ตอนที่ 130 ทวงคืนความยุติธรรม   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 130 ทวงคืนความยุติธรรม
ต๭นที่ 130 ทวงคืนความยุติธรรม ตอนนี้ไม่ทันได้ไต่สวนก่อนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วยังคงช่วยชีวิตสำคัญกว่าอ่า แพทย์หลวงก็ได้มาโดยเร็ว หลังจากตรวจสอบอาการบาดเจ็บของหลิงจือแล้ว รีบใส่ยาทำแผลให้นาง เป่ยจื่อหัวเป็นกังวลถาม “แพทย์หลวง นางเป็นอย่างไรแล้ว พวกเจ้าต้องรักษานางให้หายจงได้” “กราบทูลองค์ชายสอง แผลนี้ยังเป็นเรื่องรอง ที่รีบด่วนยังเป็นศีรษะของนางถูกกระแทกอย่างหนัก มีเลือดคั่งในสมอง สถานการณ์ไม่น่าดีนักพ่ะย่ะค่ะ” “เจ้าว่าอะไรนะ สมควรตาย พวกเจ้าต้องรักษานางให้หาย ถ้านางเป็นอะไรไป เปิ่นหวังก็จะเอาชีวิตของพวกเจ้าแล้ว!” เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวของเป่ยจื่อหัวได้ทำให้บรรดาแพทย์หลวงเหล่านั้นตกใจกลัวชะงักไปแล้ว ยามปกติองค์ชายสองมีท่าทีสุภาพอ่อนโยนสูงส่งสง่าที่สุด พวกเขาไม่เคยเห็นพระองค์ท่านทรงมีอารมณ์เสียกับใครมาก่อน แต่ทั้งหมดก็ตกใจที่เห็นสภาพของพระองค์ท่านตอนนี้ ดูไปแล้ว องค์ชายสองทรงเป็นห่วงต่อคุณหนูหลินคนนี้มากที่สุดจริง ๆ อ่า ในใจจางยวี่โหร่วก็กังวลมาก หรือว่าต่อให้นางยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราว ไม่แน่ว่าสามารถผ่านด่านนี้ไปได้หรือไม่? เห็นบาดแผลที่น่าสังเวชจนมิอาจทนดูได้บนหน้าผากของนาง คิดว่ายามที่นางพุ่งเข้าชนต้องได้ตัดสินใจต้องตายแล้วแน่ ๆ องค์รัชทายาทและเฉินซูเสียนช่างน่าตายนักจริง ๆ แค้นนี้ นางต้องช่วยหลิงจือแก้แค้นแน่นอน กลุ่มแพทย์หลวงล้อมวงปรึกษาหารือด้วยกันไปครึ่งวัน ทั้งวิเคราะห์วิธีการรักษา ทั้งสั่งยา ในที่สุดพวกเขาก็คุกเข่าลงกับพื้น กราบทูลรายงานว่า “ขอกราบบังคมทูลฮ่องเต้ ซูเฟย ยังมีองค์ชายสอง เราได้พยายามสุดกำลังแล้วจากนี้ไปก็ต้องดูว่านางสามารถฟื้นตื่นมาเมื่อไรพ่ะย่ะค่ะ” “ถ้าเช่นนั้น ที่แท้นางสามารถฟื้นตื่นขึ้นมาเมื่อไร พวกเจ้าก็ไม่สามารถให้เวลาที่แน่นอนหรือ?” ตอนนี้ใครยังมีอารมณ์ไปฟังข้อแก้ตัวเหล่านั้นของพวกเขาอ่า “นี่...อาจจะสองสามวัน หรืออาจจะสองสามเดือน ยังมี เป็นไปได้...คือชั่วชีวิตไม่ฟื้นตื่นมาอีกแล้ว” “หุบปาก!” ได้ยินประโยคสุดท้ายนี้ เป่ยจื่อหัวส่งเสียงลั่นอย่างโกรธเคืองออกมาโดยตรง แพทย์หลวงเหล่านั้นตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความกลัว ใบหน้าซีดขาว ล้วนไม่กล้าหายใจเสียงดังสักครา ฮ่องเต้ยังทรงประทับอยู่ด้านข้าง ทำไมเขาถึงได้สูญเสียการควบคุมปานนี้ แม้ว่าจางยวี่โหร่วยังกังวลเรื่องหลิงจือมาก แต่ยังต้องคำนึงถึงสถานการณ์ปัจจุบัน รีบอยู่ด้านข้างแจ้งเตือนอย่างรวดเร็ว “พี่จื่อหัว เรื่องเป็นแบบนี้ ก็อย่าโทษแพทย์หลวงแล้ว เดิมบริเวณศีรษะก็เป็นแหล่งที่เปราะบางมากแห่งหนึ่ง ข้าเชื่อว่าพวกเขาก็ได้รักษาสุดกำลังแล้ว เจ้าวางใจ น้องหลินนางเป็นคนดีฟ้าสวรรค์คุ้มครอง ต้องไม่เกิดเรื่องเด็ดขาด นางยังต้องตื่นขึ้นมาเพื่อรอเจ้าอภิเษกสมรสเป็นภรรยาของเจ้า พวกเจ้าได้มีนัดหมาย นางไม่เสียคำให้เจ้าผิดหวังเด็ดขาด” จางยวี่โหร่วเดินเข้ามาหาเขา ใช้สายตาส่งสัญญาณ “ฮ่องเต้และซูเฟยต่างอยู่ที่นี่พวกเขาต้องค้นหาความจริงแน่นอน และคืนความยุติธรรมให้น้องหลิน” ใช่ เป่ยจื่อหัวก็คิดขึ้นได้อย่างแรงกล้า จือเอ๋อกลายเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่เป็นภัยพิบัติของมนุษย์อ่า! ตอนนี้นางยังสลบไม่ฟื้นตื่นมา และคนที่ทำร้ายนางยังลอยนวลอยู่ ไหนเลยที่เขาจะสามารถให้ช่างเถอะเช่นนี้ไปได้ เป่ยจื่อหัวรีบคุกเข่าลงกับพื้น น้ำเสียงแฝงความเจ็บปวดที่หาตัวจับยากแววตาในดวงตานั้นเกือบจะทำให้ผู้คนหัวใจสลาย “เสด็จพ่อ จือเอ๋อเป็นพระชายาที่พระองค์ท่านทรงพระราชทานอภิเษกสมรสให้ลูก ตอนนี้นางถูกทำร้ายกลายเป็นแบบนี้ อาจจะไม่รอดชีวิตแล้วขอเสด็จพ่อทรงเป็นผู้ช่วยคืนความยุติธรรมให้นางพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ทรงประทับยืนทอดพระเนตรอยู่ข้าง ๆ เป็นเวลานานโดยไม่ทรงตรัสอะไรสักคำ ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของเป่ยจื่อหัว สีพระพักตร์ของพระองค์หม่นหมองหนักหน่วงขึ้นมาโดยพลัน เมื่อแววพระเนตรทรงกวาดผ่านเขาและคนอื่น ๆ แล้ว พระองค์ก็ทรงหันหลังไพล่พระหัตถ์ ทรงกริ้วระเบิดออกมาอย่างแสดงถึงอำนาจของฮ่องเต้ “พวกเจ้าทั้งหมดล้วนออกมาให้เจิ้น!” ... ในห้องโถงหลักของตำหนักดองกง ฮ่องเต้ทรงประทับนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก ซูเฟยนั่งอยู่ใต้พระหัตถ์ขวาของพระองค์ คนอื่น ๆ ยืนกันเป็นแถว แถวหนึ่งแล้วอยู่ด้านล่าง เป่ยจื่อเฉินได้ตกใจจนหน้าซีดขาวไปแล้วตั้งนาน ได้เห็นสายตาของทุกคนล้วนจ้องมองไปบนร่างเขา ขาของเขาแทบสั่นไปหมดแล้ว เขาไหนเลยจะคิดได้ว่าเรื่องราวกลายเป็นร้ายแรงเช่นนี้ไปได้ นิสัยหลิงจือเข้มแข็งร้อนแรงดุเดือดปานนั้น ยอมตายก็ไม่ยอมพลีกายให้เขา เวลานั้นพวกเขาถูกตรึงอยู่ในห้อง นางต่อต้านอย่างสุดชีวิตแต่ไหนเลยจะหนีออกจากฝ่ามือของเขาได้ ในที่สุดยังถูกจับควบคุมไว้ หลังจากนั้นฉีกเสื้อผ้าของนางคิดจะเสวยสุขกับพระคุณของสาวงาม แต่ไม่คิดว่าหลิงจือที่ภายนอกดูบอบบางอ่อนแอ กลับมีนิสัยเด็ดเดี่ยวไม่ยอมอ่อนข้อ เขาไม่ทันระวัง นางก็ใช้ศีรษะพุ่งชนกับเสาของห้องทันที ได้เห็นนางศีรษะแตกเลือดไหลหมดสติไป เลือดนั้นถึงกับกระเด็นใส่หน้าเขา เป่ยจื่อเฉินก็ตกใจตะลึงไปแล้วจริง ๆ ร้องแตกตื่นออกมาคราหนึ่งก็อึ้งอยู่ที่นั่นไม่รู้ว่าควรทำอะไรดี ถัดมา ฝูงชนกลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามา สิ่งที่เขาทำก็ถูกจับได้คาหนังคาเขาแล้ว แม้ว่าปกติเขาจะหยิ่งอย่างไรอีก ตอนนี้ก็รู้ว่าสิ่งที่เขาทำร้ายแรงขนาดไหน ถึงกับก่อเหตุถึงขั้นเอาชีวิตคน ตอนนี้นี่ควรทำอย่างไรดี? ในที่สุดเรื่องราวต้องจัดการ ความสงบเงียบประดุจตายสนิทก็ต้องมีคนมาทำลาย แม้ว่าฮ่องเต้ทรงโปรดปรานลำเอียงองค์รัชทายาทอย่างไรอีก เรื่องนี้ก็ต้องจัดการ เป่ยจื่อหัวก็เป็นโอรสของพระองค์ แม้ว่าตำแหน่งในใจเขาเทียบไม่ได้กับองค์รัชทายาท แต่ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ในครอบครัวเนื้อและเลือดข้นกว่าน้ำ ก็ยังไม่อนุญาตให้เขาประสบความคับข้องใจที่ใหญ่เช่นนี้ นอกจากนี้สิ่งที่องค์รัชทายาททำก็เกินไปมากจริง ๆ แล้ว เขาเป็นฮ่องเต้ในอนาคต ทำไมถึงทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ออกมาได้? แต่ควรลงโทษอย่างไร ต้องเป็นพระองค์คนเดียวที่ทรงตรัสแล้วนับได้แน่นอน “เฉินเอ๋อ เจ้ารู้ความผิดไหม?” ถึงแม้ว่าประโยคนี้ของฮ่องเต้ไม่เข้มงวดแต่อย่างไร น้ำเสียงกลับไม่มีความสุขมาก แต่ก็เป็นเพียงประโยคนี้ประโยคเดียวเท่านั้น กลับบดขยี้ทำลายฟางเส้นสุดท้ายในใจของเป่ยจื่อเฉินไปแล้ว เขาตกใจกลัวหน้าถอดสีซีดเผือดไปทันที เข่าอ่อนคุกลงไปกับพื้น “เสด็จพ่อขอพระราชทานอภัย ลูกเพียงสับสนไปพักหนึ่งคิดจะสั่งสอนนาง กลับไม่คิดว่านางทำเรื่องแสวงหาความตายออกมาได้ ลูกไม่สัตย์ซื่อ” คนได้ถูกเขาทำร้ายกลายเป็นแบบนี้แล้ว เขายังสามารถกล่าววาจาแบบนี้ออกมาได้ ช่างน่าละอายใจเป็นที่สุด “อบรมสั่งสอนเหรอ? เกรงว่าไม่ได้เป็นเพียงอบรมสั่งสอนง่ายดายเช่นนั้นเท่านั้นน่ะ? ต่อให้น้องหลินทำผิดแล้ว ฝ่าบาทองค์รัชทายาทท่านสามารถตีนางด่านาง แต่เจ้าทำไมจึงทำสิ่งที่เหยียดหยามนางออกมา พรหมจรรย์ของหญิงสาวเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตทั้งหมด เจ้าทำเช่นนี้ไยมิใช่บีบบคั้นให้นางเดินไปสู่ความตายทั้งเป็นหรือ? นางยังเป็นพระชายาขององค์ชายสองที่ฮ่องเต้ทรงมีพระราชโองการพระราชทานการอภิเษกสมรส ต่อให้เจ้าคำนึงถึงความรู้สึกของพี่น้อง ก็ยังต้องแผ่เมตตาเปิดทางออกให้นางอ่า” ทุกอักษรของจางยวี่โหร่วแหลมคม ชี้จุดที่สำคัญโดยตรง ไม่ได้ให้เป่ยจื่อเฉินมีโอกาสสามารถโต้แย้งได้ มีแต่นางกล่าวเช่นนี้ออกมา จึงไม่ถึงกับถูกพวกเขาบิดเบือนข้อเท็จจริงได้ ฮ่องเต้ยังไม่ได้ทรงตรัส เฉินซูเสียนก็ได้เอ่ยวาจาโต้แย้งโดยตรง “จางยวี่โหร่ว เจ้ากล้าดียังไง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกลับกล้ากล่าวหาต่อว่าองค์รัชทายาท ต่อให้องค์รัชทายาททำเรื่องอะไรผิด ก็มีฮ่องเต้ทรงลงอาญาเอง ไหนเลยถึงคราวเจ้าปากมากได้” “เฉินซูเสียน เจ้าอับอายจนกลายเป็นโกรธเยี่ยงนี้ หรือกำลังแอบชี้ว่าฮ่องเต้ทรงลำเอียงเล่นพรรคเล่นพวก? เจ้าอย่าลืม องค์รัชทายาทและองค์ชายสองต่างเป็นโอรสแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ต้องทรงตรวสอบได้ว่าถูกผิดดำขาวเป็นธรรมดา กลับเป็นเจ้า พวกเราเข้ามาเมื่อครู่ เจ้าไม่เพียงไม่บอกเราว่าน้องหลินอยู่ที่ไหน ยังถ่วงเวลามาตลอด เจ้ารู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นชัด ๆ ยังจงใจปิดบัง คงไม่ใช่เจ้าจงใจยุแหย่ให้องค์รัชทายาททำเรื่องแบบนี้ออกมาน่ะ” ทางด้านวาทศิลป์ เฉินซูเสียนไหนเลยเป็นคู่ต่อสู้ของจางยวี่โหร่วได้ วาจาเช่นนี้ พลันก้นบึงในตาหล่อนมีประกายลนลานแวบผ่านไป
已经是最新一章了
加载中