ตอนที่ 105 เขาก็เป็นผู้ต้องสงสัย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 105 เขาก็เป็นผู้ต้องสงสัย
ต๭นที่ 105 เขาก็เป็นผู้ต้องสงสัย มีผู้ชายคนไหนที่จะไม่รังเกียจความบริสุทธิ์ของผู้หญิง เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้เขาเห็นแล้ว ตอนนี้เธอไม่ได้บริสุทธิ์อีกต่อไป เขาไม่เอ่ยปากพูดอะไรตั้งนาน เห็นได้ชัดว่าเขาจะทิ้งเธอ หรือว่าตอนนี้เธอยังไม่น่าอับอายมากพอ หรือจะต้องให้เธอเอาศักดิ์ศรีของตัวเองเหยียบย่ำไปแทบเท้าอย่างรุนแรงถึงจะถึงจะหยุดได้? ได้ ถ้าหากเขาต้องการแบบนั้น เธอก็จะทำให้เขาพอใจ ทันใดนั้นเธอก็ผลักเขาออก ยืนข้อมือของตัวเองไปตรงหน้าเขา “ ท่านไม่เห็นหรือไง? ท่านพูดมาตลอดว่าต้องการให้ข้ามอบทั้งกายและใจให้ท่าน แต่ตอนนี้สิ่งที่ท่านต้องการไม่มีแล้ว ถ้าหากท่านคิดว่าข้าสกปรกและไม่ต้องการข้าแล้ว ก็พูดมาตามตรง ข้าจะไม่รั้งท่านไว้อย่างไม่ละอายใจแน่นอน” ในตอนนี้เธอสูญเสียการควบคมอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด จนแม้แต่คำพูดก็ไร้เหตุผลเล็กน้อย ท่าทางของชายหนุ่มสงบนิ่งอย่างมาก ไม่ได้รู้สึกโกรธเพราะถูกสวมเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เพราะแบบนี้จึงทำให้จางยวี่โหร่วยิ่งรู้สึกอับอายมากขึ้นอีก เขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เพียงแค่เพราะเขาไม่ได้ใส่ใจสินะ “ ข้าเห็นแล้ว แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว เจ้าต้องการจะให้ข้าแสดงท่าทีอะไร? ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยตอนนี้เจ้าก็ยังยืนอยู่ตรงหน้าข้าอย่างปลอดภัย สิ่งที่ข้าห่วงใยเจ้ามากที่สุด ก็คือตัวเจ้าเท่านั้น! ” นี่...เป็นคำหวานที่ประทับใจที่สุดที่จางยวี่โหร่วเคยได้ยินมา เมื่อครู่นี้เธอยังรู้สึกว่า เขาจะต้องรังเกียจเธอแน่และไม่อยากเห็นหน้าเธออีกต่อไป แต่ตอนนี้...เธอกลับถูกพูดสะเทือนถึงใจแล้วจริงๆ “ แต่ว่า...” เธอยังรู้สึกไม่อยากเชื่อเล็กน้อย “ ท่านไม่คิดจะถามถึงสาเหตุสักหน่อยหรือ? ว่าข้าทำอะไรจึงทรยศท่าน หรือว่ายังมีอะไรปิดบังอีกบ้าง ท่านไม่อยากรู้เลยหรือ? ” ถ้าหากไม่ถามเรื่องราวให้ชัดเจน เขาก็ให้อภัยเธออย่างง่ายดาย มันจะปลอมเกินไปหรือเปล่า? ถึงแม้จางยวี่โหร่วจะซาบซึ้งใจ แต่ก็ไม่ถึงขนาดสับสนไปทั้งหมด จนแม้แต่ทักษะการคิดขั้นพื้นฐานมากที่สุดก็ไม่มี “ ไม่กี่วันมานี้ เกิดเรื่องขึ้นมากมายในเมืองหลวง องค์ชายสามถูกทำร้าย คุณหนูคนโตตระกูลจางก็หายตัวไป แม้ว่าข้าจะไม่อยู่ในเมืองหลวงก่อนหน้านั้น แต่หลังจากกลับมาก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้เรื่อง?” เขาหมายความว่า เขารู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว? ที่พูดมาก็ถูก เธอมองข้ามจุดนี้ไปได้อย่างไรกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นถึงท่านอ๋องชิงผิน จะไม่มีคนที่เป็นหูเป็นตาให้เขาในเมืองหลวงนี้ได้อย่างไรกัน ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็จะต้องมีคนส่งข่าวให้เขาอยู่แล้ว? แต่ว่า ถึงแม้เขารู้เรื่อง ก็รู้เพียงแค่ว่าเธอหายตัวไปกับเป่ยจื่อห้าว แต่เรื่องที่เธอเสียตัวเขาจะรู้เรื่องได้อย่างไร? จากท่าทีของเขาเมื่อครู่นี้ เขาก็ไม่ได้ตกใจอะไรเลย ราวกับว่ารู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว เมื่อครู่นี้จางยวี่โหร่วรู้สึกซาบซึ้งใจ แต่ตอนนี้อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา ตอนนี้แม้แต่คนในตระกูลก็ถูกเธอปิดบัง นอกจากหลินจือกับเสี่ยวเฟิงแล้ว ไม่มีใครล่วงรู้ความลับนี้ และเธอก็เชื่อว่าพวกเธอจะไม่มีวันทรยศเธอ หรือว่าเขารู้อะไรอยู่แล้ว? หรือว่านี่เป็นแผนการของเขากับเป่ยจื่อห้าวร่วมมือกัน? เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของจางยวี่โหร่วก็จมลึกมากขึ้น ถ้าหากนี่เป็นความจริง เช่นนั้นเธอจะยอมรับได้อย่างไร “ ไม่อนุญาตให้มองข้าด้วยแววตาสงสัยเช่นนี้!” เขาบีบคางของเธอไว้ บังคับให้เธอมองตาของตัวเอง เมื่อถูกเธอมองด้วยสายตาแบบนั้น ในใจของเขารู้สึกแน่นทันทีและมีความรู้สึกลึกลับอย่างอธิบายไม่ได้ ทำให้เขาไม่สบายใจอย่างมาก เขาจึงทำได้แค่ปกปิดตัวเองด้วยน้ำเสียงเย็นชาเท่านั้น สงสัย? ตอนนี้เธอก็เพียงแค่สงสัยเท่านั้น ตอนที่เกิดเรื่องขึ้น เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงและยังจากไปเพราะเรื่องของเธอ ถ้าหากตอนนี้เธอสงสัยเขาโดยไม่แยกแยะว่าอะไรถูกอะไรผิด มันจะไม่มากเกินไปหรือ? “ เช่นนั้นท่านบอกข้ามา ท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?” ถ้าหากไม่ถามถึงคำตอบออกมา เธอจะไม่มีวันปล่อยไปอย่างแน่นอน และจะมีปมปัญหานี้อยู่ในใจ หัวใจของเธอนั้นได้ยับเยินไปแล้วและไม่อาจถูกทำร้ายอะไรได้อีก หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างหนัก “ เจ้ารู้หรือไม่? ในตอนแรกที่ข้ารู้ ข้าโกรธเคืองอย่างมาก แต่ข้าไม่อาจจะโทษเจ้าได้ เพราะว่ามันไม่ใช่ความผิดของเจ้า เป็นเพราะข้าเองที่ไม่สามารถปกป้องเจ้าให้ดี” เขาหมายความว่าอย่างไร? ใน ณ เวลานั้น จางยวี่โหร่วไม่ชอบพูดอ้อมค้อมใดใด และต้องการรู้ความจริงทั้งหมดอย่างร้อนใจ “ ถ้าแม้ว่าข้าต้องจากไปสักระยะหนึ่ง แต่จะปล่อยให้เจ้าอยู่เมืองหลวงคนเดียวอย่างวางใจได้อย่างไร? โดยเฉพาะองค์ชายสามที่ยังจับตามองเจ้าอยู่ในตอนนี้ ตำหนักเฉินกั๋วกงก็มองว่าเจ้าเป็นหนามยอกอก ดังนั้นข้าจึงส่งเย่นหลินกับเย่นอิ่งสองพี่น้องคอยดูแลความปลอดภัยของเจ้า แต่ใครจะรู้ว่า เย่นอิ่งจะกล้าขัดคำสั่งของข้า ทำร้ายเจ้าจนด้รับความเจ็บปวดเช่นนี้ นางสมควรตายยิ่งนัก” อะไรกัน? จางยวี่โหร่วตกใจจนแทบจะยอมรับไม่ได้ ที่แท้เขาส่งคนมาคอยดูแลเธอตลอด? เธอไม่รู้เรื่องเลยสักนิด ทันใดนั้นเธอคิดขึ้นมาได้ว่า หลังจากที่เธอสังเกตได้ว่าถูกเป่ยจื่อห้าวลอบทำร้าย เธอใช้พริกป่นสาดเข้าไปที่ดวงตาของเขาเพื่อถ่วงเวลาและต้องการรีบวิ่งหนีไป แต่กลับสะดุดหินก้อนหนึ่งอย่างกะทันหันระหว่างทาง จึงล้มลงกับพื้นอย่างแรง ข้อเท้าเคล็ดจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก และเกือบถูกเป่ยจื่อห้าวทารุณกรรม ต่อมาเธอคิดถึงเรื่องนี้หลายครั้ง เห็นได้ชัดว่าตรงนั้นไม่มีก้อนหินอยู่เลย เธอจะสะดุดก้อนหินล้มได้อย่างไรกัน? เมื่อคิดทบทวนอย่างละเอียด ดูเหมือนว่าหินก้อนนั้นลอยมาจากที่ไหนสักแห่ง ตรงกลางหัวเข่าของเธอพอดี เธอไม่ได้สะดุดล้ม แต่ถูกคนจงใจทำให้ล้ม เธอเกิดความสงสัยอย่างมากในใจ ตอนนั้นเป่ยจื่อห้าวยังอยู่ด้านหลังและไม่ได้ตามทัน ใครเป็นคนทำกันแน่? ผู้ต้องสงสัยที่น่าสงสัยที่สุดของเธอ ก็คือหัวขโมยที่พรากความบริสุทธิ์ของเธอไป ไม่อย่างนั้นเขาจะปรากฏตัวออกมาอย่างบังเอิญได้อย่างไร? แต่ว่าเธอก็ไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ใดใด ทำได้เพียงปล่อยให้เรื่องมันจบลง ภาวนาในใจว่าไม่ต้องเจอหน้าเขาอีก แต่ว่าวันนี้เมื่อได้ยินหันยี่ฉีพูดเช่นนี้ เธอจึงได้รู้ว่าเรื่องนี้มีอะไรซ่อนเร้นอยู่และเกี่ยวข้องกับเย่นอิ่ง เย่นอิ่งคนนั้น จางยวี่โหร่วรู้ว่าเธอไม่ชอบตั้งแต่แรก และยังมีเจตนาร้ายต่อเธออย่างลึกซึ้ง แต่ว่าถึงอย่างไรเย่นอิ่งก็เป็นคนของหันยี่ฉีและไม่สามารถทำอะไรเธอได้ แต่ทำไมเธอกลับถึงคิดไม่ถึงว่า เย่นอิ่งจะใช้วิธีการที่เลวร้ายเช่นนี้มาทำร้ายเธอ จางยวี่โหร่วโกรธจนตัวสั่น “ คนล่ะ? ข้ามีความแค้นอะไรกับนางกัน เหตุใดนางถึงต้องวางแผนทำร้ายข้าเช่นนี้? ” “ ข้าได้ลงโทษเธอแล้ว ทำลายวรยุทธ์ของนางและถอนตำแหน่งของนางทั้งหมด ข้าขอโทษ เรื่องนี้เป็นความประมาทเลินเล่อของข้าเอง ” คำพูดนี้ของเขา หยุดยั้งปากของจางยวี่โหร่งได้สำเร็จ เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยในใจ เย่นอิ่งเป็นองค์รักษ์ข้างกายเขาไม่ใช่หรือ? เขาจะแข็งใจกำจัดมือขวาที่มีความสามารถคนหนึ่งของเขาเพื่อเธอได้อย่างไรกัน? ถึงแม้เธอยังโกรธเคืองอยู่มาก แต่ถ้าหากเย่นอิ่งถูกทำลายวรยุทธ์จะกลายเป็นพิการ เช่นนั้นก็ถือว่าหักล้างกันได้แล้ว 
已经是最新一章了
加载中