ตอนที่79 กระเป๋าเงินใบเล็ก ๆ ยวนยางสีเลือด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่79 กระเป๋าเงินใบเล็ก ๆ ยวนยางสีเลือด
ต๭นที่79 กระเป๋าเงินใบเล็ก ๆ ยวนยางสีเลือด มุมมองของผู้ชายและผู้หญิงแตกต่างกันอย่างแน่นอน แม้แต่พี่ชายและน้องสาวร่วมอุทรมารดาเดียวกัน ความสนใจของเย่นอิ่งได้ถูกคลุมปิดไว้ในผู้ชายที่หล่อนมีใจรักตั้งนานแล้ว ตอนนี้พัวพันกับจางยวี่โหร่ว ไหนเลยจะไปสนใจอะไรมากขนาดนั้นน่ะ แต่ตอนนี้ได้ยินคำตักเตือนของพี่ชาย หล่อนคิดแล้วคิดดูเหมือนมีเหตุผลบ้างด้วย ถ้าไม่ใช่เย่นหลินได้เตือนตลอดที่อยู่ข้างกาย กลัวว่าจางยวี่โหร่วได้ตายไปภายใต้ความใจร้อนของหล่อนแปดร้อยครั้งแล้ว “ถ้างั้นเจ้าว่าในที่สุดจางยวี่โหร่วนี่หมายถึงอะไร? ตอนนี้อำนาจบารมีของตระกูลจางในราชสำนักก็ถือว่ามือเดียวปกปิดท้องฟ้าแล้ว แม้ว่าเฉินกั๋วกงเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขา ก็มิอาจกลายเป็นบรรยากาศอะไรได้ ตอนนี้ในวันปกตินางได้ทำเรื่องมากมายเช่นนี้ออกมาอย่างไม่มีเหตุผล คิดจะทำอะไรถึงที่สุด?” พูดถึงประวัติความเป็นมาของจางยวี่โหร่ว เย่นอิ่งก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยมากขึ้น ตั้งแต่เด็กนางก็เป็นคุณหนูทองพันชั่งอันสูงส่งเป็นที่รักใคร่โปรดปรานพันเท่าหมื่นทวี แต่พวกเขากลับเป็นเด็กกำพร้าไร้บ้านร่อนเร่พเนจรไปทั่วสารทิศ นางมีสรรพสิ่งทุกอย่างครบครันทั้งสิ้นแล้ว กลับยังคงไม่พอใจ ทุกครั้งที่นางสร้างปัญหาขึ้นก็ต้องให้ท่านอ๋องช่วยออกหน้าปิดฉาก ถ้าไม่ใช่เห็นว่านางยังมีคุณค่าในการใช้สอยได้ เย่นอิ่งไหนเลยจะยอมให้คนเช่นนี้ดำรงอยู่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านมาของจางยวี่โหร่ว หล่อนไหนเลยสามารถจินตนาการได้อีก หล่อนชื่นชมและอิจฉาชะตากรรมของจางยวี่โหร่วเช่นนี้ ถ้าได้รู้ความจริง กลัวว่าหล่อนให้ตายก็ล้วนไม่มีทางยินยอมทำการแลกเปลี่ยนกับนางเด็ดขาดน่ะ “มนุษย์ทุกคนไม่เคยรู้จักพอตลอดชีพ ต่อให้นางมีมาก ๆ แล้ว กลับคิดจะได้มากยิ่งขึ้น แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา งานในหน้าที่ของเราคือช่วยเหลือองค์ชายดี ๆ ทุกงานในหน้าที่ที่องค์ชายทรงมอบหมายมาให้เสร็จสมบูรณ์ เพียงเท่านี้จึงสามารถจบสิ้นแผนการการแก้แค้นอันยิ่งใหญ่ของเราให้สำเร็จในเร็ววันได้” คิดถึงความแค้นหนี้โลหิตลึกดั่งมหาสมุทรของพวกเขา แววตาของทั้งสองคนมีประกายเย็นชาและกระหายเลือดหลั่งไหลออกมา ... หลังจากจัดการเรื่องของเฉินซูเสียนเรียบร้อยแล้ว จางยวี่โหร่วรู้สึกสะใจมากมาหลายวันแล้ว ทุกครั้งในเวลานี้ นางก็ยิ่งขอบคุณโชคชะตามากขึ้น ที่ให้โอกาสนางมีชั่วชีวิตใหม่อีกครั้ง สามารถลงโทษคนถ่อยหลอกลวงเหล่านี้ด้วยมือของนางเอง แต่สิ่งต่อมาที่รอนางไปทำ ยังมีเรื่องอีกมากมาย อาทิเช่นตอนนี้... ภายใต้แสงตะเกียง จางยวี่โหร่วกำลังร้อยด้ายผ่านเข็ม ปักกระเป๋าเงินยวนยางใบหนึ่ง วันนั้นหลังจากหลิงจือเตือนแล้ว นางก็ได้ตระหนักว่าตนเองควรทำอะไรเพื่อเขาบ้าง ตอนนี้เป็นเวลาได้เกือบเดือนแล้วตั้งแต่เกิดใหม่ ดูเหมือนว่าโชคชะตาได้เชื่อมโยงคนทั้งสองเข้าด้วยกันตั้งแต่วินาทีนั้นที่นางเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเขาเป็นต้นมาหลังขึ้นเกี้ยวผิดคันอภิเษกสมรสเข้าพระตำหนักอ๋องชิงผิน ความไม่พอใจระแวง การแจ้งเตือน ข้อสงสัย ตั้งแต่ต้นจนถึงข้อคลี่คลายในใจบัดนี้ ความไว้วางใจมักจะเริ่มต้นอุบัติขึ้นทีละก้าว ๆ ออกมาอ่าเขาช่วยตนเองมากขนาดนั้นแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม นางก็ควรจะขอบคุณดี ๆ สักครา กระเป๋าเงินใบนี้ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่มีค่ามากอย่างใด แต่ก็เป็นนางเองได้ปักทีละเข็มทีละเส้นเพื่อเขา ยังเป็นความปรารถนาในใจของนางด้วย คิด ๆ นางกับหันยี่ฉีได้ผ่านเรื่องราวมากมายเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนว่าได้เป็นสามีภรรยากับเขา ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากเกินไปที่จะยอมรับได้ เขาได้จากไปแล้วสามวัน เมื่อแรกขณะเขาไปก็รีบเร่งมาก ถึงกับไม่ได้กล่าวกับนางสักครั้งด้วยตัวเอง เมื่อนางรู้ ยังมาจากปากของเสี่ยวเฟิงที่พูดออกมา คิด ๆ ว่าเขาเป็นเทพสงครามแห่งหนานหชู่ ตอนนี้แคว้นเยและแคว้นเชียวจับจ้องดินแดนของหนานหชู่พร้อมตะครุบดั่งพญาเสือ วิกฤตชายแดนเขาต้องรีบกลับไปทันทีที่มีเหตุฉุกเฉินทางการทหาร ในสนามรบที่เต็มไปด้วยคาวเลือดและการฆ่าฟัน นั่นเป็นสถานที่ที่อันตรายมากแห่งหนึ่ง ความเป็นความตายไม่สามารถคาดการณ์ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกำหนดเวลาที่จะกลับมา ครั้งนี้เขารีบจากไปอย่างรีบเร่ง จางยวี่โหร่วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นทั้งสิ้นโดยสิ้นเชิง เมื่อไรเขาจึงสามารถกลับมา แต่ในใจนางกลับรู้สึกกังวลเล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าใช่ไม่ใช่เพราะเหตุสมาธิแบ่งแยก ไม่ทั้งระวัง เข็มแหลมคมแทงเข้าไปในนิ้วมืออย่างแรง นางปวดจนขมวดคิ้วเล็กน้อย เลือดสดหยดแดงหยดหนึ่งก็ได้หลั่งลงมาแล้ว ไม่ดี กระเป๋าเงินจะเปื้อนแล้ว นางไม่สนใจนิ้วที่บาดเจ็บของตนเองรีบหยิบขึ้นมาดู กลับพบว่าที่ซึ่งเลือดหยดลงนั้น เป็นดวงตาของยวนยางพอดี สีแดงเข้มนั้น ไม่เพียงแต่ไม่ได้กลายเป็นข้อห้ามที่เห็นชัด กลับยังดูมีชีวิตชีวาสดใสเต็มไปด้วยพลังความหวังบ้าง เดิมนางยังรู้สึกลังเลบ้างว่าจะใช้ด้ายไหมสีใดไปปักเย็บผลิตดวงตาของยวนยาง เพราะดวงตาจึงเป็นแหล่งที่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้ดีที่สุดอ่า ตอนนี้ดูไปแล้วกลับเป็นฟ้าลิขิตจริงๆ เลือดหยดนี้ ก็ได้นำพรของนางไปด้วยเถอะ หวังว่าภายหน้าเมื่อเขานำกระเป๋าเงินใบนี้ติดตัว สามารถนำพาความสงบสุขมาให้เขา ... หันยี่ฉีไม่ได้อยู่ที่นี่ เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับเป่ยจื่อห้าว ทุกครั้งที่เขาได้ยินว่าหันยี่ฉีไปยังตำหนักไท่ซือหาจางยวี่โหร่ว เขาจะโกรธมากสุดขีดทุกครั้ง แต่ตอนนี้เขาก็จากไปนานขนาดนี้ทันที กำหนดกลับก็ไม่แน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะตายในสนามรบโดยตรงก็ได้ เช่นนี้แล้วไยจางยวี่โหร่วจึงมิใช่เป็นคนของเขาโดยตรงแล้วหรือ เขาก็ฉวยโอกาสใช้เวลานี้วางแผนกลยุทธ์เรื่องของเขาดี ๆ สักครา อย่างน้อยก่อนหันยี่ฉีจะกลับมา เขาต้องรีบทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก เป่ยจื่อห้าวมาหานางด้วยตนเอง แน่นอนเป็นไปไม่ได้ที่จางยวี่โหร่วมิอาจไม่พบ เรื่องราวได้พัฒนาจนกลายเป็นในลักษณะนี้แล้ว นางก็ไม่เชื่อว่า เป่ยจื่อห้าวไม่ได้รู้สึกอะไรจริง ๆ หรือมิฉะนั้นเขาก็เสแสร้งอย่างสิ้นเชิง เขายังสามารถหน้าด้านเช่นนี้มาเข้าพบ จางยวี่โหร่วต้องชื่นชมความไร้ยางอายของเขา “โหร่วเอ๋อร์ ล้วนเป็นความผิดของเปิ่นหวังที่ไม่ได้ปกป้องเจ้าอย่างดี ทำให้เจ้าได้รับความคับข้องใจยิ่งใหญ่มากขนาดนั้น ร่างกายของเจ้าดีขึ้นบ้างแล้วไหม?” จางยวี่โหร่วไม่ส่งเสียงหลบมือที่เหยียดออกของเขา น้ำเสียงแฝงความเหินห่างไม่แยแสอยู่บ้าง “ทั้งหมดผ่านไปหลายวันเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ใช่ว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไร ได้หายแล้วมาตั้งนาน ขอบพระทัยองค์ชายสามที่ทรงห่วงใยเพค่ะ” ถ้าเป็นเมื่อก่อน นางได้เห็นก็จะหลบ เขาก็จะรู้กาลเทศะเลิกราไป แต่คราวนี้เขากลับเดินตรงไปข้างหน้า ดึงนางเข้ามาในอ้อมอก “นี่เจ้ากำลังทำอะไร ปล่อยมือ ชายหญิงมิอาจใกล้ชิดกัน!” จางยวี่โหร่วรีบเริ่มดิ้นรนขึ้นมาทันที แต่นางไหนเลยสามารถมีกำลังมากกว่าเขาได้อย่างไร “โหร่วเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้ากับข้าแปลกหน้ากันเช่นนี้จนถึงระดับนี้แล้วหรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุสุดวิสัยในครั้งนั้น ตอนนี้เราได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว และเริ่มแรกเจ้าได้กล่าวไว้ สามเดือนผ่านไป ก็ไม่มีใครสามารถแยกข้าออกไปได้ เจ้าไม่ช้าก็เร็วต้องเป็นคนของเปิ่นหวัง ระหว่างเราก็ไม่ต้องพิถีพิถันมีพิธีรีตองเหล่านี้แล้วอย่างสิ้นเชิง” เขาจับมือทั้งคู่ของนางที่คิดต่อต้านไว้ กอดนางไว้แน่นในอ้อมอก นางไม่สามารถขยับได้ทั้งสิ้น เสี่ยวเฟิงถูกนางสั่งให้ไปชงชาแล้ว เวลานี้ในห้องมีเพียงเขาสองคน มิฉะนั้นเขาไหนเลยจะใจกล้าเช่นนี้ได้ จางยวี่โหร่วมิอาจพูดเรื่องนี้อย่างเปิดเผยเกินไป ได้แต่กล่าวโน้มน้าวตนเองให้ใจเย็นลงมาก่อน “องค์ชายสาม ท่านปล่อยมือก่อน มีวาจาพูดกันดี ๆ” แต่เป่ยจื่อห้าวมีท่าทีชนิดที่บีบบังคับถามให้จงได้ในที่สุด วันนี้ไม่ง่ายให้เขาสบโอกาสหนึ่งเช่นนี้ เขาไหนเลยจะยอมละเว้นปล่อยไปอย่างง่ายดาย “โหร่วเอ๋อร์ หรือเจ้าลืมนัดหมายระหว่างเราแล้วหรือ? ลืมสัญญาที่เราเคยให้ต่อกันแล้ว สัญญาไว้อย่างดีว่าจะจูงมือกันไปตลอดชีพ อยู่กันจนแก่จนเฒ่า” เขาก็ต้องการที่จะบีบคั้นนาง เพราะเขารู้ ในเมื่อจางยวี่โหร่วคิดจะแขวนเขาไว้ ก็ไม่กล่าววาจาที่ไร้น้ำใจออกมาแน่นอน 
已经是最新一章了
加载中