ตอนที่100 หนีไม่พ้นพรหมลิขิต   1/    
已经是第一章了
ตอนที่100 หนีไม่พ้นพรหมลิขิต
ต๭นที่100 หนีไม่พ้นพรหมลิขิต เริ่มตั้งแต่พระชายาองค์แรกซึ่งได้อภิเษกสมรสเข้าสู่พระตำหนักอ๋อง ความโชคร้ายของพระตำหนักอ๋องชิงผินก็ได้เริ่มขึ้นตามาด้วยแล้ว เขาไม่เคยปฏิเสธการอภิเษกสมรสพระราชทานของฮ่องเต้มาก่อน ไม่ว่าเขามีผลงานสงครามโด่งดังมากมาย ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ที่เบื้องนอก แต่ต้องเรียนรู้การเป็นขุนนางที่ผ่านเกณฑ์คนหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเชื่อฟัง แต่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องแต่ง แต่หลังจากแต่งงานเข้าประตูแล้ว ก็ตั้งใจที่จะให้เป็นแจกันดอกไม้ในพระตำหนักอ๋อง ปรนนิบัตินางทั้งกินดีดื่มดี แต่ไม่ได้วางแผนที่จะให้สามีและภรรยาที่แท้จริงแก่นางอะไร ก็ใช้ชีวิตแบบนั้นเท่านั้นพอแล้ว ดังนั้นในคืนเข้าห้องหอ เขาถึงกับไม่ได้ผ่านเข้าไปในประตูห้องใหม่ทั้งสิ้น พักผ่อนโดยตรงอยู่ที่ห้องทรงพระอักษร ผลบั้นปลาย เช้าวันรุ่งขึ้น พระชายาก็ถูกพบแขวนคอที่คานขื่อฆ่าตัวตายในห้องใหม่ ข่าวลือเรื่องอ๋องชิงผินข่มภรรยา ก็เริ่มต้นจากที่นี่ หลังจากนั้น คนที่สอง คนที่สาม จนกระทั่งถึงคนที่เจ็ด ทุกครั้งที่เจ้าสาวแต่งเข้าประตูมา ทุกคนล้วนมอดม้วยอย่างกระทันหันหลังจากเข้าประตูมาได้ไม่กี่วัน ต่อจากนั้นชื่อของอ๋องชิงผินข่มภรรยาก็ได้ลือกระฉ่อนไปทั่งเมืองหลวง จนเป็นที่รู้กันทั่วใต้หล้าทันที ชื่อเสียงเชิงลบเหล่านี้ของเขาถึงกับไปไกลเกินกว่าผลงานทางการศึกเหล่านั้นของเขามากกว่าหลายเท่า แม้ว่าเขาจะเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ในการศึกสงครามทะเลทรายต่อสู้เพื่อประเทศ แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าที่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเองไปฝ่าอันตรายด้วย ล้วนเห็นการดำรงอยู่ของพระตำหนักอ๋องชิงผินประดุจประตูนรกปานนั้น เมื่อเดินย่างก้าวเข้าไปก็มิอาจหวนกลับคืนมาได้แล้ว หันยี่ฉีไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้ ยังไง ๆ ก็เดิมเขาไม่คิดจะแต่งงานกับผู้หญิงพวกนั้น ต่อให้ตายไปแล้ว เขาก็ไม่ได้เจ็บปวดไม่ได้คัน และในจิตใจของเขา ยังต้องยุ่งกับการพัฒนาแผนการยิ่งใหญ่ของเขา ไหนเลยมีเวลาไปยุ่งเรื่องไร้สาระเหล่านี้ ดังนั้น ตลอดที่ผ่านมา ลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งเท่านั้นเอง ถึงกับยังรู้สึกโชคดีบ้างที่เย่นอิ่งได้ช่วยแก้ปัญหาใหญ่ให้เขาแล้ว จึงไม่ได้คิดบัญชีเรื่องการกระทำเหล่านี้กับหล่อน สุดท้ายกลับกลายเป็นว่านึกไม่ถึงตอนนี้หล่อนยิ่งมายิ่งใจกล้า นี่จึงได้ทำให้เขาสำนึกได้ ที่แท้เย่นอิ่งได้ทำเรื่องเกินเลยเถอะไปมากมายแล้ว แทบทำให้ผู้คนมิอาจทนได้ ต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง “ท่านอ๋อง ข้าน้อยสมควรตาย ขอท่านอ๋องทรงโปรดประหารข้าน้อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ” เย่นหลินคุกเข่าลงบนพื้น โขกศีรษะไม่หยุด ติดตามข้างพระวรกายพระองค์มาหลายปีเช่นนี้ เขาเข้าใจถึงอารมณ์ของพระองค์อย่างเห็นได้ชัด ไม่ติดตามสอบสวนก็แล้วกันไป แต่ถ้าติดตามสอบสวนขึ้นมา นี่เป็นเรื่องใหญ่ ในเมื่อผู้หญิงเหล่านี้ได้อภิเษกสมรสเข้าสู่ประตูมาแล้ว ในนามก็เป็นนายหญิงแม่บ้านของพระตำหนัก เย่นอิ่งได้ทำเรื่องวางแผนฆ่านายหญิง ฆ่าทำร้ายชีวิตหลายคนขนาดนั้น ช่างเป็นใจกล้าห่อฟ้าอย่างสิ้นเชิง อาชญากรรมที่ไม่สามารถให้อภัยได้ แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของเขา เขาในฐานะเป็นพี่ชาย ไม่สามารถควบคุมสั่งสอนน้องสาวของตนให้ดี อีกทั้งยังร่วมกับหล่อนทำความผิดแต่ต่อให้เขาต้องสู้สุดชีวิตก็ต้องปกป้องน้องสาวของตนอ่า หล่อนเป็นญาติของเขาในโลกนี้เพียงคนเดียวแล้ว “ฮ่า...แรกเริ่มเจ้ารู้ว่าหล่อนลงมือทำอะไรต่อผู้หญิงพวกนั้นอย่างชัดเจน เจ้ากลับไม่สั่งสอนไม่สนใจ เจ้าสมควรตายจริง ๆ หล่อนฆ่าคน เจ้าเป็นเพชฌฆาตคนนั้นที่ยื่นดาบให้ ทุกครั้งที่หล่อนฆ่าคนแล้ว เจ้ายังช่วยหล่อนปกปิดความจริง คิดจะบังฟ้าข้ามสมุทร เปิ่นหวังยังรู้สึกน่าขัน ข้างกายตนได้ปรากฏผู้ใต้บังคับบัญชาใจกล้าห่อฟ้าเช่นนี้สองคนตั้งแต่เมื่อไร หลอกลวงเปิ่นหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าคิดว่าฆ่าเจ้าแล้ว ก็สามารถลบล้างบาปกรรมที่หล่อนได้ทำไปแล้วหรือ?” เย่นหลินได้แต่ใช้แรงโขกศีรษะทูลขอการให้อภัย ในเวลาแบบนี้ นอกจากยอมรับความผิดก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว “พวกเจ้าสองพี่น้องสมควรตายจริง แต่รำลึกถึงพวกเจ้าได้ทำงานให้เปิ่นหวังมาหลายปีอย่างยากลำบาก ไม่มีผลงานก็มีงานหนัก เปิ่นหวังไม่ฆ่าเจ้าด้วย แต่เย่นอิ่ง...หล่อนไม่สามารถรั้งอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว เมื่อครู่เปิ่นหวังได้ทำลายเส้นเอ็นและเส้นลมปราณของหล่อนไปแล้ว ก่อนที่เปิ่นหวังยังไม่เปลี่ยนความคิด ทางที่ดีที่สุดเจ้ารีบพาหล่อนจากไป” สำหรับเย่นอิ่งที่ชอบเอาชนะผู้คนขนาดนั้น การสะบั้นเส้นเอ็นเส้นลมปราณขาด วันข้างหน้าต้องตกต่ำกลายเป็นคนพิการ สำหรับหล่อนแล้วเป็นเรื่องตายไปเสียยังจะดีกว่ามีชีวิตอยู่ซะอีกโดยสิ้นเชิง ถ้าหลังจากที่หล่อนตื่นขึ้นมา รู้ว่าท่านอ๋องได้ลงมือลงโทษเช่นนี้ ยังไม่รู้ว่าหล่อนจะบ้าจนกลายเป็นแบบไหนน่ะ แต่ตอนนี้เรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถช่วยให้หวนกลับไปดั่งเดิมอย่างสิ้นเชิง นี่ล้วนเป็นความผิดของเขาในฐานะเป็นพี่ชายคนนี้ เป็นเขาที่ไม่สามารถยับยั้งหล่อนได้ในตอนเริ่มแรก สั่งสอนอบรมหล่อนดี ๆ เขาคิดว่าแบบนั้นเป็นการดีเพื่อหล่อนทั้งหมด ผลบั้นปลายในที่สุดกลับเป็นการให้ร้ายหล่อนแล้ว ในใจเย่นหลินสำนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่สายไปแล้วที่จะพูดอะไร “ขอบพระทัยพระคุณท่านอ๋องที่ไม่สังหาร วันข้างหน้าข้าน้อยต้องสั่งสอนหล่อนเข้มงวดมากขึ้น ไม่ปล่อยให้หล่อนก่อเรื่องอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เขาได้แต่โขกศีรษะอย่างแรงคราหนึ่ง หลังจากนั้นอุ้มเย่นอิ่งที่หมดสติไปแล้วขึ้นมา แล้วรีบเดินออกไปจากที่นี่ ไม่รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว แววตาผู้ชายหลังหน้ากากมีประกายเยือกเย็นอำมหิตกระแสหนึ่งแวบผ่านไป ไอ้เย่นอิ่งที่น่าตายนี่ คิดไม่ถึงกล้าทำลายแผนการของเขา ถ้าไม่ใช่เห็นแก่หลายปีนี้หล่อนสัตย์ซื่อมาตลอด ต่อให้ฆ่าหล่อนไปแล้วก็ไม่เกินเลย หล่อนน่าชังมากนัก ก่อนที่เขาจะจากไปได้กำชับสั่งการอย่างเหนียวแน่น ต้องให้พวกเขาสองพี่น้องปกป้องความปลอดภัยของจางยวี่โหร่วแน่นอน ไม่อนุญาตให้นางเกิดเหตุเภทภัยใด ๆ แต่ว่า...ข้อผิดพลาดนี้ได้ถูกก่อขึ้นแล้ว มิอาจมีวิธีแก้ไขได้อีกแล้วทั้งสิ้น ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่ถัดมา เขาได้แต่สามารถเริ่มแผนการอีกแผนเท่านั้น ถึงยังไง ๆ ก็ไม่ว่าจะอย่างไร ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ไม่สามารถหนีพ้นไปจากฝ่ามือของเขา ... “ฮัดเช้ย!”อากาศดีชัด ๆ แสงอาทิตย์ส่องต้องร่างยังอบอุ่น คิดไม่ถึงจางยวี่โหร่วได้จามออกมาอย่างแรงครั้งหนึ่ง เสี่ยวเฟิงที่ด้านข้างกังวลแทบตาย รีบเข้าไปในห้องคิดเอาเสื้อคลุมให้นางตัวหนึ่งพาดไว้ “อากาศร้อนแบบนี้ ข้าร้อนจนแทบไม่ไหว เจ้ายังจะเพิ่มเสื้อผ้าให้ข้า ยังไม่รีบเอาลง” จางยวี่โหร่วแทบจะไร้วาจาไปบ้างแล้ว “แต่ว่า... คุณหนูไม่ใช่เป็นหวัดแล้วหรือ?” “ไม่มี ตอนนี้ข้าสบายดีมาก” เพียงแค่รู้สึกว่าเมื่อครู่ใจสับสนไปบ้าง ดูเหมือนว่าถูกใครบางคนรำลึกแล้ว หรือว่าเมื่อครู่มีใครบางคนกำลังคิดถึงนางหรือ? เสี่ยวเฟิงเห็นนางดูเป็นปกติ ก็ได้แต่ส่งเสื้อผ้ากลับไป จางยวี่โหร่วนั่งอยู่ใต้ต้นหลิวในลาน เท้าคางมองดูสระบัวตรงหน้า ความนึกคิกราวกับถูกอะไรจูงนำไป ได้จมเข้าสู่ภวังค์ นานเท่านานก็ไม่ได้สติกลับมา หลังจากที่เสี่ยวเฟิงกลับมา เพียงสามารถยืนอยู่ห่าง ๆ กลับไม่กล้าที่จะช่วยงานนางใกล้เกินไป กลัวว่าจะรบกวนนาง วันนั้นคุณหนูหายตัวไป ทั้งตระกูลจางทุกคนออกตามหาหนึ่งวันหนึ่งคืนก็ไม่พบเห็นร่องรอยทั้งสิ้น หลังจากนางกลับมา เสี่ยวเฟิงพบว่านางเงียบไปมาก ในแววตามีความเศร้าโศกกระแสหนึ่งตลอด แต่ต่อหน้าคนในครอบครัว นางพยายามควบคุมกลบเกลื่อนปิดบังไว้อย่างสุดฤทธิ์ เพราะนางไม่อยากให้พวกเขากังวลเพื่อนางเอง แต่นางกลับได้รู้ความจริงขณะเมื่อปรนนิบัติคุณหนูอาบน้ำในตอนเย็น เมื่อได้เห็น “รอยแดง” ที่ปูเต็มนั้นไปทั่วบนร่างนาง แน่นอนนางตกใจจนหน้าถอดสี ยังคิดว่าคุณหนูบ้านตนได้รับการทารุณอะไรมาแล้ว จนกระทั่งจางยวี่โหร่วได้อธิบายที่มาของรอยแดงเหล่านั้นต่อนาง นางจึงได้ตกใจตะลึงแล้ว นางกลัวว่าคุณหนูจะทนรับการโจมตีนี้ไม่ไหว ดังนั้นนางจึงได้อยู่ข้างกายนางเป็นเพื่อนนางมาตลอด ภายหลังอ๋องชิงผินกลับมาหานางแล้ว แต่นางกลับยิ่งเงียบกว่าแต่ก่อน ในใจของนาง ที่แท้กำลังคิดเรื่องอะไรน่ะ? ในเวลานี้ ใบหลิวใบหนึ่งได้ถูกลมพัดตกลงมาจากกิ่งไม้ที่ห้อยลงมา จางยวี่โหร่วเอื้อมมือออกไป ใบไม้ใบนั้นก็ตกเข้าสู่กลางฝ่ามือของนางพอดี นางที่ได้เงียบสงบมานานแล้ว ในที่สุดก็เอ่ยปากออกมาอย่างแผ่วเบา “แม้ว่าปกปิดซ่อนเร้นให้ลึกไปอีก ก็ต้องมีสักวันที่กระดาษหน้าต่างถูกทำลายแตกออกในวันนั้น ไม่ต้องพูดถึงสามวัน ต่อให้ผ่านไปสามวันอีกกี่รอบ คาดว่าข้าก็เปิดปากไม่ออกอยู่ดี” นางได้ขอเวลากับหันยี่ฉีเป็นเวลาสามวัน และได้ยืนยันกับเขาแล้วในความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางเอง ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ก็เพียงรอคอยคำตอบของนางเท่านั้นแล้ว แต่ตอนนี้ นางกลับถอยหดไปแล้ว ช่างเป็นคนขี้ขลาดซะจริง ๆ “คุณหนู คุณท่านใช่กำลังพูดกับข้าน้อยเหรอค่ะ?” เสี่ยวเฟิงรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างเคร่งเครียดทันที ช่วงสองสามวันนี้คุณหนูเงียบเกินไปแล้วนางกังวลว่านางจะทำอะไรโง่ ๆ จริง ๆ “ไม่มี ข้าเพียงแค่กำลังพูดกับตัวเองเท่านั้น” จางยวี่โหร่วยิ้มแดกดันคราหนึ่ง ทุกอย่างล้วนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ทุก ๆ วันนางตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ล้วนหวังว่าคืนนั้นจะเป็นเพียงฝันร้ายฉากหนึ่งเท่านั้น ขอเพียงฝันตื่นแล้ว ก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่เครื่องหมายชาดบนแขนนางได้หายไปแล้ว กำลังเตือนนางถึงความจริงอันเจ็บปวดที่ลึกซึ้งและตลกเรื่องหนึ่ง นางเชื่อว่าได้เกิดความรักต่อหันยี่ฉี เป็นสิ่งที่นางไม่สามารถจินตนาการได้มากที่สุดในท่ามกลางชั่วชีวิตนี้ แต่ตอนนี้นางได้สูญเสียความบริสุทธิ์ไป อีกทั้งในใจยังต้องต่อสู้อย่างแรงกล้าระหว่างความซื่อสัตย์และความกลัว เหตุผลล้วนเป็นเพื่อข้อเดียวนางก็รู้สึกจิตใจสับสนวุ่นวาย ไม่รู้จะทำยังไงดี ชั่วชีวิตนี้นางมาเพื่อแก้แค้น แต่ตอนนี้กลับเพราะคนคนเดียวก็ทำให้อารมณ์ของตนสั่นสะเทือนขนาดใหญ่เช่นนี้ เป็นเรื่องที่แย่ที่สุดจริง ๆ อ่า “คุณหนู เสี่ยวเฟิงรู้ว่าในใจคุณท่านรู้สึกเสียใจ คุณท่านมีอะไรในใจขอเพียงแค่บอกเสี่ยวเฟิง ให้ข้ามาแบ่งปันความกังวลบรรเทาปัญหาของคุณท่านดีไหมค่ะ?” เสี่ยวเฟิงเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของนาง อีกทั้งยังเป็นคนที่ใกล้ชิดกับนาง ไม่กี่วันมานี้การแสดงออกของจางยวี่โหร่วล้วนได้เห็นอยู่ในสายตา ดังนั้นจึงยิ่งเป็นกังวลมากขึ้น “มีบางเรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่อาจแก้ไขหวนกลับคืนมาได้แล้ว” ในที่สุดนางก็ลุกขึ้นยืน จ้องมองเสี่ยวเฟิงนิ่งพลางกล่าว น้ำเสียงจริงจังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “เจ้าไม่ใช่เพราะอ๋องชิงผิน ดังนั้นจึงได้พูดเรื่องไร้สาระเหล่านี้? ระหว่างเจ้าและอ๋องชิงผินไม่ใช่ได้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกในใจแล้วหรือ? อ๋องชิงผินรักชอบเจ้า ดีต่อเจ้ามาก ถ้าเขารักเจ้าจริง ๆ เขาต้องไม่สนใจเรื่องเหล่านี้แน่นอน และคุณหนูยังถูกคนใส่ร้าย นั่นไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของเจ้าอ่า” เสี่ยวเฟิงประโยคนี้ ก็ได้ทุบใส่ทฤษฎีซึ่งเก็บสะสมอยู่ในใจของจางยวี่โหร่วอย่างยากลำบากว่าด้วยความเกลียดชังแค้นเคืองเหล่านั้นมาก่อน ความรักชายหญิงมาทีหลังนั้นแตกป่นปี้ไป ตอนนี้นางตื่นเต้นมาก ได้แต่เพียงปลอบใจตัวเองในใจ ถ้าหันยี่ฉีปฏิเสธนางแล้ว นางควรมีวิธีคิดอย่างไรจึงสามารถให้ตนเองไม่ไปใส่ใจเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด มีแล้ว!ชาตินี้นางมาบังเกิดใหม่ ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นเหรอ? นางจะฆ่าเป่ยจื่อห้าว ลี่เฟย เฉินกั๋วกงและทุกคนที่ทำร้ายพวกเขาตระกูลจางในชาติปางก่อน ในวันนี้แผนการใหญ่ยังไม่สำเร็จ นางไหนเลยสามารถให้เรื่องความรักชายหญิงมาสะดุดพันเกี่ยวไว้ได้ วันข้างหน้า นางเพียงเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เพื่อความแค้นแล้วไม่สนใจในทุกสิ่งเท่านั้น เรื่องฤดูกาลทั้งสี่เหล่านั้น ชาติปางก่อนได้สั่งสอนนางยังไม่เพียงพอ นางยังจะตกต่ำเข้าไปหรือ? ดังนั้น นางจึงได้ว่า “วาจาไร้สาระ” เหล่านั้นในปากของเสี่ยวเฟิง ในความเป็นจริง นางเพียงแค่หาเหตุผลให้ตนเองก้าวลงมาจากเวทีได้เท่านั้น แต่ไม่ว่านางจะคิดเติมเต็มอีกอย่างไร ข้อเท็จจริงบางอย่าง กลับไม่อาจลบเลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อหัวใจได้สั่นคลอนไปแล้ว นั่นก็มิอาจมีปัญญาควบคุมตนเองได้อีกต่อไป และในที่สุดต้องตกต่ำลงไป ในใจนาง กังวลมาก ๆ ในการตัดสินใจของหันยี่ฉีจริง ๆ สำหรับเขา นางหนีไม่หลุดแล้วจริง ๆ 
已经是最新一章了
加载中