ตอนที่ 103 เป็นฝ่ายไปส่งถึงประตูบ้าน
1/
ตอนที่ 103 เป็นฝ่ายไปส่งถึงประตูบ้าน
พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 103 เป็นฝ่ายไปส่งถึงประตูบ้าน
ตนที่ 103 เป็นฝ่ายไปส่งถึงประตูบ้าน ได้ยินมาว่าเป่ยจื่อห้าวฟื้นแล้ว ในใจของจางยวี่โหร่วก็ความกังวลใดใด เธอเกลียดชังเป่ยจื่อห้าวเข้ากระดูกมาตั้งนานแล้ว เกลียดชังที่สุดจนหัวใจเริ่มรู้สึกชินชา หลังจากหมดทั้งที่เป่ยจื่อห้าวก็ทำเรื่องเลวร้ายหลายสิ่งหลายอย่างกับเธอมากมายในชาติก่อน จนถึงกับฆ่าคนในตระกูลของเธอทั้งหมด เธอก็รู้มาก่อนแล้วว่าเป่ยจื่อห้าวเป็นคนอย่างไร ความเคียดแค้นระหว่างเธอกับเขา อยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้ตั้งนานแล้ว และอย่างมากที่สุดก็แค่คิดบัญชีทั้งเก่าและใหม่พร้อมกับเท่านั้น จนต้องมีสักวันหนึ่งที่เธอจะเอาชีวิตสุนัขของเป่ยจื่อห้าวด้วยมือของตัวเธอเองให้ได้ และตอนนี้สิ่งที่ทำให้เธอลังเลใจ กลับเป็นอีกปัญหาหนึ่ง สามวันแล้ว ตอนแรกเธอไม่ได้กำหนดเวลาของตัวเองไว้มาก และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้าแล้ว ทุกครั้งเวลาที่เธออาบน้ำ ก็จะถูผิวของตัวเองแรงๆ ต่อให้ทั่วร่างกายจะแดงไปหมดก็ไม่หยุด แม้จะเป็นแบบนั้น เธอก็ยังรู้สึกว่าตัวเองสกปรกอยู่ ร่องรอยบนเรือนร่างได้หายไปแล้ว แต่ในใจของเธอกลับเป็นบาดแผลที่ไม่อาจจางหายไปได้ ของบางอย่าง เมื่อสูญเสียไปแล้ว ก็ไม่อาจเอากลับคืนมาได้ ดังนั้น ก่อนหน้านั้นเธอสามารถเผชิญหน้ากับหันยี่ฉีได้อย่างสงบใจ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกต่ำต้อยโดยสัญชาตญาณจนรู้สึกว่าติดค้างอะไรกับเขาไว้ นี่คือข้อตกลงที่พวกเขาเคยตกลงกันก่อนหน้านั้น แต่เธอสูญเสียหมากในการต่อรองไปอย่างกะทันหัน ต่อให้เธอมีความคิดในใจแบบนั้นก็เป็นเรื่องปกติ ในขณะนั้น เธอกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองดูตัวเองในกระจกอย่างเลื่อนลอยและรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย ในกระจกสีบรอนซ์เป็นภาพของใบหน้าที่สวยงดงาม ผิวพรรณขาวดั่งหิมะ ริมฝีปากแดงกระจับ ฟันขาวสว่าง งามจนล่มเมือง เว้นแต่ว่าเธอไม่ต้องการไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ไม่อย่างนั้นผู้หญิงในโลกนี้จะมีใครที่มีเสน่ห์ฉลาดและสง่างามเช่นเธออยู่อีก? เสี่ยวเฟิงยืนอยู่ข้างหลังเธอพร้อมยิ้มและพูดว่า “ คุณหนู วันนี้ท่านช่างงดงามเหลือเกิน หากท่านอ๋องชิงผินเห็นล่ะก็ จะต้องหลงใหลจนหัวปักหัวปําแน่ ” นี่เป็นความต้องการของจางยวี่โหร่วเอง เธอต้องการแต่งตัวด้วยหัวใจ ไม่ว่าจะเพื่ออะไร เธอจะต้องช่วงชิงผลลัพธ์เพื่อตัวเองมาให้ได้ และเธอยังมีเรื่องขอร้องเขา มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยให้เธอจัดการเรื่องให้สำเร็จได้ เธอจะไม่มีวันยอมแพ้ อย่างแน่นอน เธอลุกขึ้นยืน แล้วพูดเบาๆว่า “ พอได้แล้ว เราไปกันเถอะ ” เรื่องนี้เป็นเรื่องของตัวเธอเอง เธอควรจะกล้าเผชิญหน้า ดังนั้นเธอต้องไปหาเขาที่ตำหนักอ๋องชิงผิน ไม่ใช่รอให้เขามาหาถึงหน้าประตูบ้าน เคยมาที่ตำหนักอ๋องชิงผินหลายครั้งแล้ว แต่สภาพจิตใจในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนมาก คนในตำหนักรู้จักเธออย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นเธอก็รีบทำความเคารพและเรียกเธอว่าพระชายาทันที หากพูดในนาม เธอก็คือภรรยาของหันยี่ฉีและเป็นพระชายาของตำหนักอ๋องชิงผิน แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า พระชายาอย่างเธอเป็นแค่ในนามเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือ เธอใกล้จะเดินถึงห้องหนังสือของหันยี่ฉีแล้ว แต่เหตุใดยังไม่เห็นเย่นอิ่งปรากฏตัวออกมาเลย ไม่ว่าครั้งไหนที่จางยวี่โหร่วมาหาเขาก่อนหน้านั้น เธอจะคอยจับตามองอยู่ข้างๆตลอดไม่ใช่หรือ เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาร้ายของเธอ ก็เหมือนกับต้องการจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ หรือว่าเธอถูกส่งออกไปปฏิบัติงาน? อาจจะเป็นเพราะใจที่คอยอยากรู้อยากเห็น เธอทำให้สาวใช้ที่คอยรับหน้าประตูตั้งข้อสงสัยกับตัวเอง กลับไม่คิดว่าสาวใช้คนนั้นจะสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและบอกว่าแม่นางเย่นอิ่งได้ถูกลงโทษจากท่านอ๋องเพราะทำผิดมา ในภายภาคหน้าก็จะไม่ได้อยู่ข้างกายท่านอ๋องอีกต่อไป เมื่อได้ยินข่าวนี้ จางยวี่โหร่วรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านั้นเธอคิดว่า เย่นอิ่งกับเย่นหลินสองพี่น้องเป็นผู้คุ้มกันข้างกายของหันยี่ฉีและสามารถช่วยเขาจัดการเรื่องต่างๆมากมาย เป็นผู้ช่วยคนสนิทและฝีมือดีของเขา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน ถึงได้ทำให้เขาโกรธถึงเพียงนี้ และยังไล่เย่นอิ่งไปอีก มันน่าแปลกใจมากเลยไม่ใช่หรือ? เพียงแต่ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ เธอคอยดูแลตัวเองให้ดีก่อนจะดีกว่า เพราะว่าห้องหนังสือนั้นใกล้เข้ามาตรงหน้าเธอแล้ว “ ท่านอ๋อง พระชายามาแล้วเพคะ! ” เห็นได้ชัดว่าคนข้างในได้ยินที่พวกเขาพูดแล้ว ไม่นานนัก ประตูห้องหนังสือก็ถูกเปิดออกและเห็นภาพเงาของคนร่างสูงยาวใส่ชุดสีขาวที่มีเสน่ห์และสุภาพเรียบร้อย แต่สิ่งที่สะดุดตายิ่งกว่า กลับเป็นหน้ากากหมาป่าสีบรอนซ์บนใบหน้าที่ดูเหมือนพญายมในนรกของเขา ทุกครั้งที่เห็นหน้ากากนี้ อารมณ์อื่นๆในตัวเขาก็จะถูกคนมองข้ามได้ง่าย เมื่อพาจางยวี่โหร่วมาส่งถึงที่ห้อง สาวใช้คนนั้นก็รีบถอยกลับไปทันที เสี่ยงเฟิงก็ถอยกลับไปอย่างรู้เรื่องเช่นกัน ต่อจากนี้ก็ให้เวลาส่วนตัวพวกเขาทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน เธอให้กำลังใจคุณหนูของตัวเองอย่างไม่หยุดย่อนอยู่ในใจ เชื่อว่าเธอจะต้องทำได้ ทั้งสองคนสบตากัน บรรยากาศเงียบสงบมาก จนสุดท้ายหันยี่ฉีเป็นคนเอ่ยปากพูดก่อน “ ที่เจ้ามาในวันนี้ เพราะต้องการบอกคำตอบของเจ้าแก่ข้า? ” จางยวี่โหร่วพยักหน้า แต่ภายใต้แขนเสื้อมือของเธอกลับกำผ้าเช็ดหน้าแน่น “ เช่นนั้นก็เข้ามาเถอะ ” เขาเปิดทางให้เธอและเดินนำทางไป จางยวี่โหร่วก็เดินตามเขาเข้าไป แต่ในขณะนั้นเขากลับไม่ได้ร้อนใจที่จะซักถามเกี่ยวกับปัญหาในใจของเธอเลย แต่กลับพูดถึงปัญหาอีกเรื่องก่อน “ ใช่แล้ว ที่เจ้าให้ข้าช่วยตรวจสอบเรื่องในครั้งก่อน ข้าได้เรื่องราวมาเรียบร้อยแล้ว ” จางยวี่โหร่วตกตะลึงแล้วมองเขาด้วยความประหลาดใจ เธอรู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร นั่นเป็นเรื่องที่เธอขอร้องให้เขาช่วยตั้งแต่แรก “ ท่านตรวจสอบเจออะไรงั้นรึ? เรื่องกองกำลังทหารที่เป่ยจื่อห้าวฝึกฝนอย่างลับๆ เขาจะต้องซ่อนไว้ในสถานที่ที่ซ่อนเร้นและจะต้องไม่เป็นที่รู้จักของคนอื่นอย่างแน่นอน ท่านรู้แล้วจริงรึ? ” สำหรับเรื่องนี้ จางยวี่โหร่วไม่สามารถเพิกเฉยได้จริงๆ ถ้าหากไม่ได้นำความทรงจำในชาติก่อนมาด้วย เธอคงจะจินตนาการถึงองค์ชายสามที่ภายนอกดูซื่อสัตย์และอ่อนโยน แต่เบื้องหลังกลับแอบฝึกฝนกองกำลังของตัวเองอย่างลับๆ และหวังจะยึดราชบัลลังก์ไม่ออกแน่ ความลับนี้ เขาซ่อนไว้ลึกมากและไม่มีใครรู้เลยสักคน ดังนั้นในตอนที่เขาก่อกบฏและบีบบังคับให้สละราชบัลลังก์ ถึงได้ไม่ทันตั้งตัวขนาดนั้น หลังจากที่เขาขึ้นครองบัลลังก์ ก็ได้ขยายกองกำลังของเขาให้ใหญ่มากขึ้น เริ่มพูดว่าอำนาจทั้งหมดอยู่ในกำมือของเขา ใส่ความขุนนางที่มีคุณธรรมและอ่อนโยน หรือแม้แต่ทำร้ายตระกูลจางที่ช่วยเหลือเขามาโดยตลอด เขานั้นเป็นสัตว์เดียรัจฉานที่จิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า ไม่มีค่าที่จะเรียกว่าเป็นคนเลยสักนิด ถ้าหากไม่สามารถค้นหากองกำลังที่ซ่อนไว้ของเป่ยจื่อห้าวได้ ในใจของจางยวี่โหร่วคงจะวิตกกังวลอยู่ตลอดแน่ “ ใช่ เจ้านี่ร้ายกาจมาก เรื่องซ่อนเร้นขนาดนั้นก็สามารถสังเกตเห็นได้ ต่อให้เป็นข้า ก็คงจะใช้ความคิดอย่างมากถึงจะหาเงื่อนงำเล็กๆนี้ได้ แต่ ณ เวลานี้ก็มีเพียงแค่เค้าโครงเท่านั้น” จางยวี่โหร่วรีบพยักหน้า “ อื้ม ข้าเข้าใจ เพียงแต่ก่อนหน้านั้นท่านอยู่ที่เมืองหลวงมาตลอดไม่ใช่หรือ ต่อมาแคว้นเยมารุกราน ท่านจึงต้องรีบกลับไปควบคุมสถานการณ์ ท่านจะมีเวลาไปตรวจสอบเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? ” ดวงตาสีดำเย็นชาภายหลังหน้ากากคู่นั้น ประกายไปด้วยความหมายอันลึกซึ้งในทันที “ เจ้าคิดว่า ใครๆก็สามารถรู้ที่อยู่ของข้าได้อย่างชัดเจนงั้นรึ? ” นี่หมายความว่าอย่างไร? จางยวี่โหร่วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาไปชายแดน นั่นเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เขาพูดแบบนี้ออกมา หมายความว่าเขาไม่ได้ไปชายแดนเลยใช่หรือไม่ เช่นนั้นเขาอยู่ที่ใดกันแน่? “ คนโง่เอ๋ย เรื่องที่เจ้าให้ข้าทำ ข้าต้องใส่ใจช่วยเจ้าให้สำเร็จอยู่แล้ว ถึงแม้ตัวข้าจะอยู่ที่เมืองหลวง แต่ก็ได้ส่งคนไปตรวจสอบอย่างลับๆแล้ว ต่อมาคนของข้ากลับมารายงาน บอกว่าเจอเบาะแสบางอย่าง เพื่อที่จะรับประกัน ข้าก็ต้องไปยืนยันด้วยตัวเองก่อน มีแค่วิธีนี้เท่านั้น ถึงจะไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ” จางยวี่โหร่วตกตะลึงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงพูดได้ว่า เรื่องเร่งด่วนที่ชายแดนและต้องการให้เขากลับไปควนคุมสถานการณ์อะไรนั้น เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น? เหตุผลที่เขาจากไปก็เพื่อไปช่วยจัดการธุระของเธอ เธอมีความรู้สึกซับซ้อนในใจทันทีและมีความซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูกด้วย “ เช่นนั้นท่าน...ท่านก็ทำความผิดโทษฐานหลอกลวงเลยสิ ท่านไม่กลัวว่า...” ใครๆต่างก็รู้เหตุผลที่เขาจากไป รวมไปถึงฮ่องเต้คนปัจจุบันด้วย ถ้าหากพวกเขารู้ว่าเขากำลังหลอกลวงปิดบังอะไร เช่นนั้นต่อให้เขาเป็นถึงอ๋องชิงผินที่ฐานะสูงส่ง ก็ยากที่จะหนีความผิดได้ เขาไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปเสี่ยงอันตรายเพื่อเธอเลยจริงๆ “ กลัวอะไร? เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า หากแม้แต่ผู้หญิงของตัวเองที่แสดงความปรารถนาเล็กๆขึ้นมา ข้ายังไม่สามารถช่วยได้ จะเป็นสามีของเจ้าได้อย่างไรกัน? เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า สมควรแล้วที่ข้าจะทำเพื่อเจ้า” เขากำลังพูดอะไรกันแน่ นี่มันเป็นความผิดฐานหลอกลวงมีโทษประหารเก้าชั่วโคตรเลยนะ ตอนนี้เขาพูดอย่างสบายใจได้อย่างไรกัน? จางยวี่โหร่วจ้องมองเขาอย่างแน่วแน่ เธอพยายามจัดการความรู้สึกในใจของตัวเองเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะคำพูดของเขาจึงเริ่มวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง เขาคืออ๋องชิงผินที่มีเกียรติสูงส่ง ตำแหน่งในราชสำนักคนธรรมดาไม่สามารถเทียบได้ อีกทั้งยังสามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่ฝักใฝ่อำนาจกับฝ่ายใด นั่นเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างยิ่งจริงๆ แต่ว่าในตอนนี้ เขากลับเข้ามาอยู่ท่ามกลางการต่อสู้เหล่านี้เพื่อเธอ ถึงขนาดไม่เสียดายที่จะเอาตัวไปเสี่ยงอันตราย ครั้งนี้จางยวี่โหร่วคงจะพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แล้วจริงๆ “หันยี่ฉี ขอบคุณนะ! ” นอกจากสามคำนี้ เธอก็ไม่รู้จริงๆว่าควรจะแสดงความรู้สึกซาบซึ้งใจของตัวเองอย่างไร “ เจ้าควรรู้ว่า ข้าไม่ชอบรับคำพูดลอยๆเหล่านี้ สิ่งที่ข้าต้องการคืออะไร ในใจของเจ้าควรจะรู้ดี” มือทั้งสองข้างของเธอโอบรอบคอของเขา ทันใดนั้นก็ยกนิ้วเท้าขึ้นและประทับจูบลงบนริมฝีปากของเขา จากนั้นก็ค่อยๆหลับตาลง นี่คือครั้งแรกที่จางยวี่โหร่วเป็นคนเริ่มก่อน นับตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักกันมาเป็นเวลานาน นี่อธิบายได้ว่าใจของเธออยู่ที่เขาเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ จึงได้ทำเช่นนี้? ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของเธอ หากต้องการให้เธอเป็นคนเริ่มก่อนสักครั้งหนึ่งนั้น ยากกว่าการไปสวรรค์เสียอีก เขาตกใจแล้วกระชับเอวของเธอแน่น จากนั้นจูบให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับจางยวี่โหร่วที่ไร้ประสบการณ์แล้ว ชายหนุ่มเข้าใจและคุ้นเคยอย่างเห็นได้ขัด ลิ้มรสความหวานของเธออย่างเต็มที่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสเธอ แต่ว่าทุกครั้งล้วนยากจะลืมเลือนได้ ทั้งๆที่ตอนแรกเพียงแค่อยากจะใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น แต่ตราบใดที่ได้สัมผัสถึงเธอ ก็เหมือนกับถูกพิษร้ายแรง ทำให้เขาอยากตกหลุมพรางลงไปโดยไม่รู้ตัว เธอเป็นถึงหญิงสาวตระกูลจาง แต่กลับมีความต้องการเช่นนี้ ในเมื่อเธอริเริ่มอยากมอบร่างกายให้เขาก่อนจริงๆ เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ เมื่อคิดว่าเธอจะถูกเขากดลงด้านล่างและเพลิดเพลินไปกับเรือนร่างอันสวยงามของเธออย่างเต็มที่ เขาก็รู้สึกว่าด้านล่างหน้าท้องแน่นขึ้น สายตาก็ประกายไปด้วยความรู้สึกเป็นสุขของการตอบโต้
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 103 เป็นฝ่ายไปส่งถึงประตูบ้าน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A