ตอนที่ 106 หากท่านไม่มีใจข้าก็จะไป   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 106 หากท่านไม่มีใจข้าก็จะไป
ต๭นที่ 106 หากท่านไม่มีใจข้าก็จะไป ตอนนี้จางยวี่โหร่วรู้เรื่องนี้แล้ว แต่ความรู้สึกในใจของเธอก็ยังซับซ้อนอยู่ แต่ต่อให้เกลียงชังเย่นอิ่งมากเท่าไหร่ ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เย่นอิ่งเป็นเพียงแค่ส่วนเสริมเท่านั้น ฆาตกรที่ทำร้ายเธอจริงๆ คือเป่ยจื่อห้าวถึงจะถูก จางยวี่โหร่วกลับยังไม่พอใจเล็กน้อยในใจ มันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยไปได้ “ เช่นนั้นท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? นางเป็นคนบอกท่านเองหรือ? ” ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะถามให้ชัดเจนก่อน “ นางกับเย่นหลินเป็นคนที่ข้าส่งไปดูแลความปลอดภัยของเจ้าอย่างลับๆโดยเฉพาะ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้า พวกนางก็หนีจากความรับผิดชอบนี้ได้ยากและจะต้องได้รับการลงโทษ เจ้าคิดว่าเรื่องใหญ่เช่นนี้ พวกนางจะสามารถปิดบังได้งั้นรึ?” จางยวี่โหร่วไม่ว่ารู้ควรจะพูดอะไรจริงๆ เขาส่งคนมาปกป้องเธอ แต่ในความเป็นจริงกับมาทำร้ายเธอ แต่เธอก็ไม่อาจไปตัดสินความหวังดีของหันยี่ฉีได้ เพราะถึงอย่างไรจุดประสงค์แรกของเขาก็เพื่อให้เธอปลอดภัยจริงๆ “ ครั้งแรกที่เย่นอิ่งเห็นหน้าข้า ก็ตั้งตนเป็นศัตรูกับข้า ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านคอยกั้นอยู่ นางคงฆ่าข้าไปแล้ว เหตุใดท่านต้องส่งคนแบบนี้มาอยู่ข้างกายข้าด้วย? ” ซาบซึ้งใจก็ซาบซึ้งใจ แต่เรื่องที่ควรซักถาม เธอก็จำเป็นต้องถามให้ชัดเจน ตรงจุดนี้ก็น่าสงสัยจริงๆ “ ข้าทำผิดต่อเจ้าเอง เย่นอิ่งกับเย่นหลินเป็นองครักษ์ข้างกายข้าที่มีความสามารถที่สุด ข้าเพียงแค่ต้องการส่งคนที่ดีที่สุดให้เจ้า จึงมองข้ามจุดนี้ไป การปกป้องเจ้านั้นเป็นคำสั่งทางการทหารที่ข้าสั่งพวกเขา และคิดว่าไม่อย่างไรพวกเขาก็จะไม่ฝ่าฝืนคำสั่ง ถึงแม้เย่นอิ่งจะจิตใจวู่วาม อย่างน้อยเย่นหลินก็ไม่เคยขัดคำสั่งของข้ามาก่อน แต่ว่า..” คำพูดต่อจากนี้เขาไม่ต้องพูดให้ชัดเจน เธอก็เข้าใจความหมายแล้ว เย่นหลินกับเย่นอิ่งเป็นพี่น้องกัน เขาจะต้องเข้าข้างน้องสาวของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ใช่เลือกช่วยเธอที่เป็นคนนอกคนหนึ่ง ในตำหนักอ๋องชิงผินนี้ เธอก็เป็นแค่คนที่ไม่ได้รับการต้อนรับคนหนึ่งเท่านั้น “ เช่นนั้นข้าก็ควรจะยอมรับความโชคร้ายของตัวเอง” จางยวี่โหร่วหัวเราะอย่างเยาะเย้ย เป็นไปไม่ได้ที่ในใจจะไม่กล้ำกลืน สิ่งที่เธอสูญเสีย นั้นคือความบริสุทธิ์ที่ล้ำค่ามากที่สุดของผู้หญิง ในสมัยนั้นพรหมจรรย์ของผู้หญิงสำคัญกว่าชีวิตของตัวเอง ผลกระทบของเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับเธอ “ ยวี่โหร่ว เจ้าอย่าพูดเช่นนี้ เป็นข้าที่ทำผิดต่อเจ้าเอง ไม่เพียงแต่ไม่ปกป้องเจ้าให้ดีแต่ยังทำร้ายเจ้าอีก ข้ารู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดกับเจ้าอย่างไรดี ข้ามีส่วนที่ต้องรับผิดชอบอย่างมาก ในใจข้าเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานใจต่อเจ้าอย่างที่สุด เมื่อเห็นเจ้าในใจของข้าก็รู้สึกเป็นห่วงและสงสาร ข้าจะทอดทิ้งเจ้าไปได้อย่างไรกัน? ” เขาเดินเข้ามาใกล้ ดึงเธอเข้าไปในอ้มกอดเบาๆ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นมากขึ้น นี่คงจะเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดของผู้หญิงและก็เป็นช่วงเวลาที่เอาชนะหัวใจของเธอได้ง่ายที่สุด เดิมทีแล้วจางยวี่โหร่วคิดว่าตัวเองที่เสียความบริสุทธิ์ไป คิดไว้แล้วว่าคงเงยหน้าไม่ขึ้นต่อหน้าเขาและรอการตัดสินจากเขา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์กลับกันอย่างมากในตอนนี้ ในใจของเธอไม่รู้ควรจะบอกว่างน่ายินดีหรือซับซ้อนดี หากพูดตามความจริง สิ่งที่เขาทำทั้งหมดก็เพื่อเธอ เพียงแต่เกิดเรื่องไม่คาดคิดกลางทางเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่รังเกียจเธอก็ดีมากแล้ว เธอจะมีสิทธิอะไรไปตำหนิเขาและต่อรองกับเขากัน? มือทั้งสองข้างที่ลังเลใจอยู่เล็กน้อย ในที่สุดก็ค่อยๆยกขึ้นและตอบรับเขา “ เรื่องนี้เป็นเพราะข้าที่ไม่ดีเอง ข้าเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป ทั้งที่รู้ว่าเป่ยจื่อห้าวไม่ได้หวังดี แล้วยังไปตามนัดด้วยตัวคนเดียว ผลลัพธ์กลับตกหลุมพรางของเขา ตอนนี้เรื่องกลายมาเป็นเช่นนี้ ข้าไม่มีสิทธิไปโทษใครเลย ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะข้าทำตัวเองทั้งนั้น” เธอเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป คิดว่าตราบที่ใดเธอให้หลินจือพาคนมารออยู่ด้านนอก เป่ยจื่อห้าวก็จะไม่สามารถลงมืออย่างโจ่งแจ้งได้ แต่เธอกลับลืมไปว่าอะไรที่เรียกว่าสุนัขจนตรอก ก่อนหน้านั้นเธอฉีกหน้าเป่ยจื่อห้าวและทำให้เขารู้ว่าระหว่างเธอกับเขาไม่มีวันเป็นไปได้อีก ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้วิธีการแบบนี้ ดังนั้งถึงได้เสียเปรียบ “ อย่าพูดเช่นนี้เลย มันผ่านไปแล้ว คนที่ควรตำหนินั้นเป็นข้าเอง ข้าไม่ได้ปกป้องเจ้าให้ดี จากการตรวจสอบ ตอนนั้นเจ้าถูกคนช่วยไป เจ้ารู้ไหมว่าคนที่ช่วยเจ้าไปคือผู้ใด? เขาต้องการจะช่วยเจ้าจริงๆ หรือว่าฉวยโอกาส?” คำถามนี้ จางยวี่โหร่วไม่สามารถเผชิญหน้าได้ เมื่อได้ยินเขาถามประโยคนี้ เธอก้าวถอยหลังไปทันที เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น น้ำตาของเธอร่วงหล่นลงมาอย่างทนไม่ได้ เสียตัวอย่างไม่รู้เรื่องให้กับผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เธอไม่อยากจะพูดถึงเรื่องวันนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะต่อหน้าของหันยี่ฉี เธอรู้สึกว่าตัวเองอัปยศเกินไปจริงๆ ถึงแม้ในคำพูดเขาจะดูเลวร้ายอย่างมาก แต่ว่ากลับไม่ได้ทำอะไรเพื่อทำร้ายเธอเลย ทั้งยังช่วยเธอจากเป่ยจื่อห้าวและส่งเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัย แล้วจางยวี่โหร่วยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ? “ เขาคงจะไม่ใช่คนเลวอะไร เรื่องมันผ่านไปแล้ว จากนี้ก็คงไม่เจอหน้ากันอีก ข้าไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นแล้ว ” ผู้หญิงช่างจิตใจเด็ดเดี่ยว คืนหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ เธอกลับพูดอย่างไม่มีความหมายใด ในใจของชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้ เมื่อจางยวี่โหร่วเงยหน้าขึ้นมามองเขา แววตานั้นในดวงตาของเขากลับหายไป แทนที่ด้วยความห่วงใยและความอ่อนโยนอย่างชัดเจน “ ตอนนี้ข้าสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว ท่านไม่รังเกียจจริงๆงั้นหรือ? ข้าไม่อยากให้ท่านรู้สึกกล้ำกลืนใดใด นี่เป็นเรื่องของการยอมรับด้วยใจ ท่านไม่ต้องรู้สึกผิดกับข้าเพราะเรื่องของเย่นอิ่ง จึงฝืนใจยอมรับข้า ข้าเพียงแค่อยากให้ท่านพูดความจริง ” จางยวี่โหร่วจ้องมองดวงตาของเขาอย่างแน่วแน่แล้วพูดอย่างจริงจัง “ เด็กโง่เอ๋ย ไม่มีใครสามารถบังคับข้าได้ ทุกสิ่งที่ข้าทำล้วนเต็มใจ ในเมื่อเจ้าถามมาแล้ว เช่นนั้นข้าก็ควรจะถามเจ้าหนึ่งคำถามว่า ตอนนี้หัวใจของเจ้าอยู่ที่ข้าแล้วจริงๆใช่ไหม? ” ช่างเป็นคำถามที่ตรงไปตรงมาอะไรเช่นนี้ จางยวี่โหร่วรู้สึกเขินอายอย่างมากและรู้สึกลำบากใจ เธอหน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “ หากท่านไม่ทอดทิ้งข้า ข้าก็จะอยู่และตายเคียงข้างท่าน” “ เช่นนั้นหากมีวันหนึ่งที่ข้าทิ้งเจ้าไปล่ะ?” นี่มันคำพูดอะไรของเขา? ทำให้เสียบรรยากาศจริงๆ จางยวี่โหร่วมองค้อนเขาอย่างอดไม่ได้ “ หากท่านไม่มีใจข้าก็จะไป ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน “ เจ้าวางใจเถอะ ตราบใดที่เจ้ามีข้าเพียงคนเดียว ข้าก็จะไม่ทิ้งเจ้า” เวลากลางคืน จางยวี่โหร่วก็ไม่ได้เดินออกมาจากห้องนี้เลย ผ้าห่มหนังสัตว์อันอบอุ่น ผ้าม่านลายดอกชบา เทียนสีแดงซ่อนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าอันงดงามและมีเสน่ห์ของหญิงสาวมีความเขินอายมากยิ่งขึ้น เพราะสายตาอันเร่าร้อนของชายหนุ่ม เธอไม่กล้ามองหน้าเขาและก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มมากขึ้นอีก ราบกับว่าตัวเธอกำลังละลายภายใต้สายตาของเขา ม่านตกลงมาอย่างช้าๆ สะท้อนให้เห็นถึงเงาของคนสองคนกำลังสัมผัสกันและกันอย่างแนบชิดลึกซึ้ง บรรยากาศภายในห้องก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ 
已经是最新一章了
加载中