ตอนที่78 แพทย์ภูติหยินหยาง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่78 แพทย์ภูติหยินหยาง
ต๭นที่78 แพทย์ภูติหยินหยาง จนถึงเวลานี้ ปากทางประตูห้องท้องพระโรงใหญ่จึงได้ยินเสียงชุลมุนไปทั่วดังเข้ามา ฝูงชนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาแล้ว หัวหน้าองครักษ์ได้เห็นสภาพผู้ชายในเวลานี้ ดูตกใจมากทันที “ประมุข ประมุขท่านเป็นอย่างไรแล้ว?” เห็นมือสังหารในชุดสีดำที่ได้สิ้นลมตายไปแล้วบนพื้นดิน ได้เห็นถึงชายในชุดสีขาวที่ปากอาเจียนเป็นเลือด ลักษณะสีหน้าขาวซีด เห็นได้ชัดว่าเกิดการขัดจังหวะหยุดกลางคันทั้งเป็นระหว่างเดินลมปราณกำลังภายในโดยแท้ เส้นลมปราณย้อนกลับกำลังภายในดันกลับกระแทกใส่เป็นเหตุ ประมุขถูกลอบโจมตี แน่นอนผลบั้นปลายของพวกเขาองครักษ์เหล่านี้ไม่ดีแน่ น่าตายนัก ในที่สุดมือสังหารคนนี้บุกเข้ามาได้อย่างไร พวกเขากลับยังไม่ได้ทันตระหนักรู้สึกใด ๆ เลย เหล่าผู้ปกครองอาวุโสได้มอบหมายกำชับเป็นพิเศษ ต้องมั่นใจปกป้องบนล่างอารักขาประมุขจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านเข้าไปไม่ได้ ล้อมไว้แน่นขนัด กระทั่งแมลงวันตัวหนึ่งก็มิอาจปล่อยให้เข้าไปได้ ตอนนี้พวกเขามิเพียงล้มเหลวที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่ยังให้มือสังหารเข้ามารบกวนการฝึกวรยุทธ์ของประมุข ขณะนี้ควรทำอย่างไรจึงดีอ่า “ไม่เป็นไร” ชายในชุดขาวพูดคำเหล่านี้ออกมาเบา ๆ แต่เวลานี้สีหน้าที่ดูซีดเซียวเหมือนกระดาษนั้นแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่ได้มองโลกในแง่ดี กำลังภายในกระแทกกลืนกลับนี้เดิมก็เป็นการโจมตีที่ร้ายแรงสาหัสมาก หลังการต่อสู้แล้วยิ่งเพิ่มความบาดเจ็บให้เขาดุจดั่งหิมะคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง แต่ในทางตรงกันข้าม ประมุขยังบังคับตัวเองให้ตื่นขึ้นมาจากหว่างกลางฝึกปรือ ตอนนี้เขายังต่อสู้สุดชีวิตทั้งที่มีการบาดเจ็บภายในสังหารชายชุดสีดำนี้ตาย ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้อื่นแล้ว ก็เป็นสิ่งที่มิอาจกระทำได้โดยสิ้นเชิง เวลานี้ ชายชุดขาวมิอาจยืนหยัดอีกต่อไปได้ ได้พุ่งเลือดสดคำใหญ่หนึ่งคำจากปากโดยแรงอีก สีแดงสดใสนั้นเปื้อนเยิ้มริมฝีปากบาง ๆ ไร้สีเลือดของเขาทั้งคู่แล้ว ย้อมใบหน้าที่หล่อเหลาไร้ตำหนิของเขา ทำให้อากาศที่เย็นชาเย็นยะเยือกนั้นเติมแต่งความแปลกประหลาดราวปีศาจบางส่วน ทำให้ในใจผู้คนไม่กล้าเกิดการดูหมิ่น “ประมุข! ทหาร...รีบเชิญแพทย์ภูติเร็ว!” ... ที่เรียกแพทย์ภูติ ดูไปแล้วไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนผีปีศาจร้ายปานนั้น แต่ดูไปแล้วเป็นชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาเอาการมากประดุจหยกมากคนหนึ่ง ไม่ บางทีไม่ควรมองบางส่วนมาสรุปภาพรวม เขาเผยใบหน้าครึ่งหนึ่ง ผิวพรรณอบอุ่นนุ่มนวลดุจหยก คิ้วดาบตาประกายดาว เปี่ยมพลังหล่อเหลาเอาการ แต่ใบหน้าซ้ายของเขา กลับถูกซ่อนไว้ใต้ครึ่งหน้ากากสีเงิน ทำให้ผู้คนมิอาจสอดแนมได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขา กลิ่นไอหายใจบนร่างเขา ก็เหมือนใบหน้านี้ของเขาเช่นกัน ครึ่งหนึ่งได้นำคุณลักษณะอันอบอุ่นเมตตาซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบนร่างของแพทย์ทั่วไป อีกครึ่งหนึ่งกลับเป็นเหมือนชื่อของเขาที่ลึกลับน่ากลัว ในสายตาของเขาซ่อนคลื่นลมฝนอันลึกลับถาโถมนับไม่ถ้วน หลังจากใช้เข็มฝังรักษาผ่านไป อีกทั้งกินยาแล้ว เวลานี้ชายในชุดขาวกำลังนั่งสมาธิปรับลมปราณ รอเขาจนในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมา แพทย์ภูติจึงได้กล่าววาจาออกมา “ประมุข ในช่วงไม่กี่วันนี้ทางที่ดีที่สุด ท่านยังอย่าได้ใช้กำลังภายในสุ่มสี่สุมห้าอีกแล้ว อาการบาดเจ็บของท่านสาหัสมาก ต้องดูแลดี ๆ อย่างแน่นอน ในเรื่องการฝึกพลัง เกรงว่าอย่าได้คิดฟุ้งซ่านชั่วคราวอีกแล้ว” ว้า น่าเสียดายจริง ๆ เดิมครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะทะลุทะลวงคอขวดแตกออกมาได้โดยตรง แต่กลับมีมือสังหารคนหนึ่งบุ่มบ่ามออกมาแต่ท่าเดียว แววตาของชายในชุดขาวเย็นลงมาอย่างรวดเร็ว “ได้ตรวจสอบรายละเอียดของมือสังหารออกมาหรือยัง?” “ไม่มี ข้าน้อยได้ตรวจสอบซากศพของมือสังหารนั้น ไม่พบสิ่งใดที่จะพิสูจน์ตัวตนของเขาได้ จุดนี้อาจควรถามท่านประมุข เพราะมีเพียงท่านที่ประมือกับเขาเท่านั้น สามารถบอกได้ไหมว่ามือสังหารนั้นมาจากค่ายสำนักใด หรือสามารถหาเบาะแสสักนิดจากท่ามกลางที่เกิดขึ้น” ผู้ชายในชุดขาวเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา หลังจากนั้นหลับตาลงไม่พูดไม่จา ตอนนี้ แพทย์ภูติจึงได้พบว่าตัวเองช่างถามคำถามโง่ ๆ ข้อหนึ่งแล้วจริง ๆ มือสังหารนั้นประมือกับประมุขของพวกเขา หรือว่ายังรอเวลาจนเขาได้ใช้กระบวนท่ากระบวนเดียวครึ่งท่าหรอกหรือ? ขณะนั้นเขาได้ตรวจสอบซากร่างแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาถูกฆ่าตายในกระบวนเดียวโดยตรง ลูกศรเดียวทะลุใจจนตาย ใครก็ตามที่ประมือกับประมุข ล้วนไม่มีทางใด ๆ รอดชีวิตได้โดยสิ้นเชิง “หชู่ถัน” เขาครุ่นคิดสักครู่ ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย หลังจากนั้นพูดออกมาสองคำนี้ แพทย์ภูติอึ้งไปครู่ หลังจากนั้นประสานมือคำนับ “ข้าน้อยอยู่ที่นี่” ที่แท้หชู่ถันเป็นชื่อของแพทย์ภูตินั่นเอง แต่เขาก็คุ้นเคยที่ผู้อื่นเรียกเขาว่าแพทย์ภูติ จนเกือบจะค่อย ๆ ลืมชื่อนี้ไปแล้ว “เรื่องนี้ไม่ต้องตรวจสอบอีกแล้ว คิดว่าในที่สุดพวกเขาก็สูญเสียการควบคุมทนไม่ได้แล้วแน่ ๆ” หชู่ถันกล่าวอย่างจริงจังว่า “นี่เป็นไปได้อย่างไร พวกเขากลับกล้าโจมตีประมุขอย่างขวัญกล้าบังอาจนัก เรื่องนี้มิสามารถยุติอย่างสันติเด็ดขาด พวกเขาได้รับความสะดวกสบายสงบมาหลายปีเช่นนี้ เป็นเวลาที่พวกเขาเลือดต้องล้างด้วยเลือดแล้ว” “อ้อ...” ชายในชุดสีขาวยิ้มอย่างเย็นชาคราหนึ่ง ในรอยยิ้มยังมีเยาะเย้ยบางส่วน “เจ้าคิดว่าเราได้เตรียมการมาหลายปีนี้ เพียงเพื่อให้พวกเขาชดใช้หนี้โลหิตเท่านั้นหรือ?” แน่นอน ความตายเป็นวิธีการปลดปล่อยให้เป็นอิสระที่ง่ายที่สุด และสิ่งที่พวกเขาต้องการ คือจากนั้นทำให้คนเป็นตายเสียยังจะดีกว่ามีชีวิตอยู่ซะอีก สำนึกเสียใจที่เกิดมาเป็นคนในชั่วชีวิตนี้ “แต่ตอนนี้ประมุขอาการบาดเจ็บของท่าน...” “ไม่เป็นไร เปิ่นจุนไม่ให้พวกเขาภูมิใจนานเกินไปนัก” ก็ใช่ ทุกคนที่ขัดขวางพวกเขาวังปีศาจดำเนินการฆ่าให้สิ้นซากของพวกเขา จะตายอย่างน่าอนาถยิ่งเป็นการจบฉาก ตำหนักจิ๊วซา ถูกชาวโลกขนานนามว่า “วังปีศาจ” ประตูชั่วร้ายหนทางบิดเบือน  3 ลัทธิ 9 อาชีพ ผู้คนสารพัดอาชีพ แต่เพราะเป็นสถานที่เช่นนี้แห่งหนึ่ง กลับทำให้ทุกคนในใจเกิดความกลัว เฉกเช่นการดำรงอยู่ในนรกประตูผีปานนั้น เพียงได้ยินคำว่า “วังปีศาจ” อย่าว่ายุทธภพ แม้แต่สี่ประเทศเก้าทวีปเมื่อได้ยินแล้วยังต้องเปลี่ยนสีหน้า เชียนแย่ซิ้วประมุขวังปีศาจก็ได้กลายเป็นปีศาจควบคุมความเป็นความตายในปากของฝูงชนไปแล้ว ตอนนี้ผู้คนที่กล้าริเริ่มท้าทายประลองวังปีศาจแทบไม่มีดำรงอยู่ในตอนนี้ มือสังหารชุดสีดำครั้งนี้ สันนิษฐานว่าพวกเขาได้เตรียมไว้ล่วงหน้ามาเป็นเวลานานแล้ว แต่ยังคงเปราะบางมิอาจทนการจู่โจมได้สักครา ... ในตำหนักอ๋องชิงผิน หลังจากเย่นอิ่งได้ยินวาจาของเย่นหลิน ทั่วหน้าไม่พอใจ “เจ้าว่าอะไร ท่านอ๋องต้องการให้เราทั้งคู่ไปปกป้องนังสารเลวนั่น อาศัยอะไร ข้าหวังให้นางตายเสียด้วยซ้ำ” ไม่ต้องพูดถึงการปกป้อง ถ้าใครต้องการทำร้ายจางยวี่โหร่วจริง ๆ หล่อนเพียงอยู่ด้านข้างยื่นดาบให้ หรือช่วยให้อีกฝ่ายเสียบดาบโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น เย่นหลินมองหล่อนอย่างจนใจบ้าง “นี่เป็นคำสั่งของท่านอ๋อง พวกเราเพียงทำตามคำบัญชาเท่านั้น” “ไม่สงสัยเลยว่าครั้งนี้ข้าคิดจะติดตามท่านอ๋องเดินทางไปด้วยกันแต่พระองค์กลับทรงปฏิเสธไม่ยอม ตรัสอย่างไรว่ายังมีหน้าที่สำคัญที่รอพวกเราไปทำให้สำเร็จ หน้าที่สำคัญที่ท่านอ๋องทรงมอบหมายให้ คงไม่ใช่ให้เราไปปกป้องนังสารเลวนั้นน่ะ” จากสีหน้าของเย่นหลินมาดูแล้ว เป็นความจริงที่เป็นเช่นนี้ เย่นอิ่งต้องโกรธจนแทบบ้าไปแล้วแน่นอน “น่าตายนัก นังสารเลวนั่นไร้คุณธรรมไร้ความสามารถ!” พวกเขาเป็นมือขวาที่มากความสามารถของท่านอ๋อง แต่ตอนนี้กลับต้องมาอยู่ที่นี่ปกป้องผู้หญิงคนนั้น นั่นมิใช่หมายความว่าเขาห่วงใยนางมากหรอกหรือ เมื่อคิดถึงวันเหล่านี้ท่านอ๋องเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องผู้หญิงคนนั้นไม่น้อย จะอย่างไรเย่นอิ่งก็มิอาจควบคุมความรู้สึกอิจฉาในใจของตนเองได้ ถึงไง ๆ ก็ตอนนี้ท่านอ๋องไม่ได้อยู่ที่นี่ ไยไม่ฆ่านางตอนนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เย่นหลินรู้จักน้องสาวของตนดีมากแน่นอน ได้เห็นลักษณะหล่อนเวลานี้ก็รู้ว่าเรื่องต้องเลวร้ายแล้ว รีบขวางไว้เบื้องหน้ายับยั้งหล่อนไว้ “น้องสาว เจ้าใจเย็นลงสักนิดได้ไหม? ตอนนี้จางยวี่โหร่วนี้เป็นหมากที่สำคัญมากตัวหนึ่งสำหรับเรา มีนางอยู่ที่นี่ หนานหชู่นี้ไม่เปลืองแรงก็สามารถล่มสลายได้โดยตรง ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เราต้องฟังท่านอ๋องเป็นธรรมดา ยิ่งต้องปกป้องนางไว้ให้ดีอ่า” เห็นได้ชัดว่าเย่นหลินดูจางยวี่โหร่วไม่ชินตาตั้งแต่เริ่มแรก ไม่เข้าใจความคิดของท่านอ๋อง แต่เมื่อได้เห็นจางยวี่โหร่วกลับสามารถอาศัยพลังของหญิงสาวเล็ก ๆ คนหนึ่งสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนให้ราชสำนักทั้งหมด พลังอำนาจสองสามด้านเพื่อนางก็ต้องตกเข้าสู่สภาพแช่แข็งต่อกรกับศัตรู เขาก็ดูออกถึงความสำคัญของจางยวี่โหร่วและตระหนักถึงความลำบากใจของท่านอ๋องแล้ว
已经是最新一章了
加载中