ตอนที่96 เขากลับมาแล้ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่96 เขากลับมาแล้ว
ต๭นที่96 เขากลับมาแล้ว เรื่องขององค์ชายสามได้รับการแก้ไขแล้ว หลังจากที่จางไท่ซือกลับมาแล้วก็ได้แจ้งผลบั้นปลายแก่นางแล้ว ลี่เฟยนั่นโกรธจนสีหน้าแทบจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่กลับได้แต่ต้องยอมกล้ำกลืนกินข้อเสียเปรียบจนใบ้ไปนี้ลงไปอย่างลับๆ แต่ถ้าเขารู้ว่าหลานสาวของตนเองได้รับบาดเจ็บมากยิ่งกว่านี้ ไหนเลยที่จิตใจเขายังจะรู้สึกผ่อนคลายเหมือนตอนนี้ได้กันเล่า? คนตระกูลจางพอได้ยินว่าลี่เฟยและองค์ชายสามถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ชายสามยังไม่ฟื้นตื่นมาในขณะนี้ ในที่สุดก็รู้สึกว่าได้ระบายความโกรธอันชั่วร้ายไปคำ แต่มีเพียงจางยวี่โหร่วคนเดียว จิตใจของนางยังหนักอึ้งมาก หลิงจือคิดจะอยู่กับนางมากอีกหน่อย แต่นางกลับบอกว่าเพียงคิดอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ สักพัก ผู้หญิงที่ผ่านเรื่องแบบนี้ ในจิตใจของนางย่อมต้องเจ็บปวดและน่าอายมาก เวลานี้คนข้าง ๆ พูดให้มากขึ้นอีก ก็ไม่สามารถมีบทบาทใช้การอะไรได้จริง ๆ ในความเป็นจริงหลิงจือก็เข้าใจจุดนี้ เพียงแต่นางกลัวว่าจางยวี่โหร่วจะทำอะไรโง่ๆอ่า นางสัญญากับนางครั้งแล้วครั้งเล่าว่านางต้องมีชีวิตอยู่ดี ๆ แน่นอน อย่างน้อยก็ยังไม่ได้เห็นเป่ยจื่อห้าวได้รับผลกรรมตามที่เขาสมควรได้รับด้วยตาตนเอง นางต้องดูแลถนอมชีวิตนี้ของนางให้ดี ๆ แน่ ๆ ความเจ็บปวดที่แท้จริงในใจของจางยวี่โหร่วดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับคนคนหนึ่ง กลัวอะไรอะไรก็มาจริง ๆ ขณะที่หลิงจือพยายามคิดหาหนทางที่จะช่วยแก้ไขปัญหาของจางยวี่โหร่ว คิดว่าจะทำอย่างไรจึงสามารถให้นางไม่ได้รู้สึกหดหู่เช่นนี้ลงไป เวลานี้เสี่ยวเฟิงกลับนำข่าวที่ไม่ทันคาดคิดป้องกันข่าวหนึ่งมาให้พวกนาง “คุณหนู อ๋องชิงผินเขากลับมาแล้ว” หลิงจือสังเกตเห็นได้ชัดว่า ในกลางแววตาของจางยวี่โหร่วพลันสว่างขึ้นมา แต่กลับเหมือนดอกไม้ไฟที่เบ่งบานในชั่วพริบตาแล้วจู่ ๆ ก็ดับลงไป ความคิดความอ่านของลูกผู้หญิง ทำไมนางจะไม่เข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางได้หมั้นหมายกับองค์ชายสอง นางยิ่งเข้าใจมากขึ้น การแสดงของยวี่โหร่วเช่นนี้ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าได้หวั่นไหวต่ออ๋องชิงผิน เพียงแต่ตัวนางเองไม่ได้พบเห็นอย่างสิ้นเชิงเท่านั้นเถอะ การแสดงออกของนางทั้งสองวันนี้ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงจุดนี้ได้อย่างชัดแจ้งทั้งหมด อ๋องชิงผินจากไป แม้ว่านางไม่พูด แต่คนทั้งคนกลับไม่ค่อยมีความสุขบ้างนัก แน่นอนนางจะมีความสุขมากถ้าเขาสามารถกลับมาเร็ว แต่ตอนนี้...นางจะยังสามารถเบิกบานใจขึ้นมาได้หรือ? “ใช่มั้ย? เขากลับมาแล้ว ทำไม...เร็วขนาดนี้จังน่ะ?” จางยวี่โหร่วกล่าวพึมพำ เสี่ยวเฟิงที่อยู่ด้านข้างก็มองดูนางอย่างกังวลใจ ไม่กี่วันนี้คุณหนูซูบไปไม่น้อยจริง ๆ ดูไปแล้ว ทั้งคนดูอ่อนแอราวกับสายลมระลอกหนึ่งก็สามารถพัดล้มลงมา คนอื่นมองดูนางเป็นผู้หญิงท่านหนึ่งที่ผ่านการตกใจป่วยมากมารอบหนึ่ง แต่มีเพียงพวกนางรู้ความนัยจึงได้ทราบว่าคุณหนูได้ผ่านเรื่องที่น่ากลัวมาอย่างไรแล้ว “เขากลับมาเมื่อไร?” บางทีในที่สุดก็จัดการกับสภาพจิตใจของตนเองเรียบร้อยแล้ว สีหน้าจางยวี่โหร่วดูสงบบ้างเล็กน้อย หลังจากนั้นมองดูเสี่ยวเฟิงพลางถามไถ่ “ดูเหมือนว่าเพิ่งกลับมา เขาไม่ได้กลับไปแม้แต่ที่พระตำหนักอ๋อง ก็มาที่นี่โดยตรงคิดอยากพบคุณหนูท่านน่ะ” อะไร? จางยวี่โหร่วยิ่งตกใจมากขึ้น “เจ้าพูดว่า เขาได้มาแล้วเหรอ?” “ใช่ค่ะ ก็อยู่ข้างนอก กำลังสนทนากับท่านไท่ซือและผู้ใหญ่น่ะค่ะ อ๋องชิงผินช่างดีต่อคุณหนูด้วยใจจริงซื่อสัตย์ค่ะ” ก่อนหน้านี้นางและหลิงจือเอ่ยถึงอ๋องชิงผินต่างตัวสั่นเทิ้มไปทั่วด้วยความกลัว แต่เมื่อได้อยู่ร่วมกัน จึงได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่ดีมาก ๆ จริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นเขาดีต่อคุณหนูขนาดนั้น ห่วงใยนางขนาดนั้น นางก็ต้องรู้สึกว่าอ๋องชิงผินเป็นคนดีแน่นอนอ่า แต่ยิ่งนางพูดแบบนี้ จางยวี่โหร่วก็ยิ่งเศร้าใจมากขึ้นเท่านั้น หลิงจือรีบส่งสายตาให้เสี่ยวเฟิงคราหนึ่ง ปรามให้นางไม่ต้องพูดมัวไป เวลานี้เสี่ยวเฟิงก็ตระหนักได้ว่าตนเองได้พูดวาจาผิดไปแล้ว รีบปิดปากตนเองไว้ “จะทำยังไงดี? ตอนนี้เจ้าจะออกไปไหม? ถ้าเจ้ายังไม่เตรียมตัวให้พร้อม ก็ให้ข้าช่วยเจ้าไปปฏิเสธไว้ก่อนคราหนึ่ง แล้วเจอกันวันข้างหน้าเถอะ” จางยวี่โหร่วส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่ต้องแล้ว ต้องเผชิญหน้า ไม่ช้าก็เร็วต่างก็ต้องเผชิญ” “นั่นน่ะ...เจ้าก็อย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไป อ๋องชิงผินเป็นคนดีขนาดนั้น ถ้าเขารักเจ้าจริง ๆ จะไม่รังเกียจเรื่องนี้” พูดไปแล้วกลับเป็นเรื่องง่าย เช่นยุคสมัยพวกเขาแบบนี้ ล้วนเห็นพรหมจรรย์ของหญิงสาวเป็นสิ่งสำคัญมากทั้งหมด ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่น อาจจะไม่มีหน้าตาที่จะดำรงชีวิตอยู่ในโลก เลือกผ้าไหมสีขาวผืนหนึ่งแขวนคอตัวเองที่ขื่อตายไปโดยตรงเถอะ จางยวี่โหร่วไม่รู้ว่าถ้าเปลี่ยนเป็นนางเมื่อก่อน จะทำการเลือกแบบไหนออกมา แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นตอนนี้ นางไม่เป็นแน่นอน แค่ได้ยินหลิงจือกล่าวว่า “รักชอบ” สองคำนี้ ในใจจางยวี่โหร่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ยบ้าง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา คนอื่นโดยส่วนมากก็มิอาจเข้าใจได้ ตอนแรกนางแค่คิดอยากใช้เขาให้หลุดพ้นจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัญหา รู้สึกว่าจุดประสงค์ของเขาก็ไม่บริสุทธิ์ด้วย แต่วันเหล่านี้ที่ได้อยู่ร่วมกัน เขาดูแลเอาใจใส่นางอย่างดี ทำให้จิตใจที่ระแวดระวังป้องกันของนางค่อย ๆ ล่มสลายไปทีละเล็กทีละน้อย แต่นางกลับไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเชื่อมโยงกับคำว่า “รักชอบ” เข้าไว้ด้วยกัน ท่ามกลางความกังวลและสับสนในวันเหล่านี้ นางไม่เคยกล้าที่จะไปคิดคำสองคำนี้เลย คิดมาถึงตรงนี้ ในใจนางอดไม่ได้เต้นขึ้นมาคราหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เช่นนี้ของนางในวันเหล่านี้ ดูเหมือนว่าในที่สุดก็มีการส่งมอบอันหนึ่งได้แล้ว แต่นางกลับไม่สามารถยอมรับการส่งมอบนี้ได้ “อืม เขาไม่สนใจหรอก” ไม่มีความรักแล้วไหนเลยจะมาสนใจ? เขาเพียงต้องการภรรยาหนึ่งคน แต่ไม่ใช่คนรักหนึ่งคน ทั้งหมดที่เขาทำเพื่อเธอก็เพราะเหตุนี้เท่านั้นเอง “ไม่สนใจอะไร?” เวลานี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงแหบแห้งไปบ้างที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากปากประตู ได้ยินเสียงนี้ ทั้งจางยวี่โหร่วและหลิงจือต่างสะดุ้งพร้อมกันทันที เงยหน้าขึ้นโดยบังเอิญพร้อมกันมองไปที่ทางเข้าประตู หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เห็นร่างสูงสง่าที่ดูแลอย่างดีสวมใส่หน้ากากบรอนซ์เขี้ยวหมาป่ายืนอยู่ที่ปากทางประตู เพราะการปกปิดของหน้ากากพวกนางไม่สามารถเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้ได้ชัดว่าเป็นอย่างไร แต่ดวงตาคู่นั้นที่หลังหน้ากากกลับค่อนข้างหม่นหมองจมลึกไปบ้าง จางยวี่โหร่วได้เห็นเขาครั้งแรก คนทั้งร่างก็ตกใจอึ้งไปหมด เหมือนถูกดูดเข้าไปในดวงตาของเขาโดยตรง ถึงกับทำให้ในใจมีความรู้สึกที่คุ้นเคยเป็นพิเศษชนิดหนึ่ง “อึ่ม? ทำไมพวกเจ้าต่างไม่พูดจาแล้ว เมื่อเปิ่นหวังได้เสด็จมา หรือว่ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถให้เปิ่นหวังได้รู้หรือ?” ปฏิกิริยาการตอบสนองกลับมาของหลิงจือรีบยิ้มพลางกล่าวพลางทันที “แน่นอนไม่มี เราเพิ่งเตรียมจะไปหาท่านอ๋อง ไม่คิดว่าพระองค์ท่านจะเสด็จมาแล้ว พระองค์ท่านไม่ได้เจอกับยวี่โหร่วติดต่อกันมาหลายวันเช่นนี้ ต้องมีวาจามากมายที่ต่างจะพูดต่อกัน ถ้าเช่นนั้นพวกท่านค่อย ๆ พูดกันไปเพค่ะ” หลังจากนั้น นางก็นำเสี่ยวเฟิงเดินออกไปด้วยกัน เดินไปถึงปากทางประตู นางอดไม่ได้หันกลับมามองดูจางยวี่โหร่วคราหนึ่ง ส่งสายตาให้กำลังใจนาง หลังจากนั้นจากไปและปิดประตูห้องให้พวกเขาอย่างเรียบร้อย คิด ๆ แล้วโชคชะตาช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างแท้จริง แรกเริ่มที่นางสวมชุดหงส์สวมมงกุฏคลุมผ้าพาดไหล่ทั้งตัวขึ้นเกี้ยวหามมาเข้าสู่พระตำหนักอ๋องชิงผิน นางได้เตรียมพร้อมที่จะต้องตายแล้ว กลางทางผ่านวัดปรักหักพังเพื่อหลบฝนก็เตรียมที่จะจบชีวิตของตนเอง เป็นจางยวี่โหร่วที่ช่วยชีวิตนางไว้แล้ว ตอนนี้ยังช่วยให้นางได้พบคนที่นางเองรักจริง ตอนนี้นางรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขบริบูรณ์มากที่สุดแล้ว แต่เมื่อได้เห็นลักษณะของยวี่โหร่วแบบนี้ นางไหนเลยสามารถสงบใจที่นางเองมีความสุขคนเดียวได้ลงคอน่ะ? หวังว่าอ๋องชิงผินอย่าให้นางผิดหวัง ยวี่โหร่วเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้น หวังว่าพระองค์จะทรงดูแลนางอย่างดี 
已经是最新一章了
加载中