ตอนที่ 129 สาบานว่าถึงตายก็ต้องปกป้องพรหมจรรย์   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 129 สาบานว่าถึงตายก็ต้องปกป้องพรหมจรรย์
ต๭นที่ 129 สาบานว่าถึงตายก็ต้องปกป้องพรหมจรรย์ “พูด ตอนนี้จือเอ๋ออยู่ที่ไหน ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายนางสักเส้นผมเส้นหนึ่ง เชื่อไหมว่าเปิ่นหวังฆ่าเจ้าแล้ว” ถึงแม้ว่าจะถูกบีบคอจนหน้าแดงไปทั่วหมด หายใจขัด เฉินซูเสียนยังคงปากแข็งมาก “แค้ก ต่อให้วันนี้เจ้าฆ่าข้า ข้าก็จะไม่บอกเจ้า” ทั้งสองฝ่ายกำลังยืนหยัดตั้งแหง่แช่แข็งกัน เวลานี้จู่ ๆ มีเสียงของขันทีอันแหบแห้งแหลมเล็กดังมาจากข้างนอก “ฮ่องเต้เสด็จมาถึง พระนางซูเฟยเสด็จมาถึง” เห็นได้ชัดว่าเป็นซูเฟยได้ทูลรายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้แล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบเร่งตามไป จางยวี่โหร่วก็ตามมาแล้วด้วย ทันทีที่พวกเขาเข้าประตูมา ก็ได้เห็นเป่ยจื่อหัวใช้มือบีบคอของเฉินซูเสียน ซูเฟยก็ตกใจจนพระพักตร์ซีดขาวในบัดดล จางยวี่โหร่วก็มีสีหน้าหนักใจ ไม่ใช่บอกแล้วว่าหลังจากที่มาแล้วให้คุยกันดี ๆ ไม่ใช่หรือ ทำไมยังก่อเรื่องวุ่นวายจนกลายเป็นแบบนี้ หรือว่าหลิงจือนางได้เกิดเรื่องแล้วจริง ๆดังนั้นพี่จื่อหัวจึงได้พลุกพล่านเช่นนี้? “หัวเอ๋อ ยังไม่รีบหยุดมือ!” ทันทีที่เป่ยจื่อหัวคลายมือ เฉินซูเสียนก็ล้มลงไปกับพื้น ไออย่างสุดชีวิต นี่เป็นกรรมตามสนองในชาตินี้จริง ๆ หล่อนเพิ่งบีบคอหลิงจือเมื่อครู่ ในที่สุดเขาก็แก้แค้นคืนมาให้นางแล้ว ทันทีที่ฮ่องเต้เห็นความวุ่นวายเละไปหมดในที่นี่ นางกำนัลคุกเข่าอยู่ทั่วพื้น พลันทรงขมวดพระขนงขึ้นมา สีพระพักตร์ไม่ทรงพระเกษมสำราญอย่างยิ่งยวด “นี่ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? หัวเอ่อ ทำไมเจ้าถึงได้อวดดีกำเริบสืบสานในตำหนักดองกง พึงรู้ว่าคนที่เจ้าเพิ่งบีบคอไป เป็นพระเชษฐนีของเจ้า ว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท” ซูเฟยเพิ่งบอกเขาไปว่าแท้จริงเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว ตอนนี้เขาก็เข้ามาพูดแบบนี้อีก เห็นได้ชัดว่าที่จางยวี่โหร่วเป็นกังวลนั้นล้วนถูกต้อง ฮ่องเต้ทรงลำเอียงเข้าข้างเขาสุด ๆ เป่ยจื่อหัวรีบคุกเข่าลงทูลขอพระราชอภัยโทษทันที “เสด็จพ่อ ลูกรู้ความผิด แต่ลูกเป็นกังวลจือเอ๋อจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าจือเอ๋อถูกจับมาที่ตำหนักดองกง แต่เสด็จพี่ไร้ร่องรอย เฉินซูเสียนก็ไม่ยอมปล่อยคน ลูกพลุกพล่านใจจนได้ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาพ่ะย่ะค่ะ” ตอนนี้ที่รีบด่วนไม่ใช่ติดตามวิเคราะห์หาผู้รับผิดชอบ แต่ต้องรีบแก้ปัญหาโดยไวเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ สิ่งที่ยิ่งทำให้ฮ่องเต้กังวลพระทัยคือเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาท เขาเป็นว่าที่ฮ่องเต้ในอนาคตของหนานหชู่ ต้องไม่ก่อเรื่องวุ่นวายที่ร่ำลือกันออกไปมากจนทำลายชื่อเสียงของเขาได้ “บัญชีของเจ้าอีกสักพักเจิ้นต้องคิดบัญชีกับเจ้าอีก เฉินซูเสียน เจิ้นถามเจ้า ตัวองค์รัชทายาทเล่า หลิงจือถูกพวกเจ้านำตัวไปไว้ไหน?” ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ แน่นอนไม่สามารถพูดโกหกอ่า มิฉะนั้นก็เป็นความผิดในการเพ็ดทูลฮ่องเต้แล้ว เฉินซูเสียนคิดพลาง ตอนนี้ก็เกือบจะถึงเวลาแล้ว หลิงจือต้องถูกองค์รัชทายาทจัดการไปเรียบร้อยแล้วแน่นอน ถ้าเขามิอาจควบคุมกระทั่งผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่งแล้ว ถ้างั้นเขาก็เป็นเศษสวะสิ่งไร้ค่าจริง ๆ ดังนั้นเฉินซูเสียนรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที กล่าวอย่างระมัดระวังรอบคอบว่า “กราบทูลฝ่าบาท วันนี้เสียนเอ๋อไปเดินเล่นในพระตำหนักเป็นเพื่อนกับองค์รัชทายาท ขณะผ่านสวนบุปผชาติหลวงได้พบคุณหนูหลิน แต่นางกลับทำมองไม่เห็นองค์รัชทายาท ไม่ทำความเคารพ ทั้งยังแก้ตัวต่าง ๆ นา ๆ คุณหนูหลินเป็นคนที่จะมาเป็นพระชายาองค์ชายสอง ไฉนจึงไม่เข้าใจกฎระเบียบเช่นนี้ เมื่อเป็นแบบนี้ไหนเลยจะคู่ควรกับองค์ชายสอง ? องค์รัชทายาทได้คิดเพื่อองค์ชายสอง ดังนั้นจึงคิดนำนางกลับมาที่พระตำหนักเพื่ออบรมสั่งสอนดี ๆ สักรอบเพค่ะ” “เจ้าโจมตีใส่ร้ายอย่างชั่วช้าสามานย์ จือเอ๋ออ่อนโยนสุภาพเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมศีลธรรม รู้หนังสือมีเหตุมีผล นางไหนเลยสามารถทำเรื่องเช่นนี้ออกมา ต้องเป็นเจ้ามีความแค้นกับนางแน่ ๆ รอโอกาสที่จะแก้แค้น ถ้าเจ้ายังไม่มอบจือเอ๋อออกมา เปิ่นหวังจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด” ฮ่องเต้ยังไม่ได้มีพระดำรัสแต่อย่างใด ทั้งสองคนนี้ก็ทะเลาะกันโดยตรงขึ้นมาแล้ว “ล้วนหุบปาก พวกเจ้ายังไม่ได้เห็นเจิ้นอยู่ในสายตาหรอกหรือ?” ตอนนี้ จางยวี่โหร่วที่อยู่ด้านข้างเตือนสติว่า “ฮ่องเต้ ยังคงให้หล่อนมอบหลิงจือออกมาก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ เราต่างไม่สามารถฟังความเพียงด้านเดียวของแต่ละฝ่าย ได้แต่ต้องถามผู้กระทำจึงเป็นเรื่องด่วนที่สุด” ฮ่องเต้รีบพยักหน้าทันทีแล้วมองไปที่เฉินซูเสียน “เจ้าไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระแล้ว ที่แท้หลิงจืออยู่ที่ใด?” เฉินซูเสียนได้ยินวาจา อดที่จะจ้องมองจางยวี่โหร่วคราหนึ่งด้วยความโกรธแค้นมิได้ สมควรตาย ละครนี้ของหล่อนยังไม่ทันได้มีเวลาร้องให้พอก็ถูกนางขัดจังหวะเสียก่อน ตอนนี้ดูไปแล้วปิดบังไม่ได้อีกต่อไปหล่อนได้แต่เอ่ยปากกล่าวพลาง “นางอยู่...” หล่อนเพิ่งพูดไปสองคำ ทุกคนล้วนกลั้นลมหายใจรอคอยคำตอบของหล่อน เวลานี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องตกใจเสียงหนึ่งดังมาจากข้างใน เสียงนี้ไม่ได้เป็นหลิงจือ แต่เป็นขององค์รัชทายาท ในใจเฉินซูเสียนกระโดดคราหนึ่ง เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว? และเป่ยจื่อหัวก็รอต่อไปอีกไม่ได้ วิ่งไปตามแหล่งที่มาของเสียงโดยตรงแล้ว คนที่เหลือก็อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ ทั้งหมดต่างตามมาด้วย ภาวนาในใจว่าอย่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงดี เป่ยจื่อหัวเท้าเตะประตูไปครั้ง ฉากตรงหน้าฉากหนึ่ง ทำให้เขาตาแดงไปแล้วทันที หลิงจือเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยล้มลงไปบนพื้น บนหน้าผากเปื้อนเลือดสดขนาดใหญ่ปื้นหนึ่ง ส่วนเป่ยจื่อเฉินยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรบ้าง เศษเสื้อผ้าหลายชิ้นกระจัดกระจายไปทั่วพื้นดิน เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นเมื่อครู่ดิ้นรนต่อสู้ถูกฉีกลงมา สามารถจินตนาการได้ว่าเพิ่งเกิดเรื่องอะไรขึ้นในนั้น “จือเอ๋อ!” เป่ยจื่อหัวร้องเสียงหนึ่งด้วยใจที่ปวดร้าว แล้ววิ่งพุ่งเข้าไปกอดร่างนางไว้ ใช้เสื้อคลุมของตนเองคลุมปิดผิวที่เปลือยเปล่าอยู่ด้านนอกของนางไว้ เมื่อคนอื่นตามมาถึง ได้เห็นฉากเดียวกันนี้เหมือนกัน เฉินซูเสียนอดที่จะกัดริมฝีปากด้วยความโกรธแค้นมิได้ องค์รัชทายาทนี้ช่างเป็นขยะเสียจริง ๆ นานขนาดนี้ผู้หญิงคนเดียวกลับจัดการไม่ได้ เฉินซูเสียน นางคงไม่ใช่ตายแล้วน่ะ? ที่ดีที่สุดคือตายแล้ว ตายแล้วก็จบสิ้นทุกอย่างมิฉะนั้นหล่อนก็ทรมานเสียเวลาเปล่าไปรอบ “น้องหลิน!” จางยวี่โหร่วก็กังวลใจวิ่งเข้ามา ทำไมนางล้วนไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้น่ะ ได้เห็นลักษณะหมดหนทางจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรดีทั่วหน้าของเป่ยจื่อหัว ในใจนางอดที่จะหวาดกลัวบ้างไม่ได้ หลิงจือนางไม่ควรจะ... ไม่ ไม่ได้น่ะ นางเป็นคนดีฟ้าสวรรค์ต้องคุ้มครองต้องไม่เกิดเรื่องเด็ดขาด นางเพิ่งได้รับพระราชทานให้อภิเษกสมรสกับองค์ชายสอง พบคนรักที่ตัวเองสามารถจูงมือแบ่งปันใช้ชีวิตร่วมกันตลอดชีพ สวรรค์คงไม่โหดร้ายขนาดนั้นน่ะ เอื้อมมือที่กำลังสั่นออกไป จ่อตรวจสอบที่จมูกของนาง พบว่าแม้ลมหายใจจะอ่อนแอมาก แต่ก็เพียงพอที่จะให้จางยวี่โหร่วตื่นเต้นแล้ว “นางยังไม่ตาย นางยังมีชีวิตอยู่ ทหาร รีบตามแพทย์หลวงด่วนอ่า!” แต่ตอนนี้ยังมิอาจผ่อนคลายลงได้ เพราะเขารู้สึกว่านางอ่อนแอเกินไปตอนนี้ได้อย่างชัดเจน จือเอ๋อ อดทนต่อไป เจ้าอย่าทิ้งข้าไป จางยวี่โหร่วเห็นความเศร้าโศกในก้นบึงดวงตาของเป่ยจื่อหัว นางก็มิใช่ด้วยเหมือนกันในตอนนี้ เมื่อเช้าตรู่ขณะที่นางกับหลิงจือเข้าพระราชวังด้วยกัน นางยังพูดคุยและหัวเราะกับนางชัด ๆ แต่ตอนนี้จู่ ๆ กลับกลายเป็นแบบนี้ ในใจนางเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อว่าตนเอง นางควรรอนางด้วยกัน ล้วนเป็นนางไม่ดี ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตอนนี้มีปัญหาใหญ่หนักใจยังให้หลิงจือไปทำการคนเดียวตามลำพัง มองดูหลิงจือในตอนนี้ ในใจจางยวี่โหร่วเต็มไปด้วยความกังวลและความละอายใจอย่างไร้ขีดจำกัด 
已经是最新一章了
加载中