ตอนที่99 บทลงโทษเย่นอิ่ง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่99 บทลงโทษเย่นอิ่ง
ต๭นที่99 บทลงโทษเย่นอิ่ง ในห้องทรงพระอักษรพระตำหนักอ๋องชิงผิน บรรยากาศหดหู่เย็นยะเยือกกดดันมาก ความกดดันแข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนโงหัวไม่ขึ้น ถึงกับกระทั่งหายใจแรงก็ยังไม่กล้าถอนหายใจสักครา เย่นอิ่งคุกเข่าบนพื้นดิน คุณลักษณะกล้าดีท้าทายโลดเต้นในอดีตนั้นไหนเลยยังกล้าที่จะแสดงออกมาอีก สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวไม่สงบ ผู้ชายได้มองดูหล่อนมานานแล้ว แววตาราวกับแฝงไว้ด้วยมีดนับไม่ถ้วน ค่อย ๆ เฉือนตัดร่างกายของหล่อนออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน เย่นอิ่งได้รู้ว่าตนเองผิดไปแล้วมานาน ตั้งแต่พี่ชายของหล่อนเย่นหลินบอกหล่อนเรื่องความเกี่ยวข้องในผลประโยชน์ผลเสียเหล่านั้นเป็นต้นมา หล่อนก็เริ่มกลัวตามหลังมา แต่ในโลกนี้ก็ไม่ได้ขายยาสำนึกเสียใจในภายหลังอย่างสิ้นเชิง ผิดแล้วก็คือผิดแล้ว ในที่สุดหล่อนก็ทนไม่ได้กับการกดขี่อันแกร่งกล้ายิ่งใหญ่นี้ได้ เริ่มขอไถ่โทษตัวเอง “ข้าน้อยรู้ว่าผิดแล้ว ขอท่านอ๋องทรงตำหนิลงโทษเพค่ะ” เขาเป็นผู้ชายซึ่งเป็นความหวังอันเทิดทูนดำรงอยู่ของหล่อนตลอดที่ผ่านมา เป็นผู้ชายที่หล่อนรักอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ครั้งแรกที่หล่อนได้เห็นเขาเป็นต้นมา สายตาของหล่อนก็มิอาจละไปจากร่างของเขาได้อีกแม้สักครึ่งหุน หล่อนสาบานว่าหล่อนเองจะต้องอยู่ข้างกายเขา ดังนั้นหล่อนจึงมุมานะต่อสู้เพื่อช่วงชิงชัยชนะ ฝึกวิทยายุทธ์อย่างหนัก แม้ว่าร่างหล่อนเป็นลูกผู้หญิง แต่กลับไม่แพ้ผู้ชายเหล่านั้นทั้งหมด ในที่สุด หล่อนได้อาศัยความพยายามของตนเองก้าวทีละก้าว ๆ จนได้ร่วมกับพี่ชายของหล่อนกลายเป็นผู้คุ้มกันข้างพระวรกายพระองค์ ขอเพียงได้เฝ้าอยู่ข้างพระวรกายพระองค์ มองดูพระองค์ หล่อนก็ตื่นเต้นจนหัวใจสั่นสะท้านไปหมด สามารถกลายเป็นผู้หญิงของเขา เป็นสิ่งที่หล่อนฝันใฝ่ใคร่อยากได้ แต่หล่อนกลับไม่กล้าเปิดเผยแสดงออก ในใจได้แต่ปลอบตัวเอง แม้ว่าตนเองมิอาจมีสถานะที่เหมาะสมอยู่ร่วมกับเขา แต่อย่างน้อยก็ไม่มีผู้หญิงอื่น ๆ ข้างกายเขา ไม่ช้าก็เร็วมีสักวันเขายังเป็นหล่อนได้ แต่ตอนนี้ จางยวี่โหร่วคนนี้กลับนำวิกฤตที่ยิ่งใหญ่มากไร้ที่เปรียบปานมาสู่หล่อน ทำให้หล่อนที่มิอาจควบคุมตัวเองได้อย่างสิ้นเชิง ถึงกับไม่สนใจทุกอย่างต่อต้านเป็นกบฏต่อพระราชโองการก็ต้องทำให้ไม่ได้จบฉากด้วยดี แต่ยังไง ๆ ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นชนรุ่นหลังของศัตรู หรือว่าหล่อนที่อยู่ข้างพระวรกายท่านอ๋องมาเป็นเวลาหลายปีเช่นนี้ ยังสู้จางยวี่โหร่วนังสารเลวคนนี้ไม่ได้หรือ? แววตาผู้ชายที่มองหล่อนพลันคมเฉียบอย่างรุนแรงขึ้นมา จู่ ๆ เขาก็ลงมือ ฟาดออกหนึ่งฝ่ามือกลางอากาศ ตามมาด้วยเห็นร่างของเย่นอิ่งราวกับสร้อยไข่มุกที่ขาดปานนั้นบินออกไปทันที บินออกไปจากปากประตูของห้องทรงพระอักษรโดยตรง ฝ่ามือนี้ ลงมือไม่เบาจริง ๆ อ่า ร่างอันหนักหน่วงของเย่นอิ่งตกลงบนพื้นดินแล้ว ปากอาเจียนเลือดสด หลังจากนั้นก็เป็นลมไป กลัวว่าเส้นเอ็นเส้นลมปราณทั้งร่างของหล่อนได้พิการไปแล้วครึ่งหนึ่ง เห็นหันยี่ฉีลุกขึ้น ดูเหมือนว่ายังคิดจะเสริมอีกดาบ ในใจเย่นหลินระย่อตกใจมาก รีบคุกเข่าลงบนพื้นดินขออภัยโทษทันที “ท่านอ๋อง นี่ล้วนเป็นข้าน้อยไม่ดี ข้าน้อยควรต้องปกป้องพระชายาให้ปลอดภัยด้วยกันกับนาง ลงพระอาญาก็ขอลงพระอาญาข้าน้อยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หลังหน้ากากบรอนซ์เขี้ยวหมาป่า ทันใดดวงตาที่มีประกายเย็นยะเยือกคู่นั้นก็จ้องเขม็งมองไปยังร่างของเย่นหลิน “เจ้าคิดว่าเปิ่นหวังได้ทรงลืมเจ้าไปแล้วหรือ? เรื่องเล็ก ๆ เท่านี้ยังจัดการไม่ได้ดี เปิ่นหวังต้องการพวกเจ้าที่ไร้ประโยชน์ไปทำอะไร? เปิ่นหวังผิดหวังในตัวพวกเจ้าถึงที่สุดแล้วจริง ๆ” เขาจากไปอย่างรีบเร่ง แม้รู้ว่าเย่นอิ่งมีใจเป็นศัตรูต่อจางยวี่โหร่ว แต่คิดว่าอย่างน้อยก็มีเย่นหลินอยู่ข้างกาย เขาก็ยังตื่นตัว ไม่ควรมีเรื่องอะไรจึงถูก แต่ตอนนี้...พวกเขากลับกล้าฝ่าฝืนขัดคำสั่งเขาอย่างเปิดเผย บ้าชิบน่าตายนัก! เขาไม่คิดกังวลเรื่องความปลอดภัยของจางยวี่โหร่ว แต่ในเรื่องผู้ใต้บังคับบัญชาฝ่าฝืนขัดคำสั่งของตน ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ด้วยโดยสิ้นเชิง เมื่อเย่นหลินได้ยินเขาพูดแบบนี้ พลันก้มศีรษะลงด้วยความรู้สึกผิดละอายใจยิ่ง ผิดแล้วก็คือผิดแล้ว เขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะแก้ต่างให้ตัวเองทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาจดจำคำฝากฝังของท่านอ๋องได้ แต่ถ้าเขาใส่ใจกับเรื่องนี้จริง ๆ เขาไม่ถึงกับได้ทราบอย่างโจ่งแจ้งว่าเย่นอิ่งมีความเป็นปรปักษ์กับจางยวี่โหร่ว ยังสามารถจากไปอย่างวางใจได้ กลัวว่าในจิตใจของเขาไม่เคยเห็นจางยวี่โหร่วอย่างสิ้นเชิง “ข้าน้อยรู้ผิด ขอท่านอ๋องทรงลงพระอาญา แต่ยังขอให้ท่านอ๋องทรงโปรดปล่อยเย่นอิ่ง ข้าน้อยยินดีที่จะแบกรับการลงโทษทั้งหมดเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ” เย่นหลินคุกเข่าลงบนพื้น โขกศีรษะอย่างหนักคราหนึ่ง น้องสาวของตนทำผิดพลาดแล้ว ถ้างั้นเขาที่เป็นพี่ชายคนนี้ก็ควรแบกรับไว้เพื่อหล่อน “แบกรับเองคนเดียว? ฮ่า ๆ...” เขาหัวเราะเสียงเย็นชาคราหนึ่ง แล้วมองไปที่เขา กล่าวว่า “เรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้อีก เจ้ามีคุณสมบัติอะรที่จะมาแบกรับ?” เย่นหลินไร้วาจาที่จะตอบ พฤติกรรมเช่นนี้ของเขาออกจะเกินเลยไปบ้างแล้วมิใช่หรือ เขาเป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่ง มีคุณสมบัติอะไรที่จะมาต่อรองกับเจ้านายของตนเองได้? “เจ้าคิดว่าหลายปีมานี้ สิ่งที่พวกเจ้าสองพี่น้องทำกัน เปิ่นหวังล้วนไม่รู้เรื่องสักนิดหรือ? หล่อนก่อเหตุเภทภัยมามากเท่าไรแล้ว แล้วเจ้าก็ช่วยเช็ดก้นให้หล่อนมาแล้วอีกกี่ครั้ง เจ้าคิดว่านี่เป็นการทำดีเพื่อหล่อนหรือ?” ในที่สุดผู้ชายก็พบว่าตัวเองได้หย่อนยานต่อพวกเขามากเกินไปแล้ว เย่นอิ่งกลายเป็นแบบนี้ในวันนี้ สัมพันธ์กับเขาที่เป็นพี่ชายคนนี้ตัดไม่ขาดโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าหล่อนจะก่อเภทภัยอะไรไว้ ทำผิดเรื่องใด ล้วนมีเย่นหลินช่วยรั้งท้ายให้หล่อน เมื่อเวลาผ่านไปยิ่งนานวันเข้า ความใจกล้าของหล่อนยิ่งมายิ่งโตขึ้น ตอนนี้กระทั่งคำสั่งเขาก็กล้าที่จะขัดขืน “ข้าน้อยรู้ผิด” ถึงแม้ว่าเย่นอิ่งทำเรื่องที่ผิดมากจริง แต่ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับท่านอ๋องอย่างดิ้นไม่หลุด เย่นอิ่งไม่ได้เป็นคนที่ไร้ความสามารถ มิฉะนั้นท่านอ๋องก็ไม่เลือกหล่อนไว้ข้างพระวรกาย ก็เป็นเพราะทุกครั้งที่ส่งหล่อนออกไปปฏิบัติหน้าที่ หล่อนล้วนทำได้สำเร็จดีมาก ดังนั้นท่านอ๋องจึงได้ใช้งานพวกเขาสองพี่น้องในตำแหน่งที่สำคัญ ถือว่าพวกเขาเป็นสมุนคู่ใจ แต่ทุกครั้งขอเพียงรู้ว่ามีผู้หญิงอยู่ข้างพระวรกายท่านอ๋อง หล่อนก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเช่นนั้น สูญเสียสติสัมปัชชัญญะไปทั้งหมด เตือนอย่างไรก็เตือนไม่อยู่ และสิ่งที่หล่อนทำออกมา ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเลือดเย็นอำมหิต ใช้อุบายจนทำให้ผู้คนโกรธจนผมชี้ขึ้นมาได้ ในเรื่องเหล่านี้มากกว่าครึ่ง ล้วนเป็นเพื่อจัดการผู้หญิงทั้งหมดที่คิดต้องการใกล้ชิดท่านอ๋อง หล่อนไม่อนุญาตให้ผู้หญิงใด ๆ ใกล้ชิดท่านอ๋องเด็ดขาด ได้พบเมื่อไร ก็ต้องกำจัดพวกนางทิ้งเสียโดยตรงอย่างลับ ๆ ช่วงแรกในใจเย่นหลินก็รู้สึกกระสับกระส่ายมาก แต่เมื่อเห็นว่าดูเหมือนท่านอ๋องจะไม่เคยให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านี้ ในใจเขาก้รู้สึกว่าโชคดีที่พระองค์ท่านไม่ได้สนใจโดยสิ้นเชิง แต่วันนี้ เขาจึงได้รู้ว่าความคิดเหล่านั้นของตนเองเมื่อก่อนนี้ ช่างน่าขันสิ้นดี วันนี้ วาจาเหล่านี้ที่ท่านอ๋องได้ทรงตรัสออกมา กึ่งหนึ่งทำให้พวกเขาความผิดหวังอย่างใหญ่หลวงถึงที่สุดจริง ๆ แล้ว “สี่คำนี้ของเจ้า กล่าวได้อย่างผ่อนคลายจริง ๆ อ่า วิญญาณอาภัพของผู้หญิงทั้งเจ็ดในพระตำหนักอ๋องนี้ ควรให้ใครเป็นผู้ไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมคืนคับข้องใจให้พวกนางเล่า? นั่นเป็นชีวิตมนุษย์เป็น ๆ เจ็ดคน พวกนางบริสุทธิ์ไร้ผิดอีกเช่นใด?” สีหน้าของเย่นหลินก็เปลี่ยนไปทันที ทรงตรัสเช่นนี้...ท่านอ๋องพระองค์ท่านล้วนทรงทราบหมดแล้ว? ถูกต้อง พระชายาเจ็ดองค์ที่ได้อภิเษกสมรสเข้าสู่พระตำหนักอ๋องชิงผินก่อนหน้านี้ ไม่ว่าใครต่างต้องตายอย่างกระทันหันหลังจากเข้าประตูมาไม่กี่วัน ดังนั้นชื่อเสียงเรื่องอ๋องชิงผินข่มภรรยาลือกระฉ่อนไปทั่วหนานหชู่ ผู้หญิงทุกคนที่เพียงได้ยินคำว่าอ๋องชิงผินเท่านั้น ก็จะสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และเหตุผลในเรื่องนี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับเย่นอิ่งน้องสาวของเขาอย่างหนีไม่พ้นทั้งสิ้น ผลลัพธ์นี้ เป็นหล่อนเจตนาสร้างขึ้น เพราะหล่อนไม่สามารถทนให้มีผู้หญิงใด ๆ ปรากฏอยู่ข้างกายของท่านอ๋อง ชีวิตของพวกนางต่างถูกฝังอยู่ในมือของเย่นอิ่งทั้งสิ้น 
已经是最新一章了
加载中