ตอนที่ 191 แฉออกมาอย่างหมดเปลือก

ต๭นที่ 191 แฉออกมาอย่างหมดเปลือก “ข้าไม่ใช่คนของราชสำนักและไม่มีเจตนาร้ายต่อเจ้า ข้าแค่พยายามที่จะทำความเข้าใจข้อสงสัยในใจให้ชัดเจนขึ้นมาบ้าง ในเมื่อข้าได้มาหาถึงที่นี่แล้ว เจ้าควรเข้าใจเช่นนั้นเป็นธรรมดา บางเรื่องแม้เจ้าไม่ยอมรับ ก็ไม่เป็นประโยชน์” เขาไม่คิดจะ “ขายใบตราส่งของ”(อุบเรื่องที่สำคัญหรือน่าสนใจที่สุดเอาไว้ แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายรออย่างกระวนกระวาย)กับเขา เขาเพียงต้องการที่จะได้รู้ความจริงอย่างชัดเจนให้เร็วขึ้น “ได้ งั้นข้าก็จะบอกเจ้า เจ้าพูดถูก ข้าคือหลี่ชิงซิ้ว ตอนนี้เจ้ารู้คำตอบแล้ว ถึงเวลาที่บอกจุดประสงค์ของเจ้าออกมาแล้ว”เห็นได้ชัดว่าเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวังในชายหนุ่มชุดสีขาวที่อยู่ต่อหน้าคนนี้แล้ว “เจ้าเป็นแพทย์หลวงหลี่เมื่อครั้งก่อนนั้นจริงๆ? ยี่สิบกว่าปีก่อน เจ้าไม่ใช่ถูกจักรพรรดิองค์ใหม่ของหนานหชู่สั่งให้ตัดศีรษะไปแล้ว งั้นเจ้ายังมีชีวิตรอดอยู่จนถึงตอนนี้อีกได้อย่างไร?” เหตุการณ์ที่เคยผ่านไปเหล่านั้นเกือบจะทนไม่ได้ที่จะต้องย้อนกลับไปดู ครอบครัวของเขาทั้งหมดได้ตายไปอย่างอนาถแล้วเขาเป็นคนเดียวที่ประสบความสำเร็จในการหลบหนี ปกปิดชื่อแซ่อยู่ในหมู่บ้านภูเขาเล็กๆ แห่งนี้ หลายปีผ่านไปเช่นนี้เขาได้พยายามอย่างหนักที่จะทำจิตใจสงบเงียบ ไปช่วยผู้คนรอบ ๆ ตัวเขาอย่างสุดกำลัง อธิษฐานเผื่อคนในครอบครัวที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว สั่งสมคุณธรรมความดีงามเพื่อพวกเขาแต่ทำไม กลับต้องมีใครต้องการเปิดบาดแผลที่เลือดออกซิก ๆ นั้นของเขา ก็แบบนี้ให้เขาผ่านไปชั่วชีวิตของอย่างสงบสมบูรณ์ไม่ดีหรือ? “ฮ่า...เจ้าคิดถามอะไร ข้าไม่ยับยั้งเป็นธรรมดา แต่ข้าไม่คิดอยากตอบคำถาม ต่อให้เจ้าฆ่าข้าแล้ว ข้าก็ไม่ปล่อยให้เจ้ารู้เด็ดขาด” ยอมรับตัวตนฐานะ นี่เป็นเรื่องของเขาเอง เขาสามารถไม่สนใจ แต่คำถามต่อไปของเขาเกี่ยวข้องกับคนอื่น แน่นอนเขาก็สามารถไม่ตอบได้ด้วย เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มได้รู้ว่าในจิตใจของเขากำลังคิดอะไรแล้ว ขอเพียงเขาไม่หงุดหงิด เขาก็มีวิธีการที่จะเปิดปากของเขาเป็นธรรมดา “วันนั้นขณะที่ข้ากับหชู่ถันมาที่นี่ พอดีมีคุณหนูจางคนหนึ่งได้มาอีก จริง ๆ แล้วช่างเป็นเรื่องบังเอิญมาก ก่อนหน้านี้ข้าได้มีวาสนาพบหน้ากับนางครั้งหนึ่ง คุณหนูจางคนนั้นพอดีเอ่ยฐานะตัวตนของนางขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าทราบชัดเจนหรือไม่น่ะ นางเป็นหลานสาวของจางไท่ซือในราชสำนัก ตอนนี้คุณหนูใหญ่ทองพันชั่งเพียงคนเดียวของครอบครัวตระกูลจาง! ถ้าจำไม่ผิด เริ่มแรกที่เจ้ากับขุนนางใหญ่ในราชสำนักถูกส่งไปยังแดนประหาร ขุนนางที่คุมการประหารชีวิตในเวลานั้น ก็คือจางไท่ซือในปัจจุบัน แพทย์หลี่กับชนรุ่นหลังของศัตรูมีการคบหาไปมาอย่างลับ ๆ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนคาดคิดไม่ถึงหรอกหรือ?” เขาก็บีบคั้นทุกฝีก้าวอย่างสิ้นเชิง ดูไปแล้ว เรื่องที่เขารู้มากกว่าที่เขาคิดจินตนาการไปไกลโข เดิมชายชราคิดว่าตนเองมีชีวิตได้เจ็ดสิบกว่าปีแล้ว อิงตามการวางแผนยุทธวิธี ชายหนุ่มคนนี้ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้โดยสิ้นเชิง แต่ตอนนี้เขากลับรู้ว่าเขาผิดมากอย่างมหันต์ เพราะความคิดอ่านและวิธีการของเขาเกินจินตนาการของเขาไปแล้วอย่างสิ้นเชิง “เจ้าที่แท้เป็นใคร คิดจะทำอะไร?” คิ้วที่ละเอียดอ่อนงดงามดุจภาพวาดของชายหนุ่มในชุดสีขาว ปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ แวบผ่านไป เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ประดุจหยกใสเย็นแต่ตอนนี้กลับแฝงไว้ด้วยเสน่ห์สามส่วน เจ็ดส่วนเย้ายวน แทบดูดวิญญาณของมนุษย์ทั้งหมดเข้าไปแล้ว เขาเอาป้ายประกาศิตหยกสีขาวอันหนึ่งออกมาจากอ้อมอก หลังจากนั้นวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าเขา แววตาของชายชราขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อยขณะที่ได้เห็นป้ายประกาศิตหยกนั้น ราวกับไม่กล้าที่จะเชื่อบ้าง ผู้คนแห่งถนนใหญ่เทียนจื๋อสี่ประเทศเก้าทวีป บางทีอาจจะไม่มีใครที่ไม่จดจำป้ายประกาศิตป้ายนี้น่ะ ขอเพียงได้เห็นสัญลักษณ์ที่ป้ายประกาศิตนี้ ในห้วงสมองก็จะปรากฏคำว่า ตำหนักจิ๊วซา ที่ทำให้ผู้คนสั่นสะท้านขึ้นมาทันที ทุกครั้งที่ป้ายนี้ปรากฏขึ้น ก็จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมารอบหนึ่ง แม้แต่ฮ่องเต้สี่ประเทศที่มีตำแหน่งอำนาจสูงส่งบรรดาศักดิ์หนักใหญ่ ก็ไม่กล้าดูถูกเด็ดขาด เพราะกลัวว่าเคราะห์ร้ายนี้จะตกลงบนศีรษะของเขา และผู้ที่มีสิทธิ์อำนาจส่งออกป้ายประกาศิตนี้ ก็คือเชียนแย่ซิ้วท่านเจ้าตำหนักจิ๊วซาในปัจจุบัน ตอนนี้เขาหยิบป้ายประกาศิตนี้ออกมา มีความหมายจะทำอะไร ขอเพียงไม่ใช่เจ้าทึ่ม ต่างก็ชัดเจนมากแล้ว “เจ้า...” เขาชี้นิ้วที่สั่นเทิ้มไปยังเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความกลัวที่ไม่น่าเชื่อ ชายหนุ่มในชุดขาวกลับยิ้มเล็กน้อย หลังจากนั้นเก็บป้ายประกาศิตขึ้น “ตอนนี้ เจ้าสามารถรายงานความจริงกับข้าแล้วไหม?” เขา...นี่กำลังข่มขู่โดยสิ้นเชิงอ่า ถ้าเขาไม่พูด ยังมีทางเลือกอื่นๆ ไหม? เขาเคยเดาตัวตนของเขามาก่อน รู้สึกว่าเขาอาจจะเป็นผู้ที่มีความแค้นกับตระกูลจางรวมทั้งราชสำนักที่ได้ค้นพบความลับนี้โดยบังเอิญ ดังนั้นจึงได้มาสืบข่าวคราว หรือว่าเขาเป็นคนของค่ายสามประเทศอื่น ๆ ที่ส่งมาสอดแนมข่าวสารอะไร คิดจะได้รับความลับเกี่ยวกับหนานหชู่ แต่เขาต่างคิดไม่ถึงเด็ดขาดว่าเขาจะเป็นคนของตำหนักจิ๊วซา ถึงกับ ยังอาจเป็นประมุขตำหนักจิ๊วซาผู้นั้นที่อยู่เบื้องบนสูงสุด มีอำนาจสูงสุดยิ่งใหญ่ในการกุมชะตาชีวิตและความตาย ตำหนักจิ๊วซาเป็นการดำรงอยู่ที่ทำให้ผู้ซึ่งได้ยินต้องอกสั่นขวัญแขวนบนถนนใหญ่ของเทียนจือไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงพวกเขาเป็นพลังอำนาจเดียวแบบไหน ที่พวกเขารู้เพียงหนึ่งเดียวก็คือพวกเขามีอำนาจลึกลับที่น่ากลัว ในช่วงสิบปีสั้น ๆ ก็พัฒนาเติบโตขึ้นจนกลายเป็นการดำรงอยู่ที่สี่ประเทศไม่กล้าที่จะต่อต้านด้วย มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับต้นกำเนิดของตำหนักจิ๊วซา ต่างพากันพูดไปต่าง ๆ นานา ในวิธีการพูดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ พวกเขาเป็นผู้รอดชีวิตส่วนที่เหลือของแค้วนแย่ที่ถูกล้างเผ่าพันธุ์ในตอนแรกซึ่งได้สถาปนาขึ้นมา ภายหลังนี่แทบเป็นวิธีการพูดอันเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปแล้ว ในตอนนี้ การดำรงอยู่ของตำหนักจิ๊วซาเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่มากต่อหนานหชู่ รวมถึงแคว้นเยและแคว้นเชียวทั้งสองประเทศ ถ้าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วนที่เหลือกากเดนเวรกรรมจริง ๆ ถ้าพวกเขาคิดจะลงมือ คนแรกที่ต้องถูกเก็บไม่ใช่พวกเขาหรอกหรือ? ดังนั้นในหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาจึงได้ฝึกอบรมมือสังหารอย่างต่อเนื่อง คิดจะลักลอบแอบเข้าไปในตำหนักจิ๊วซาฆ่าเชียนแย่ซิ้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ลือกันว่ามือสังหารที่ไม่รู้จักเป็นตายเหล่านั้น หลังจากที่พวกเขาตายไปร่างได้ถูกทำให้กลายเป็นไสยเวทย์กู๋ที่ตำหนักจิ๊วซาได้ควบคุมไว้ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่ชายชราได้รู้เกี่ยวกับตำหนักจิ๊วซา แต่เขากลับไม่รู้ว่าตอนนี้เขามาหาเขาเพื่อทำอะไร เรื่องราวในยุคสมัยราชสำนักก่อนได้ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว ตอนนี้เขาเอ่ยขึ้นมา มีความหมายใดอีกน่ะ? ตอนนี้ไม่เพียงแต่ผู้ชายในชุดขาวมีความอยากรู้อยากเห็น ผู้เฒ่าเองยิ่งมีความคิดที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมากขึ้นอีก “คิดอยากรู้อะไร เจ้าถามเถิด” สีหน้าของผู้เฒ่าดูเศร้าหมองสลดหดหู่บ้าง “ความสัมพันธ์ของเจ้ากับคุณหนูจางที่มาหาเจ้าในวันนั้น” “ในวันนั้น ข้าได้เห็นการแสดงออกระหว่างพวกเจ้า ก็เดาว่าพวกเจ้ารู้จักกัน นางเป็นเด็กดีถ้านางได้ทำอะไรผิดต่อเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะให้เกียรติให้อภัยนาง” เห็นได้ชัดว่าผู้สูงอายุคิดว่าเขาต้องเป็นศัตรูกับจางยวี่โหร่วดังนั้นเขาจึงมาถามไถ่เรื่องเหล่านี้กับเขา ดังนั้นจึงมีสัญชาตญาณที่คิดปกป้อง “เจ้าสามารถวางใจเต็มที่ได้ ข้าไม่มีเจตนาร้ายใด ๆ ต่อนาง” ในที่สุด ชายชราก็โล่งใจเล็กน้อย เมื่อได้รับการรับประกันของเขา ที่จริงแล้วด้วยฐานะของเขา ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหลอกเขาโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ดูจากการเคลื่อนไหวของพวกเขาในวันนั้น เขากลับไม่ได้เหมือนเป็นศัตรูอะไรกับนางจริง ๆ อีกทั้งดูเหมือนกับว่ามีความคิดคนึงหาอะไรเป็นร้อยเป็นพันพัวพันไว้ “ข้าเป็นหลี่ชิงซิ้วจริง ๆ เมื่อยี่สิบปีก่อน ข้าเป็นคนที่กำลังจะตายคนหนึ่ง แต่กลับถูกจางไท่ซือช่วยไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ข้าคงได้ตายตั้งนานแล้วภายหลังภายใต้การจัดการของเขา ข้ามาที่นี่ยี่สิบปีที่ผ่านมา จวบจนกระทั่งได้ตั้งรกรากที่นี่โดยตรง ไม่มีใครรู้ฐานะตัวตนของข้า ข้าก็ตั้งใจที่จะใช้ชีวิตที่เรียบสงบเช่นนี้ไปชั่วชีวิต” ในที่สุดเขาก็เปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่และผู้ให้การสนับสนุนของเขาเองออกมา --โปรดอดใจรอ ติดตามตอนต่อไป 01/11/2019--