ตอนที่ 132 นกกระยางสู้กับหอย คนจับปลาจับได้หมด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 132 นกกระยางสู้กับหอย คนจับปลาจับได้หมด
ต๭นที่ 132 นกกระยางสู้กับหอย คนจับปลาจับได้หมด หลินจื่อถูกพากลับมายังตำหนักหลิน เมื่อผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งสองเห็นว่าลูกสาวสุดที่รักที่ออกไปดีๆ ในตอนเช้าถูกพากลับมาในสภาพเช่นนั้นก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะฮูหยินเชิ่น เธอร้องไห้คร่ำครวญออกมาจนเกือบจะเป็นลมไป เป่ยจื่อหัวอยู่เคียงข้างไม่ห่างออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเสียใจ จางอวี่โหร่วยืนเฝ้ามองอยู่ข้างๆ เมื่อได้พบกับสถานการณ์เช่นนี้ เดิมทีเธอก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ นอกจากคอยเฝ้าให้ฟ้าเห็นใจ ปกป้องให้หลินจื่อรีบฟื้นขึ้นมา ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ก็คือการคิดวิธีการแก้แค้นให้กับหลินจื่อ เฉินซูเสียนอาศัยองค์รัชทายาท ตอนนี้ถึงได้กล้ากระทำก้าวร้าวเช่นนี้ อีกไม่นานแผนการของเธอก็คงจะใกล้เป็นความจริงแล้ว ตอนนี้เธอเกลียดชังองค์รัชทายาทมาก และไม่ได้รู้สึกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย การมีอยู่ของเขาก็เป็นเหมือนตัวนำพาความซวยเท่านั้น ก่อนหน้านี้ไม่ควรจะช่วยเหลือเขาเลย หากว่าเขาตายไปเสีย ตอนนี้หลินจื่อก็คงจะไม่ถูกพวกเขาทำร้ายถึงเพียงนี้ ...... ภายในห้องหนังสือตำหนักอ๋องชิงผิง ชายหนุ่มกำลังตวัดพู่กันอยู่ที่หน้าโต๊ะอย่างตั้งใจ ทุกๆ ตัวอักษรเต็มไปด้วยพลัง ปรากฏขึ้นบนกระดาษอย่างมีชีวิตชีวาราวกับมังกรแวกว่าย หงษาเริงระบำ แม้ว่าจะไม่ทำอะไร และเพียงมองดูเขาเขียนอักษรก็รู้สึกดุจดั่งศิลปะอันสมบูรณ์แบบ ในเวลานี้ อยู่ๆ หญิงสาวที่รูปลักษณ์งดงาม รูปร่างสะสวยก็เดินเข้ามาจากทางประตู ยามปกติเมื่อเธอพบเจอเขา ใบหน้าก็จะประดับไปด้วยรอยยิ้มหวาน แต่ว่าในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความอึมครึมไม่สดใส เมื่อเห็นท่าทีไม่เป็นสุขเช่นนี้ของเธอ ภายในใจของเขาก็บีบแน่นขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเธอะสามารถชักจูงจิตใจของเขาได้อย่างง่ายดาย ทำให้เขาอดนึกถึงเหตุผลที่ทำให้เธอไม่มีความสุขขึ้นมาไม่ได้ “เป็นเช่นใด?” เขาวางพู่กันลงไปยังที่วาง หลังจากนั้นก็เดินไปยังด้านหน้าของเธอ ใบหน้ารูปไข่ที่งดงามเช่นนี้ ถ้าหากไร้รอยยิ้ม มันก็ทำให้รู้สึกน่าเสียดายจริงๆ จางอวี่โหร่วเงยหน้าขึ้นไปจ้องมองเขาราวกับมีเพียงมองเห็นหน้ากากเขี้ยวหมาป่าทองแดงอันดุร้ายนี้เท่านั้น เธอจึงจะสัมผัสได้ถึงความปลอดภัยมากมาย อยู่ๆ เธอก็ยื่นมือออกไปกอดเขาเอาไว้ หลังจากนั้นก็ซุกตัวลงในอ้อมอกของเขา “มีใครรังแกเจ้าหรือไม่ บอกข้ามา ข้าจะไปร้องความเป็นธรรมแก่เจ้า” จางอวี่โหร่วส่ายหน้า : “คนที่ถูกรังแกมิใช่ข้า ข้าช่างไร้ประโยชน์ แม้แต่คนเคียงกายก็ยังไม่อาจจะปกป้องได้ เมื่อเห็นนางได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนั้น หรือบางทีอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ข้ารู้สึกกลัวมากจริงๆ” แผนการแก้แค้นของเธอยังไม่สำเร็จลุล่วง แต่คนเคียงกายเธอกลับเริ่มต้องสังเวยชีวิต การโจมตีเช่นนี้ จางอวี่โหร่วจะสามารถอดทนรับได้อย่างไร? “เจ้าหมายถึงหลินจื่อ? ตอนบ่ายที่ข้ากลับมา ข้าได้ยินผู้ดูแลกล่าวว่าชาวใช้ตำหนักหลินมาหาเจ้า หลังจากนั้นเจ้าก็รีบร้อยจากออกไป เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” เมื่อจางอวี่โหร่วได้ยินเสียงที่อบอุ่นของเขา ภายในใจของเธอก็แสบร้อยขึ้นมา เธอทั้งเจ็บใจและเสียใจ น้ำตาจึงรินไหลลงมาอย่างอดกลั้นไม่อยู่ หลังจากนั้นเธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้เขาฟัง ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! แววตาด้านหลังหน้ากากของชายหนุ่มประกายความหม่นหมองออกมา หลินจื่อถูกองค์รัชทายาทและเฉินซูเสียนทำให้เดือดร้อน พาตัวไปยังตำหนักดองกง และข่มเหงกระทำชำเรากับเธอ และยังให้องค์รัชทายาทกระทำเรื่องไร้ยางอาย ต้องการจะทำลายความบริสุทธิ์ของเธออีก คิดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะจากไปได้เพียงหนึ่งวัน ภายในราชวังจะเกิดเรื่องน่าสนใจมากมายเพียงนี้ ในตอนนั้นเขาก็พูดออกมาแล้ว เพียงแค่มีจางอวี่โหร่วอยู่ ราชวงศ์หนานหชู่แห่งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และเริ่มพังทลายจากภายใน ในตอนนั้นเอง ขอเพียงแรงกดดันจากภายนอกเพียงเล็กๆ ทุกสิ่งของหนานหชู่ก็จะสามารถพังทลายได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าเขายังคิดไกลไม่พอ ก่อนหน้านั้นเขายังต้องอาศัยสิ่งนี้ก่อให้เกิดสงครามสี่แคว้นขึ้น ดังนั้นตอนนี้มันเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากที่จางอวี่โหร่วบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่เขาแล้ว การตอบสนองของชายหนุ่มก็คือการกอดรัดเธอแน่นเข้าไป มันแน่นเสียจนราวกับต้องการจะรั้งเธอให้แทรกซึมเข้าไปในกายของเขาและเกือบจะหายใจไม่ออก เขาทำอะไรอยู่? เธอบอกเรื่องของหลินจื่อออกไป หวังว่าหลังจากพูดออกไปแล้วเขาจะช่วยคิดหาวิธี ทำไมเขาถึงกระทำเช่นนี้? “ยังดีที่ไม่ใช่เจ้า!” ในตอนที่เขาพูดออกมาในที่สุด เขาก็พูดออกมาอย่างชัดเจน ในใจของจางอวี่โหร่วชะงักไป เธอจ้องเจ้าไปภายในดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของเขา ภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งมากมาย ไม่แปลกเลยว่าทำไมเมื่อสักครู่เขาถึงตื่นตะหนกเพียงนั้น ที่แท้เขาก็กังวลในความปลอดภัยของเธอ เธอรับรู้ความรู้สึกนี้ของเขาแล้ว “ท่านวางใจเถอะ จะเป็นข้าได้อย่างไร แม้ว่าข้าจะเผชิญกับสถานการณ์เช่นนั้น ข้าก็จะต้องดูแลตัวเองให้ดี ที่น้องหลินเป็นเช่นนี้ ส่วนมากก็เป็นเพราะข้า เฉินซูเสียนนำความแค้นทั้งหมดที่มีไปลงกับนาง” เธอพูดออกมาด้วยความเอ่ยโทษตนเอง “คนโง่เขลา จะเป็นเพราะเจ้าได้อย่างไร? ที่เฉินซูเสียนเพ่งเล็งนางจะต้องเป็นเพราะองค์ชายรอง ใครที่ได้อภิเษกกับองค์ชายรอง นางก็จะแก้แค้นคนนั้น แม้จะเป็นคนอื่นก็เช่นเดียวกัน มันไม่อาจจะหลบหนีได้พ้น” “แต่ว่า......เมื่อเห็นนางสลบไม่ฟื้นเช่นนั้น ภายในใจของข้าก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก อยากจะให้คนที่บาดเจ็บเป็นตัวข้า เป็นเพราะข้าลากนางเข้ามาในสถานการณ์เช่นนี้ นางเชื่อในตัวข้ามาโดยตลอด แต่ข้ากลับปกป้องนางได้ไม่ดี” เธอเป็นเพียงเด็กสาววัย 16-17 ปี จะสามารถรับความรับผิดชอบมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร เรื่องราวในใจของเธอหนักหนาเกินไปแล้ว “อย่างไรเรื่องราวก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ดังนั้นอย่าได้พูดเรื่องที่ไร้ความหมายเช่นนี้อีกเลย สิ่งสำคัญก็คือต่อจากนี้จะร้องความเป็นธรรมแก่หลินจื่ออย่างไร ถ้าหากตอนนี้นางฟื้นขึ้นมา คิดว่านางจะอยากเห็นเจ้าโทษตัวเองอยู่ตลอด แต่กลับปล่อยให้คนร้ายลอยนวลหรือ?” ชายหนุ่มทำใจมองดูเธอเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ จึงได้แต่เอ่ยเตือนขึ้นมา เธอเข้าใจหลักเหตุผลทั้งหมด แต่ว่าปัญหาก็คือเธอกังวลว่าหลินจื่อจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ในตอนแรกเธอคิดหาทุกวิถีทางให้หลินจื่อได้ครองคู่กับองค์ชายรอง เดิมทีเธอก็ต้องการจะชดใช้ที่เธอใช้ประโยชน์จากหลินจื่อในการหลบหลีกการแต่งงาน อยากให้หลินจื่อได้พบความสุขของตัวเธอเอง และรู้สึกว่ามีเสาหลักที่จะเลี้ยงดูเธอไปได้ตลอดชีวิต แต่ว่าในตอนนี้ ไม่เพียงเธอจะไม่ได้นำความสุขมาให้แก่หลินจื่อ แต่ยังทำร้ายเธออีก มันเป็นสิ่งที่จางอวี่โหร่วรู้สึกไม่ดีที่สุดภายในใจ ความรู้สึกต้องการแก้แค้นของเธอร้อนรนจนไม่อาจรีรอ แต่ว่าร้อนใจก็ทานเต้าหู้ร้อนไม่ได้ เธอยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่สามารถสงบใจลง ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของหันยี่ฉี เธอก็รู้สึกราวกับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ความสั่นคลอนในจิตใจของเธอก็ค่อยๆ สงบลง ใช่แล้ว ร้อนใจไปก็ไม่ช่วยอะไร ตอนนี้เธอควรจะบอกให้ตัวเองใจเย็น ตอนนี้องค์ชายรองยึดติดอยู่กับหลินจื่อ เดิมทีก็ไม่อาจจะทันคิดถึงเรื่องอื่น และหากต้องการให้เขาต่อกรกับพี่ชายของตนเองก็คงเป็นไปไม่ได้นัก ดังนั้นเธอนี้เธอจะต้องเป็นคนจัดการแล้ว “ยี่ฉี ขอบคุณท่านมาก ข้ารู้ว่าข้าควรทำอย่างไรแล้ว” เมื่อเธอพูดประโยคเมื่อสักครู่อออกมา อยู่ๆ เขาก้มหัวลงมากัดเข้าที่ลำคอของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ได้กระทำรุนแรงนัก แต่ก็ยังคงทำให้จางอวี่โหร่วขมวดคิ้ว เขากำลังทำอะไร? ก่อนหน้านี้ยามที่เขาไม่พอใจในตัวเธอ เขาก็จะใช้วิธีนี้มาลงโ?ษ แต่ว่าครั้งนี้เธอกลับไม่เข้าใจ เธอไม่ได้ฟังคำแนะนำของเขาจนคิดได้แล้วหรอกหรือ? เธอทำอะไรผิดอีกกัน? “ระหว่างสามีภรรยายังจะต้องให้เจ้ากล่าวขอบคุณแก่ข้าอีกหรือ หากครั้งหน้าเจ้ายังพูดเช่นนี้อีก ข้าจะจับเจ้าขึงไว้กับเตียงแล้วตั้งใจสั่งสอนให้เจ้ารู้ว่าอะไรที่เรียกว่า สามีภรรยา” แค่กๆๆ.......ใบหน้าของจางอวี่โหร่วแดงก่ำขึ้นในทันที ไม่จำเป็นต้องสอน เธอก็ “เข้าใจอย่างลึกซึ้ง” แล้ว แต่ว่าเมื่อเขาบีบรั้นขึ้นมาเช่นนี้ เธอก็อดจินตนาการไปถึงสภาพของตัวเองที่ถูกกระทำจนลงมาจากเตียงไม่ได้หลายวันขึ้นมาไม่ได้ ไม่เอาเด็ดขาด! “เมื่อสักครู่ข้าพูดผิดไปแล้ว ข้าควรจะบอกว่า ขอบคุณการยั้งเตือนของท่านสามี ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว” เมื่อที่จะไม่ทำให้ “การสั่งสอน” ที่เขาพูดเป็นจริงขึ้นมา จางอวี่โหร่วจึงรีบพูดขึ้นอย่างประจบประแจง หยอกล้อกันมาพอสมควรแล้ว ตอนนี้น่าจะต้องเข้าเรื่องกันได้แล้ว “เอาล่ะ เจ้าว่า เจ้าเข้าใจอะไรบ้างแล้ว?” เมื่อพูดเข้าเรื่องจริงจังขึ้นมา จางอวี่โหร่วก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน “เรื่องในวันนี้เป็นการเตือนพวกเราอย่างรุนแรง ฮ่องเต้รักใคร่ในตัวขององค์รัชทายาทมาก มากจนถึงขั้นที่ไม่แยะแยะผิดถูกเช่นนี้ มันหนักหนากว่าที่พวกเราคาดการเอาไว้มาก เฉินซูเสียนเองก็น่าจะอาศัยใช้ประโยชน์จากองค์รัชทายาทมาต่อกรกับพวกเราต่อไป ดังนั้นพวกเราไม่สามารถนั่งรอความตายเช่นนี้ได้ จะต้องตัดต้นตอของปัญหาเสีย” ก่อนหน้านี้ศัตรูของเธอมีเพียงองค์ชายสามและลี่เฟย ตอนนี้ยังมีเฉินซูเสียนและองค์รัชทายาทเข้ามาเพิ่มอีก หรืออาจจะเชื่อไปถึงฮ่องเต้ ศัตรูตัวหลักยังไม่ถูกจัดการ แต่ศัตรูรอบข้างกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนเส้นทางหลังจากนี้จะยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว “ขุดรากถอนโคน จะยากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายเช่นกัน หากอยากจะเป็นนักล่าที่หลักแหลมก็ควรจะเข้าใจว่าอะไรคือ ‘นกกระยางต่อสู้กับหอย นั่งรอรับประโยชน์อย่างคนตกปลา’” จางอวี่โหร่วพยายามคิดความหมายที่ซ่อนอยู่ด้านในประโยคของเขาอย่างตั้งใจ หลังจากนั้นก็เอ่ยถามออกมา : “ท่านหมายความว่า จะต้องยุแยงให้องค์ชายสามและองค์รัชทายาทขัดแย้งกัน? แต่ว่าเขาจะโง่เขลาถึงเพียงนั้นหรือ?” ก่อนหน้านี้เธอเองก็อยากจะอาศัยเป่ยจื่อห้าวและลี่เฟยในการจัดการองรัชทายาท แต่ว่าหลังจากที่เกิดเรื่องของหลินจื่อขึ้นมาแล้ว ทุกคนต่างก็เห็นท่าทีของฮ่องเต้ได้อย่างชัดเจน พวกเขาจะกล้าทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายเช่นนั้นหรือ? “ไม่ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ เจ้าก็ต้องพยายามทำอย่างเต็มที่ เพราะว่านี่เป็นเพียงวิธีการเดียว” ใช่แล้ว เรื่องการฆ่าองค์รัชทายาทนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ตอนนี้เธอพยายามดิ้นรนมาสุดกำลังแล้ว มีสายตามากมายหลายคู่คอยจ้องมองเธออยู่ ถ้าหากเธอไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองก็จะถูกจับได้อย่างง่ายดาย และเมื่อถึงตอนนี้ก็มีแต่ต้องตายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หรืออาจจะสร้างความเดือดร้อนไปถึงหันยี่ฉี ทั้งตระกูลจาง เธอไม่มีทางจะเอาคนที่รักและใกล้ชิดที่สุดมาเสี่ยงอันตรายอย่างแน่นอน ตอนนี้ในยามที่เธอไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆ อยู่ เธอไม่ได้นึกถึงเพียงตระกูลจางแล้ว แม้แต่หันยี่ฉีก็ถูกรวมอยู่ในนั้น “ดีล่ะ ข้ารู้แล้ว!” เธอพยักหน้า ตอนนี้มีเพียงวิธีการนี้เท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้ “บางครั้งการจัดการเรื่องบางเรื่องก็ต้องกลับพลิกหนทาง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีมากเท่าไหร่ก็จะต้องมีหนทางรอดที่ถูกต้อง เจ้าจะต้องเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากข้อดีของศัตรู นำมันมาเป็นอาวุธที่มีประโยชน์ที่สุดต่อตนเอง และในตอนนี้เรื่องที่เจ้ากังวลใจอยู่ บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ภายในใจของเจ้าหวาดกลัว เข้าใจหรือไม่?” จางอวี่โหร่วเป็นหญิงสาวที่มีความฉลาดหลักแหลมเป็นอย่างมาก เมื่อเขาเอ่ยเตือนขึ้นมา แน่นอนว่าเธอจะต้องเข้าใจ การปกป้องอย่างไม่สนใจเหตุผลใดๆ ของฮ่องเต้ที่มีองค์รัชทายาททำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ว่าในสายตาของเป่ยจื่อห้าว มันน่าจะยิ่งน่าอิจฉาริษยาเสียมากกว่า เขาทะเยอทะยานอยากจะได้ตำแหน่งฮ่องเต้ และเพ่งเล็งองค์ชายรองมาโดยตลอด ส่วนองค์รัชทายาทนั้นเดิมทีเขาก็ไม่เคยมองอยู่ในสายตา แต่ว่าในตอนนี้ อย่าได้พูดถึงองค์ชายรองเลย แม้แต่องค์รัชทายาทเขาก็ยังจัดการไม่ได้ ตอนนี้คนที่อยู่ในตำแหน่งสืบทอดบันลังก์คือองค์รัชทายาทต่างหาก เป่ยจื่อห้าวจะปล่อยเขาไปง่ายๆ หรือ? 
已经是最新一章了
加载中