ตอนที่ 139 หลินจื่อฟื้นขึ้น   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 139 หลินจื่อฟื้นขึ้น
ต๭นที่ 139 หลินจื่อฟื้นขึ้น สายลมพัดพา ท้องฟ้ามืดครึ้มขึ้น สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาที่ทางด้านนอก ไม่เพียงแต่จะทำให้คนรู้สึกหนาวเย็น แต่ยังให้ความรู้สึกเย็นสบายชนิดหนึ่งอีกด้วย จางอวี่โหร่วยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เมื่อยื่นมือออกไปก็มีกลีบดอกไม้ที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝนปลิวเข้ามาสู่มือของเธอ พรุ่งนี้คือวันอภิเษกขององค์รัชทายาทและเฉินซูเสียนแล้ว ทุกอย่างทุกเตรียมพร้อมเอาไว้เป็นอย่างดี เหลือเพียงรอคอยฤกษ์งามเท่านั้น วันที่มีความสุขยินดีไปทั่วหล้านี้ ใครจะรู้ว่าจะกลายเป็นอย่างไร? ในตอนนั้นเองอยู่ๆ เสี่ยวเฟิงก็วิ่งรีบร้อนเข้ามาจากด้านนอก เธอรีบวิ่งจนหอบ แต่ว่าบนใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ เห็นได้ชัดว่าเธอนำข่าวดีมากข่าวหนึ่งมา “คุณหนู เมื่อสักครู่ตำหนักหลินส่งคนมาแจ้งข่าว เขาบอกว่าคุณหนูหลินฟื้นขึ้นแล้ว!” “อะไรนะ เจ้าพูดจริงหรือไม่?” เมื่อสักครู่จางอวี่โหร่วเพิ่งจะคิดขึ้นในใจ ถ้าหากหลินจื่อฟื้นขึ้นมาเร็วหน่อยได้ก็คงจะดี จะได้เห็นว่าเธอแก้แค้นให้อย่างไรด้วยตาของตัวเอง ผลก็คือตอนนี้เสี่ยวเฟิงนำข่าวมาให้เธอจริงๆ แล้วจะไม่ดีใจได้อย่างไร? “แน่นอนว่าเป็นความจริง ขอบคุณฟ้าขอบคุณดิน คนดีเช่นคุณหนูหลิน พระเจ้าต้องปกป้องอยู่แล้ว” เรื่องราวน่าดีใจเช่นนี้ จางอวี่โหร่วจะไม่ดีใจได้อย่างไร เธอแทบจะรอคอยไม่ไหว และอยากจะบินไปยังตำหนักหลินเสียเดี๋ยวนี้ “จะนิ่งอยู่ทำไมกัน พวกเรารีบไปเยี่ยมมน้องหลินเถอะ” “แต่ว่าตอนนี้ฝนตกหนักมาก พวกเรารออีกสักพัก เมื่อฝนหยุดแล้วค่อยว่ากันอีกที หากเป็นไข้ไม่สบายขึ้นมาจะทำอย่างไร!” แม้ว่าเรื่องที่คุณหนูตระกูลหลินฟื้นขึ้นมาแล้วจะเป็นข่าวดี แต่ว่าเธอก็ไม่อาจจะปล่อยให้คุณหนูของตัวเองเปียกปอนจนป่วยได้ “เจ้าให้ข้ารอเช่นนี้ ข้าก็มีแต่จะนั่งไม่สงบ ไม่ต้องเปียกฝนตาย ข้าก็จะตายเพราะร้อนใจ!” ตอนนี้เธอรอไม่ได้แม้สักนาที เธอจึงรีบเดินออกไปด้านนอก เสี่ยวเฟิงหยิบชุดคลุมคลุมไปบนร่างของเธอ พร้อมทั้งกางร่มตามอยู่ด้านหลัง ....... ตำหนักหลิน ตอนนี้ภายในห้องของหลินจื่อเกือบจะเต็มไปด้วยผู้คนจนแน่นห้อง พ่อแม่ตระกูลหลิน องค์ชายรอง และบรรดาสาวใช้ต่างก็ยืนอยู่ข้างกัน พวกเขามองไปยังหมอหลวงที่กำลังนั่งตรวจชีพจรให้หลินจื่ออยู่ข้างเตียงด้วยความร้อนรนเล็กๆ พวกเขาได้แต่รอคำตอบของเขา ตอนนี้หลินจื่อฟื้นขึ้นมาแล้ว แม้ว่าสีหน้าจะยังซีดขาวอยู่ และร่างกายยังอ่อนแอจนไม่อาจลุกขึ้นได้ แต่ว่าเธอก็ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว เพียงเรื่องนี้ก็สามารถทำให้คนดีใจได้แล้ว “หมอหลวงจาง ตอนนี้จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?” เป่ยจื่อหัวถามขึ้นด้วยความร้อนรน หมอหลวงลุกขึ้นมา ก่อนจะประสานมือพูดกับพวกเขา : “องค์ชายรอง ท่านเชิ่น พวกท่านวางใจเถอะ ตอนนี้คุณหนูหลินไม่มีอันตรายอะไรแล้ว” “นี่มันดีจริงๆ!” เมื่อได้รับคำตอบ ทุกคนต่างก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาจริงๆ มีเพียงคุณหญิงเฉิ่นเท่านั้นที่มองดูยังกังวลอยู่ “แต่จื่อเอ๋อร์สลบไปนานหลายวัน ตอนนั้นสถานการณ์ยังสาหัญเพียงนั้น ท่านหมอหลวงลองดูอีกสักนิด ให้มั่นใจเสียหน่อย ข้ากังวลใจว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับนางจริงๆ” “คุณหญิงโปรดวางใจ คุณหนูหลินเป็นคนดีสวรรค์เมตตา ตอนนี้นางไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆก่อนหน้านี้เหมือนว่าบริเวณศีรษะของนางจะได้รับอาการบาดเจ็บหนัก และอาจจะมีเลือดคลั่งภายใน แต่ว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ได้รับการรักษาจากยา ก้อนเลือดคลั่งจึงค่อยๆ สลายหายไปแล้ว ดังนั้นจึงฟื้นขึ้นมา ส่วนเรื่องของร่างกาย ตอนนี้ยีงอ่อนแออยู่มาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทานยาต่อไป เช่นนี้แล้วก็จะได้ดีขึ้นเร็ววัน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว ทุกคนต่างก็วางใจ “ลำบากหมอหลวงจางแล้ว เช่นนั้นท่านก็ออกยาเถอะ แต่ว่าท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนกลับโรงพยาบาลไท่ไป อยู่พักตรวจสอบอยู่ที่นี่สักพัก ป้องกันเหตุไม่คาดฝัน” “รับทราบ ตามบัญชา!” ดังนั้นหมอหลวงจึงถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว “จื่อเอ๋อร์!” เป่ยจื่อหัวเดินไปที่ข้างเตียงทันที จากนั้นเขาก็กุมมือของหลินจื่อเอาไว้แน่น “เจ้าฟื้นขึ้นมาแล้ว รู้หรือไม่ว่าข้าเกือบจะตกใจตายเพราะเจ้า!” หลินจื่อจ้องมองไปที่เขา และมองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของเขาในตอนนี้ไปทั้งหมด ก่อนหน้านี้เขาดูสูงส่งสง่างามเช่นนั้น แต่ตอนนี้กลับมองดูอ่อนล้าอิดโรย ทั้งหมดเป็นเพราะเธอหรือ? เขาชอบเธอมาก และกังวลใจเกี่ยวกับเธอมากจริงๆ หรือ? หลินจื่อยื่นมือออกไปสัมผัสเข้าที่พวงแก้มของเขาเบาๆ : “ท่านผอมลงแล้ว!” หลินหงพูดขึ้นจากข้างกาย : “จื่อเอ๋อร์ หลายวันที่ผ่านมานี้ องค์ชายรองต่างก็คอยคู่เคียงข้างเจ้า ไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ได้ทานอะไรเสียเท่าใด เขาลงแรงเพื่อเจ้ามากทีเดียว” อะไรนะ เขาเป็นถึงองค์ชายที่สูงส่ง ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองเช่นนี้? หลินจื่อพูดขึ้นเบาๆ : “ท่านโง่เขลานัก!” “ขอโทษด้วย ก่อนหน้านี้เป็นเพราะข้าไม่ดี เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ก็เป็นความผิดของข้า ข้าไม่อาจปกป้องเจ้าให้ดีได้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะอวี่โหร่วย้ำเตือนข้า เกรงว่าตอนนี้ข้าก็คงยังไม่รู้ความผิดของตนเอง เจ้าวางใจเถอะ หลังจากนี้ข้าจะแบกรับฟ้านี้เพื่อเจ้า หากมีใครกล้าทำร้ายเจ้า ไม่ว่าจะเป็นใคร ข้าก็จะไม่ปล่อยไปแน่” เขาไม่อาจจะไม่เด็ดขาดเช่นนี้ต่อไป เพราะว่าเขาอ่อนแอก็มีแต่จะทำร้ายหญิงที่เขารัก เรื่องนี้ได้เป็นสัญญาณเตือนแก่เขาแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะเขารับรู้ขึ้นมา สวรรค์จึงมอบโอกาสให้หลินจื่อฟื้นขึ้น เขาจะต้องจับโอกาสนี้เอาไว้ให้มั่น ทั้งสองจับมือกันแน่น ภาพนี้ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นต่างรู้สึกประทับใจ ผู้ที่รู้สึกยินดีที่สุดก็คงจะเป็นพ่อแม่ตระกูลหลิน เมื่อเห็นลูกสาวของตนเองได้รับการปกป้องจากชายหนุ่มที่อบอุ่นและยอดเยี่ยมเช่นนี้ ภายในใจของคนที่เป็นพ่อแม่ก็ย่อมปิติยินดี แม้ว่าหลินหงจะเลื่อนขั้นในราชวัง และเป็นผู้มีอำนาจในราชวัง แต่อย่างไรเขาก็เป็นเพียงขุนนาง แล้วจะมีอำนาจใดไปเชิญหมอหลวงมาดูอาการ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องให้อยู่ดูแลที่ตำหนักเป็นพิเศษเลย ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นเพราะองค์ชายรอง ภายในใจของหลินหงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เมื่อคิดขึ้นแล้ว เมื่อสองเดือนก่อนหน้า เขาได้รับคำสั่งให้นำลูกสาวยกให้แก่อ๋องชิงผิง ในตอนนั้นเขารู้สึกดั่งโดนฟ้าผ่าในวันฟ้าใส การส่งลูกสาวไปยังกองไฟ แน่นอนว่าเขาไม่อาจจะเต็มใจ แต่ว่าการขัดคำสั่งมีความผิดถึงตาย และยังต้องฆ่าล้างทั้งตระกูล หลินจื่อเข้าใจดี เพื่อที่จะไม่ต้องทำให้ทุกคนลำบาก เธอจึงตกลงจะออกเรือนด้วยตัวเอง พวกเขาส่งลูกสาวขึ้นเกี้ยวไปด้วยน้ำตา รวมทั้งเตรียมช่วยเหลือเธอหลังจากนี้ แต่ใครจะคิดว่า อยู่ๆ ทุกอย่างจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ตอนนี้ลูกสาวของพวกเขาไม่เพียงหาความสุขของตัวเองเจอ แต่สามีในอนาคตยังเป็นถึงองค์ชายรองที่สูงส่ง ความสามารถและอำนาจสมบูรณ์ รูปลักษณ์งดงาม เขารู้ว่าไม่ว่าจะเป็นความสุขของหลินจื่อหรือตำแหน่งของเขาในปัจจุบันต่างก็เกี่ยวข้องกับจางอวี่โหร่วและตระกูลจาง ดังนั้นตอนนี้เขาจึงทำอะไรไปตามที่ตระกูลจางนำไปแล้ว ตอนนี้ตระกูลจางอยู่ในอันตราย ถูกตำหนักเฉินกั๋วกงกดขี่เอาไว้ หลินกงก็ได้ยื่นมือช่วยเหลือไปไม่น้อย จึงสามารถเห็นได้ว่าเขาเป็นคนที่รู้จักตอบแทนบุญคุณ ในตอนนี้อยู่ๆ ด้านนอกก็ส่งเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา “น้องหลินฟื้นแล้วหรือไม่?” จากนั้นพวกเขาก็ได้เห็นหญิงสาวที่งดงามสง่าประทับใจคนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา
已经是最新一章了
加载中