ตอนที่ 181 ที่มาของชายชราลึกลับ

ต๭นที่ 181 ที่มาของชายชราลึกลับ เนื่องจากเย่นหลิงเป็นตัวแทนที่ไว้ใจได้ของหันยี่ฉี ดังนั้นมีเรื่องราวมากมายที่เขาไปช่วยเหลือทำแทนตัวหันยี่ฉี อย่างเช่นการตรวจสอบเรื่องราวของชายชราที่จางอวี่โหร่วไปพบเจอที่หมู่บ้านชาวสวนนอกเมืองนั่น เขามอบหน้าที่นี้ให้เย่นหลิงไปสืบหา ไม่อย่างนั้นเย่นหลิงก็คงจะไม่อาจรู้เรื่องที่จางอวี่โหร่วไปพบกับชายชราคนนั้นได้ง่ายๆ ความรู้สึกผิดจากการกระทำ ทำให้เขาอดคิดไปถึงขั้นนั้นไม่ได้และภายหลังเมื่อได้รู้เรื่องราว เขาก็มั่นใจ เมื่อจางอวี่โหร่วมอบโอกาสไว้หน้าให้ แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องไปเอ่ยแจ้งบอกความกับท่านอ๋องด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าเขาเกรงกลัวความผิดอะไร เพียงแต่เขากังวลว่าน้องสาวของตัวเองอย่างเย่นอิ่งจะไม่มีคนคอยดูแล แต่ว่าทางฝั่งของท่านอ๋องนั้นก็จะต้องมอบสิ่งแลกเปลี่ยนเช่นกัน ในหมู่บ้านชาวสวนนอกเมืองห่างไกลเช่นนั้น จางอวี่โหร่วไปรู้จักชายชราคนนี้ได้อย่างไร เธอเป็นถึงคุณหนูร่ำรวยสูงส่งจากตระกูลจาง ทำไมถึงไปมีความสัมพันธ์กับชาวไร่ชาวสวนนอกเมืองเช่นนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มสืบค้นเกี่ยวกับตัวตนของชายชรา เมื่อลองสืบค้นดูก็พบว่า ชายชราผู้นี้มีที่มาที่ไปมากมาย จากที่ไปสอบถามก็ได้รู้ว่า หมอผู้นี้สกุลหลี่ นามไม่รู้ชัด ทุกคนต่างก็เรียกเขาว่า หมอหลี่ เขามาที่นี่เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ในตอนนั้นที่นี่อดยาก เต็มไปด้วยโรคระบาด เขาจึงอยู่ที่นี่เพื่อช่วยรักษาผู้ประสบภัยที่มีอาการรุนแรง และยังใช้เงินของตัวเองแบ่งปันแก่คนจน หลังจากที่ภัยพิบัติผ่านพ้นไป ทุกคนจึงสร้างที่พักแก่เขาเป็นการตอบแทนบุญคุณ ดังนั้นเขาจึงอยู่ที่นี่ถาวร และอยู่มาได้ 20 กว่าปีแล้ว ทุกคนไม่รู้ชัดถึงการใช้ชีวิตของเขานัก รู้เพียงเขามีมารยาทให้เกียรติผู้คน และยินดีช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ปกติแล้ว หากมีใครรู้สึกไม่สบายกาย ก็จะไปหาเขา และจะหายดีกลับมา ทุกคนต่างก็บอกว่า การรักษาของเขาวิเศษเสียยิ่งกว่าทานยาเทพจากสวรรค์เสียอีก พวกเขาเอ่ยชมเชยราวกับเขาเป็นเทพ แม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตอย่างยากจน แต่เรื่องการทานอาหาร แต่งกาย และใช้สอยกลับมีระเบียบเรียบร้อย เดิมทีก็ไม่ได้เหมือนกับชาวบ้านคนต่ำต้อย แม้อายุจะมากแล้ว แต่ว่าความสูงส่งจากกิริยาท่าทางของเขากลับดูราวกับพวกขุนนางชั้นสูงในเมืองหลวง ที่แท้มันก็มีอะไรแปลกๆ จางอวี่โหร่วมาเยี่ยมเยียนชายชราผู้นี้ในพื้นที่อันห่างไกล ไม่ใช่ว่าแปลกประหลาดมากหรือ? เขาเป็นคนที่ตระกูลจางส่งมาหรือไม่ หรือว่าตัวเขาจะยังมีความลับที่ลึกลงไปอีก ในยามกลางวันไม่สะดวกต่อการสืบเสาะ เช่นนั้นแล้วยามค่ำคืนค่อยลอบเข้ามาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง สุดท้ายในยามค่ำคืนดึกดื่นอันเงียบสงบ เย่นหลิงก็ได้พบกล่องที่ปิดล็อคเอาไว้จากในห้องหนังสือของชายชรา มองดูก็เห็นได้ว่ามีอายุหลายรุ่นแล้ว ด้านบนเต็มไปด้วยฝุ่นมากมาย เมื่อเปิดออกดูก็พบว่าด้านในคือตราประทับหนึ่ง ยังทั้งยังมีเอกสารอยู่เป็นกอง ดูเหมือนว่าจะสามารถรู้ถึงตัวตนของชายชราได้แล้ว เมื่อเย่นหลิงได้ของเหล่านี้มาแล้ว เขาก็เก็บกล่องกลับเข้าที่เดิม หลังจากนั้นก็รีบออกมาอย่างว่องไว ....... ตำหนักอ๋องชิงผิง แสงไฟจากตะเกียงประกายออกมาจากภายในห้องหนังสือ ร่างสูงเพรียวของชายหนุ่มก้าวเดินเชื่องช้าอยู่ที่ด้านหน้าโต๊ะ เขามองไปยังของทั้งสองในมือ ก่อนจะออกเสียงเรียกชื่อหนึ่งออกมา หลี่ชิงซิ้ว เย่นหลิงไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้เลยแม้แต่น้อย เขาไม่รู้อะไรเลย ชายชราคนนั้นมีอายุ 70 กว่าปีแล้ว เรื่องราวประวัติศาสตร์หลายสิบปีก่อน เขาจะไปรับรู้ได้อย่างไร? “ท่านอ๋อง พบเจออะไรหรือไม่ ของพวกนี้สามารถยืนยันตัวตนของเขาได้หรือไม่?” อยู่ๆ ดวงตาด้านหลังหน้ากากก็มืดมนลึกเกิดจะคาดเดาขึ้นมา “หรือว่า......จะเป็นเขา? ไม่ เป็นไปไม่ได้ ถ้าหากเป็นเขาจริง เมื่อ 20 กว่าปีก่อน เขาก็ตายไปแล้ว จะมีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร?” เมื่อได้ยินแล้ว ใบหน้าของเย่นหลิงก็เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดใจ เขาคือใครกันแน่? “บางที......อาจจะชื่อสกุลเดียวกันก็ไม่แน่” “เมื่อครู่ เจ้าบอกว่าเขาอายุเท่าใด?” ชายหนุ่มเอ่ยถามต่อ เย่นหลิงตอบกลับในทันที “ตามการตอบกลับของพวกชาวบ้านเหล่านั้น ปีนี้เขาอายุ 76 ปีแล้ว” “ต่างกันไม่มาก แม้ว่าจะมีชื่อสกุลเดียวกัน แต่จะมีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร? และเนื้อหาในเอกสารเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าสามารถยืนยันได้ว่าเขาคือคนของแคว้นแย่ อีกทั้งยังเป็นแพทย์ เรื่องบังเอิญเยอะเกินไป ถ้าหากว่าเป็นเขาจริง เขาจะยังไม่ตายได้อย่างไร?” เย่นหลิงถามคำถามที่ค่อนข้างชาญฉลาดออกมา “หรือว่าทั้งหมดนี้จะเกี่ยวข้องกับตระกูลจาง ไม่อย่างนั้นจางอวี่โหร่วจะรู้ถึงการมีอยู่ของเขาได้อย่าง?” ตระกูลจาง? แววตาของชายหนุ่มสั่นไหวไปราวกับในใจจะมีคำตอบอยู่แล้ว “เกี่ยวกับตัวตนของคนผู้นี้ ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด เขาน่าจะเป็นผู้นำของโรงพยาบาลแห่งแคว้นแย่ แพทย์หลวงหลี่ หลี่ชิงซิ้ว เขาเป็นแพทย์สวรรค์คนหนึ่ง ไม่เพียงแต่มีอำนาจในราชวังมาก แต่แพทย์หลวงทั้งหมดต่างก็เดินตามเขา และเขาก็ยังเป็นคนที่จิตใจดีงาม ถ้าหากในราชวังเงียบสงบไร้เรื่องใด เขาก็จะพาข้าบริวารออกไปเยี่ยมเยือนประชาชน ต้มยาแจกข้าวต้ม ประชาชนต่างก็ซึ้งในเมตตากรุณาของเขา พากันเรียกเขาว่า หมอสวรรค์หลี่” “อะไรนะ บนโลกนี้มีคนที่จิตใจดีถึงเพียงนี้ด้วยหรือ เหมือนอย่างที่ชาวบ้านเหล่านั้นว่ากล่าวไม่มีผิดเพี้ยน ดูเหมือนว่าจะเป็นเขาไม่ผิดแน่” เย่นหลิงพูดออกมาด้วยความตื่นตกใจ สำหรับคนแบบนี้แล้ว ในใจของเขารู้สึกเคารพมากทีเดียว นี่เป็นเรื่องเมื่อ 20 กว่าปีก่อนแล้ว ในตอนนั้นเย่นหลิงยังไม่เกิด หากจะไม่รู้ก็เป็นเรื่องปกติ “เพียงแต่.......” ชายหนุ่มขมวดคิ้วอันงดงามเล็กๆ แววตาของเขาปรากฏความไม่เข้าใจออกมา “ในตอนนั้นฮ่องเต้ผู้บุกเบิกหนานหชู่ร่วมมือกับจางไท่ชือก่อกบฏ คนหนึ่งคอยบอกข่าวสารภายในกองทหาร อีกหนึ่งกลับจงใจให้โอกาสปล่อยประตูว่างกองทหารฝ่ายตรงข้ามเข้ามายามถูกโจมตี หลังจากนั้นแคว้นแย่ล่มสลาย หนานหชู่ก่อตั้งขึ้นมาด้วยเลือกของชาวแคว้นแย่ สำหรับเหล่าขุนนางแคว้นแย่ หรือผู้มีความสามารถทั้งหลายต่างถูกฆ่าทิ้งไม่มีเหลือ ตามหลักแล้ว แพทย์หลวงหลี่ก็รควรจะตายไปตั้งแต่ 20 กว่าปีก่อน และยังถูกจัดการโดยจางไท่ชือเองด้วย เขายังมีชีวิต ปกปิดชื่อสกุลอยู่ในหมู่บ้านชาวสวนเล็กๆ ได้อย่างไร?” แพทย์หลวงหลี่ จางอวี่โหร่ว ตระกูลจาง? ทั้งสามมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร? “หรือว่าในตอนแรกจางไท่ชือจะตั้งใจปล่อยแพทย์หลวงหลี่ไป ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความเป็นไปได้เดียวในตอนนี้แล้ว!” ในตอนนี้ เขาสามารถตัดสินได้เพียงเช่นนี้เท่านั้น สีหน้าของเย่นหลิงมืดมัวลง “ไม่ เป็นไปไม่ได้! จางโม่เย่นมากเล่ห์กด ในตอนนั้นจดหมายก่อกบฏ เขาเป็นคนส่งให้มือกองทหารเย่นด้วยตัวเอง เขาเป็นผู้ทำลายแคว้นแย่ แพทย์หลวงหลี่เป็นขุนนางสำคัญในราชวัง เขาจะยินดีปล่อยให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างไร” ใจของคนผู้นี้จะต้องยิ่งคิดยิ่งย่ำแย่ลงแน่ เพราะว่าในตอนแรกเขามีความแค้นฝังลึกกับจางไท่ชือ ไม่ว่าจางไท่ชือจะทำอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันจอมปลอมทั้งนั้น และเขาก็นำความเคียดแค้นนี้ย้ายไปยังตัวของจางอวี่โหร่วด้วย จึงคิดว่าคนในตระกูลจางควรตายไปให้หมด “ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะมีเพียงหมอหลี่ที่สามารถให้คำตอบที่ถูกต้องกับเราได้แล้ว แต่ว่าเขาปกติชื่อสกุลมานานหลายปี และถือเป็นผู้เหลือรอดจากหนานหชู่ ด้วยสถานะของข้าในตอนนี้ เขาจะต้องไม่ยินดีบอกความจริงแน่ ดูเหมือนว่าจะมีแต่....... ในใจของเขามีวิธีที่จะจัดการเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว