถึงห้องโถงใหญ่ ทุกคนในตระกูลจางเจียล้วนมาถึงกันหมดแล้ว สำหรับคนที่รังแกโหร่วเอ๋อร์น้อยในตระกูลพวกเขาไปแล้ว แน่นอนคนตระกูลจางย่อมแสดงความไม่พอใจโกรธแค้นร่วมกันทั้งหมด มิอาจยอมทนหรือปล่อยปละละเว้นไปได้เด็ดขาด วันนี้ถ้าพวกเขาไม่สามารถแสดงความจริงใจออกมา ถ้างั้นพวกเขาตระกูลจางก็จะไม่มีวันยอมละเว้นไปอย่างสันติเด็ดขาดแน่นอน เฉินกั๋วกงพ่อลูกยืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานแล้ว จางยวี่โหร่วก็ไม่ได้มา กลับเป็นคนรับใช้คนสวนที่อยู่รอบ ๆ รวมทั้งประกายตา “บัพติสมา” เหล่านั้นของคนตระกูลจาง ซึ่งได้บีบคั้นพวกเขาจนใกล้บ้าแล้ว เฉินซูเสียน กล่าวอย่างใจร้อนมากว่า “แล้วจางยวี่โหร่วล่ะ? ไม่ได้บอกว่าวันนี้จะมาขอโทษนางหรือ? ข้า คนก็มาที่นี่แล้ว พวกเจ้ายังคิดตั้งใจทำให้ยุ่งยากขึ้นหรือ?” จางห้าวกระแทกถ้วยชาอย่างหนักลงบนโต๊ะไปครั้ง การเคลื่อนไหวที่หาเรื่องดังออกมาในความเงียบสงบกลับทำให้หล่อนตกใจสะดุ้งไปครั้ง “เจ้าตีโหร่วเอ๋อร์จนกลายเป็นแบบนี้ ตอนนี้เพิ่งจะรอไปเพียงชั่วยามเดียวก็รับไม่ไหวแล้วหรือ? ในเมื่อคุณหนูเฉินไม่มีความจริงใจเช่นนี้ ก็ยังคงกลับไปก่อนค่อยมาอีกในวันอื่นเถอะ” นี่...พวกเขามากันทั้งหมดแล้ว แน่นอนก็คิดต้องการที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้โดยเร็ว เรื่องน่าอับอายผู้คนครั้งเดียวก็พอแล้ว พวกเขาไม่หวังที่จะมีครั้งต่อไปอ่า เพียงกลัวว่าธิดาของตนเองจะกล่าววาจาอะไรที่ยิ่งเพิ่มความขัดแย้งบาดลึกมากขึ้นอีก เฉินกั๋วกงที่อยู่ด้านข้างรีบชดเชยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนเรามาขออภัยคุณหนูด้วยความจริงใจ ไม่ว่าจะรอนานแค่ไหนก็สมควร” เฉินซูเสียนยังคิดจะอาละวาด แต่คราวนี้กลับได้เห็นแววตาตักเตือนของท่านพ่อ หล่อนได้แต่หยุดการกระทำ แต่ในใจกลับโกรธมากแล้ว นี่เป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่สำหรับหล่อน ถึงขณะนี้จางยวี่โหร่วยังไม่มา คงไม่ใช่วันนั้นถูกหล่อนตีอย่างรุนแรงเกินไป กลายเป็นหัวหมูน่าเกลียดโดยตรง ดังนั้นอายที่จะพบผู้คน? คิดมาถึงตรงนี้ หล่อนก็รู้สึกในใจดีขึ้นเล็กน้อย ถ้ารู้มาก่อน วันนั้นหล่อนก็ควรต้องทำลายใบหน้าของนางโดยตรงไปแล้ว ใช้ดาบกรีดอย่างอำมหิตอีกสองสามที ทำลายใบหน้าอันงดงามดั่งดอกไม้ดุจหยกของนางใบนั้น เวลานี้ จู่ ๆ ก็กลับมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาจากประตู “ให้ทุกคนต้องรอแล้ว” จางยวี่โหร่วมาแล้ว! เฉินซูเสียนรีบหันศีรษะกลับไปอย่างตื่นเต้นทันที กลับไม่เห็นลักษณะนางตามที่ได้จินตนาการ ใบหน้าของนางยังคงสวยงามเช่นนั้น ถึงกับสวยงามกว่าปกติ พลันเฉินซูเสียนจ้องตาโตด้วยความโกรธ พวกเขาไม่ได้บอกว่าจางยวี่โหร่วบาดเจ็บสาหัสหรือ? นี่เพิ่งผ่านไปเพียงสามวันแล้ว ทำไมดูไปแล้วลักษณะเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังโกหก และเมื่อมองไปที่หลิงจือซึ่งตามมาอยู่หลังนาง ก้นบึงดวงตาของหล่อนยิ่งปะทุไฟโกรธวงหนึ่งพลุ่งออกมา แค้นจนใคร่เข้าไปฉีกนางโดยตรง นังสารเลวที่น่าตายนี่ จางยวี่โหร่วและหลิงจือนั่งลงตามลำดับ ถ้างั้นก็จะเริ่มหัวข้อในวันนี้ขึ้นแล้ว “ข้าได้ยินว่าเฉินกั๋วกงและคุณหนูเฉินมาวันนี้ต้องการที่จะขออภัยข้าด้วยความจริงใจ ดังนั้นข้าคิดอยากจะรู้ว่าที่แท้พวกเจ้าสามารถนำความจริงใจแสดงออกมาได้อย่างไรน่ะ?” เฉินกั๋วกงรีบกล่าวว่า “แน่นอน ถ้าขอเพียงคุณหนูจางสามารถคลายโกรธ ให้อภัยธิดา ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรล้วนเป็นสิ่งที่สมควร” เขารีบส่งสัญญาณให้เฉินซูเสียนด้วยสายตา ให้หล่อนรีบไปขอโทษ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเขาถึงสามารถถอนตัวออกไปได้เร็วขึ้นได้อ่า เฉินซูเสียนทั่วหน้าดูไม่ยินยอมเต็มใจก้าวไปข้างหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เหตุการณ์ในวันนั้น... ขออภัยแล้วค่ะ” ฮ่า...นี่ก็เรียกว่าการขอโทษเหรอ? ช่างน่าขบขันเกินไปแล้วมั้ง? จางยวี่โหร่วยิ่งใช้สีหน้าน่าตลกชนิดหนึ่งมองดูหล่อน “ถ้าตอนนี้ข้าแทงเจ้าไม่กี่ดาบ หลังจากนั้นกล่าวแก่เจ้าประโยคหนึ่งว่าขอโทษ เจ้าจะยกโทษให้ข้าไหม?” เฉินซูเสียนรีบจ้องนางเขม็งทันที “จางยวี่โหร่วเจ้าอย่าเกินไปแล้วนัก ตอนนี้ข้าได้ขอโทษเจ้าแล้วเจ้ายังคิดจะเอายังไง? และตอนนี้เจ้าไม่ใช่ยืนอยู่ที่นี่ดี ๆ หรือ? อย่าลืมว่าเวลานั้นเจ้าลงมือก่อน ที่เจ้าตบข้าหนึ่งฝ่ามือนั้น ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าน่ะ” คำพูดนี้ของหล่อน เห็นได้ชัดว่ากระตุ้นความขัดแย้งทั้งหมดขึ้นมาอีกครั้ง ต่อหน้าพวกเขามากมายขนาดนี้ยังกล้าป่าเถื่อนโหดร้ายขนาดนี้ หล่อนช่างไม่ได้เห็นพวกเขาตระกูลจางอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว “บังอาจ!” จางไท่ซือที่เงียบไม่ส่งเสียงมาตลอดได้โกรธแล้ว โกรธจัดจนตบโต๊ะแรง ๆ คราหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นในตระกูลจาง เฉินกั๋วกงที่อยู่ข้าง ๆ อึดอัดมาก ธิดาเป็นธิดาของเขา ไม่ว่ายังไงเขาก็มิอาจปล่อยตามใจไม่สนใจได้ จางยวี่โหร่วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เฉินกั๋วกงและคุณหนูเฉินยังคงเชิญกลับเถอะ ความจริงใจในส่วนนี้ของพวกเจ้า ยวี่โหร่วมิอาจรับไว้ได้ยิ่งนัก เห็นแก่เฉินกั๋วกงและเอี้ย ๆ ของข้า ยังมีท่านพ่อต่างเป็นขุนนางร่วมราชสำนักมานานหลายปี เราจึงได้สัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นเรื่องส่วนตัวแล้ว แต่ตอนนี้จึงได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าคนดียากทำได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยังคงหน้าที่ก็คือหน้าที่เถิด อิงข้อกล่าวหาของคุณหนูเฉิน ใต้ฝ่าพระบาทฮองเต้ อาศัยอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงคนอื่นไปทั่ว นำคนก่อการทำความชั่วร้าย เพียงกลัวว่าไม่พ้นภัยพิบัติต้องจองจำในคุกไม่กี่ปีแล้ว” “คุณหนูจาง ท่าน...” เมื่อครู่เฉินกั๋วกงคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกจางยวี่โหร่วขัดจังหวะโดยตรง “เฉินกั๋วกงเป็นขุนนางราชสำนัก ตามเหตุผลต้องเป็นแบบอย่างที่ดี รักษากฏมณเฑียรบาลของประเทศชาติบ้านเมืองอย่างเคร่งครัด มิอาจเพราะคนทำผิดเป็นธิดาของเจ้าก็คิดปกป้อง หรือว่าเจ้าไม่กลัวถูกพัวพันจนต้องรับโทษทัณฑ์สถานเดียวกันหรอกหรือ?” เห็นได้ชัดว่าจางยวี่โหร่วเป็นเพียงหญิงสาววัยสิบหกหรือสิบเจ็ดปีเท่านั้น แต่บนร่างกลับมีบารมีอันเข้มงวดไปทั่วตามธรรมชาติกระแสหนึ่ง จู่ ๆ เฉินกั๋วกงก็ถูกสะกดทำให้ตกตะลึงอึ้งไปทันที ไม่สามารถกล่าววาจาสักประโยคได้อีก ตอนนี้เรื่องก็ได้วางแผ่อยู่ในสายตา ถ้าเฉินซูเสียนไม่ซื่อสัตย์อีกเล็กน้อย ก็รอไปกินอาหารคุกเถอะ จนถึงตอนนี้ สีหน้าของหล่อนจึงได้ขาวซีดขึ้นมาเล็กน้อย มีร่องรอยของความกลัวเล็กน้อยบนใบหน้า ร่างถึงกับสั่นเทิ้มไปบ้างเล็กน้อย
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่73 ไปขอโทษถึงพระตำหนัก
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A