ตอนที่ 198 ผู้สืบทอดราชบัลลังก์   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 198 ผู้สืบทอดราชบัลลังก์
ต๭นที่ 198 ผู้สืบทอดราชบัลลังก์ เป่ยจื่อห้าวตกใจอึ้งไปอีกครั้งดูเหมือนว่าเขาจะรู้ชัดเจนว่าเขาคิดจะพูดอะไร แต่เขากลับไม่เข้าใจว่าที่แท้เขามีเป้าหมายอะไร “เสด็จพ่อ พระองค์...ทรงคิดถึงพระมเหสีองค์ก่อนอีกแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมมักจะได้ยินพระมารดาทรงเอ่ยถึงพระมเหสีองค์ก่อน พระมเหสีองค์ก่อนเป็นสตรีที่เสด็จพ่อทรงเคยรักมากที่สุด หลังจากที่พระนางทรงสิ้นพระชนม์แล้วทรงเหลือเพียงพระเชษฐาองค์โต ตอนนี้กระทั่งพระเชษฐาองค์โตก็...กระหม่อมสมควรตาย กล่าวถึงเรื่องโสมนัสของเสด็จพ่ออีกแล้ว ขอเสด็จพ่อทรงลงพระอาญาพ่ะย่ะค่ะ” เขาจงใจทำท่าทีกล่าววาจาพลาดไปออกมา เพื่อดูปฏิกิริยาของฝ่าบาท เพียงแต่ครั้งนี้ เขากลับไม่ได้แสดงสีหน้าเศร้าออกมาอีก แต่กลับมีรอยยิ้มปล่อยวางออกมาบนใบหน้า “พอแล้ว ไม่มีอะไร ยังไงก็ในไม่ช้าเจิ้งก็จะได้ไปอยู่ด้วยกันกับพวกเขา บางที...นี่ล้วนเป็นมติสวรรค์!” อะไร เขาไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความตาย แต่กลับยังรู้สึกเป็นการปลดปล่อยชนิดหนึ่ง เพราะทั้งอดีตพระมเหสีและองค์รัชทายาทได้ทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้พระองค์ทรงคิดจะไปอยู่ร่วมกับพวกเขา พระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้พระองค์หนี่ง พระองค์ไหนเลยทรงตรัสวาจาที่ไม่รับผิดชอบเช่นนี้ออกมาได้ พระองค์ทรงบ้าแล้วหรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในใจของเป่ยจื่อห้าวยังเกิดความรู้สึกอิจฉา ใช่ เขาอิจฉามาก! เป็นโอรสของพระองค์เช่นเดียวกัน ไยพระองค์จึงทรงลำเอียงเช่นนี้ ในสายพระเนตรของพระองค์ตลอดที่ผ่านมามีเพียงองค์รัชทายาทเท่านั้น ไหนเลยเคยมองดูเขาลูกคนนี้สักครั้ง ตอนนี้องค์รัชทายาทสวรรคตแล้ว ความหวังเพียงหนึ่งเดียวในโลกเขาก็ไม่เหลือแล้ว เขารู้สึกว่าตนเองล้มเหลวทุกอย่าง ด้านความรู้สึก เขาแพ้แก่อ๋องชิงผิน ด้านความสามารถรูปโฉม เขาแพ้แก่องค์ชายสองแล้ว พวกเขาทั้งสองก็แล้วไปเถิด ดีร้ายอย่างไร พวกเขาก็เป็นมังกรในหมู่มวลมนุษย์ที่แท้จริง บุคคลที่ยอดเยี่ยมมาก แต่องค์รัชทายาทเป็นเจ้าโง่ที่โง่งม ตัวหนึ่งอย่างสิ้นเชิง เขากลับไม่สามารถเทียบได้ ในใจเป่ยจื่อห้าวรู้สึกอัดอั้นเต็มที่แล้ว “เสด็จพ่อ พระองค์อย่าทรงตรัสเช่นนี้ พระองค์ยังทรงมีกระหม่อม ยังทรงมีพระเชษฐาสอง พระอนุชาสี่และพระอนุชาห้า ยังมีพระกนิษฐาฉางเล่อ เสด็จพ่อพระองค์ทรงแข็งพระทัยทิ้งเราไปได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” ฝ่าบาทส่ายหน้าอย่างจนพระทัย ถอนพระทัยไม่หยุด “เสด็จพ่อของเจ้าเป็นคนที่เห็นแก่ตัว ความรู้สึกของเขาจริง ๆ ไม่มีวิธีการที่จะไปแบ่งปันความรู้สึกหลายส่วนนั้นไปให้แก่ผู้อื่น ดังนั้นเป็นเสด็จพ่อที่ต้องขออภัยพวกเจ้า เจ้าควรจะสามารถเข้าใจปัญหาความยากลำบากของเสด็จพ่อน่ะ ก็เหมือนที่เจ้ารู้สึกต่อจางยวี่โหร่วแบบนั้น เพราะเจ้าได้รักนางแล้ว ดังนั้นเจ้าก็สามารถไม่สนอะไรทั้งสิ้น รวมถึงนางได้เปลี่ยนใจอภิเษกสมรสกับชายอื่นแล้ว แต่ความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อนางยังคงเหมือนเดิม ภายหลังเจ้าอาจอภิเษกสมรสกับหญิงอื่นได้ แต่นางอยู่ในหัวใจของเจ้า เป็นมุมหนึ่งที่ผู้อื่นไม่สามารถแตะต้องสัมผัสได้ชั่วนิรันดร์จริง ๆ” นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อลูกได้เปิดใจพูดคุยกัน แต่ที่ถกประเด็นกันก็เป็นปัญหานี้จริง ๆ ดูเหมือนว่าเขากำลังมองหาความเห็นอกเห็นใจอย่างสิ้นเชิง แต่น่าเสียดายที่พระองค์จะไม่มีวันรู้ว่าพระองค์ได้หาคนผิดแล้ว แม้ว่าเป่ยจื่อห้าวไม่เข้าใจในน้ำเต้าเขาขายยาอะไร แต่เรื่องมาถึงวันนี้ ก็ยังได้แต่ตามวาจาเขาไป “ใช่ ลูกรักจางยวี่โหร่วอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบนางก็ได้ตัดสินใจว่านางเป็นคนเดียวที่กระหม่อมรักไปชั่วชีวิตนี้ แม้ว่าเราจะไม่ได้มีวาสนาอยู่ด้วยกัน แต่กระหม่อมยังคงไม่เปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อนาง และจะอวยพรนาง ปกป้องนางไปอย่างเงียบ ๆ ได้เห็นเขาสำนึกตัวเช่นนี้ การแสดงออกของฮ่องเต้โล่งใจมากอย่างเห็นได้ชัด “ไม่เสียทีที่เป็นโอรสของเจิ้ง ได้ใจเจิ้งอย่างลึกซึ้งจริง ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นต่อให้เจิ้งสิ้นพระชนม์แล้วจริง ๆ ก็สามารถตายตาหลับได้แล้ว” ได้ยินถึงตรงนี้ ในใจของเป่ยจื่อห้าวดีใจทันที เขาได้พูดอ้อมค้อมไปค่อนวันแล้ว เดี๋ยวบอกว่าเขาถ่อมใจมีมารยาท เดี๋ยวก็เอาเขาเปรียบเทียบกับตัวเอง นี่เห็นได้ชัดก็คือ... อารมณ์เขาอดที่จะเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาไม่ได้เมื่อคิดถึงตรงนี้ ได้แต่พยายามที่จะควบคุมตัวเองอย่างสุดชีวิต จึงไม่ถึงกับแสดงออกมา ในเวลานี้ ฮ่องเต้ได้ผ่อนไปพักหนึ่ง แล้วจึงกล่าวต่อไป “ครั้งนี้ในขณะที่จัดการเรื่องขององค์รัชทายาท เจ้ายังให้เจิ้งต้องมองเจ้าใหม่ ก่อนหน้านั้นเจิ้งคิดว่าเจ้ามัวแต่เป็นหนุ่มเจ้าสำราญเอาแต่เที่ยวเตร่มิอาจเป็นเครื่องมือที่ใช้การได้ กลับไม่คิดว่าเจ้าฉลาดมากเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เจิ้งไหนเลยสามารถหาฆาตกรตัวจริงที่วางแผนทำร้ายองค์รัชทายาทออกมาได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นน่ะ? ไม่ว่าจะเป็นเพื่อเจิ้งหรือเพื่อพระเชษฐาของเจ้า น้ำใจครั้งนี้เจิ้งก็ได้เห็นอยู่ในสายตาแล้ว” อืม เขาได้ยกย่องมากเช่นนี้แล้ว เป่ยจื่อห้าวยังฟังจนลอยละล่องขึ้นมาบ้าง ราชบัลลังก์นี้สำหรับเขาก็เป็นสิ่งที่แน่นอนอย่างสิ้นเชิงแล้ว การเตือนของพระมารดาไม่ผิดจริง ๆ ทำไมมีทางลัดไม่เดิน กลับต้องไปวางแผนที่อันตรายมากมายขนาดนั้นไปทำไมกันน่ะ? เขาไม่ได้เป็นองค์ชายสามที่ราบเรียบน่าเบื่ออดทนปิดบังซ่อนเร้นในก่อนหน้านี้อีกแล้ว ทำไม เขาจึงไม่แสดงความมั่นใจในตนเองออกมา ว่าเขาสามารถชิงราชบัลลังก์นี้อย่างสง่าผ่าเผยเล่า? “เสด็จพ่อ พระองค์อย่าได้ทรงตรัสเช่นนี้ นี่ล้วนเป็นสิ่งที่กระหม่อมผู้เป็นบุตรสมควรทำพ่ะย่ะค่ะ” เป่ยจื่อห้าวดูเจียมเนื้อเจียมตัวมากที่สุดกล่าวพลาง “ใช่ เจิ้งภูมิใจในตัวลูกอย่างเจ้าเช่นนี้ ตอนนี้ร่างกายของเจิ้งกำลังจะไม่ไหวแล้ว ประเทศชาติมิอาจปราศจากฮ่องเต้สักวันเดียว องค์รัชทายาทก็สวรรคตแล้ว ปัญหาเรื่องว่าที่ฮ่องเต้ก็ต้องพิจารณา เจ้ามีอะไรจะพูดกับเจิ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม?” ในใจเป่ยจื่อห้าวกระตุกวูบคราหนึ่ง หลังจากนั้นคำนับ กล่าวว่า “เรื่องสำคัญมากเช่นนี้ กระหม่อมผู้เป็นบุตรไม่กล้าเสนอไปเรื่อย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเสด็จพ่อเป็นประธาน ไม่ว่าเสด็จพ่อจะทรงให้ใครเป็นองค์รัชทายาท กระหม่อมผู้เป็นบุตรต้องสนับสนุนอย่างเต็มกำลังพ่ะย่ะค่ะ” “ช่างเป็นเด็กดีคนหนึ่ง ลำบากเจ้าต้องถ่อมใจเช่นนี้ เจิ้งไม่ได้ดูเจ้าผิดไปจริง ๆ ในเมื่อเจ้าไม่ได้มีความคิดเห็นใด ๆ ถ้าเช่นนั้นเสด็จพ่อก็จะตัดสินใจแล้ว” เป่ยจื่อห้าวพลุ่งพล่านจนหัวใจเกือบจะกระโดดออกมา รอคำตอบต่อไปของพระองค์ เดิมเขารอคอยด้วยจิตใจที่มีความหวังมาก ผลที่ได้คือเมื่อเขาได้ยินผลลัพธ์สุดท้าย คนทั้งคนเกือบจะเป็นอัมพาตนอนนิ่งไปกับพื้นโดยตรง “ตอนนี้ปัญหาทั้งภายในและภายนอกของหนานหชู่ ล่อแหลมมาก ต้องมีทายาทสืบทอดที่มีความสามารถมีกำลังในการจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบัน หลายวันนี้แม้ว่าเจิ้งประชวรต้องบรรทม แต่กลับครุ่นคิดปัญหานี้มาตลอด ในบรรดาโอรสทั้งหมด มีเพียงหัวเอ๋อพระเชษฐาสองของเจ้าที่สามารถแบกรับภาระนี้ได้ ถ้าแคว้นเย แคว้นเชียวทั้งสองประเทศกล้ามาจู่โจม ปู่ของเขาต้องช่วยเสริมแรงอย่างแน่นอน รักษาหนานหชู่ให้ปลอดภัยจงได้ ในอนาคตหัวเอ๋อสืบทอดบัลลังก์ หวังว่าเจ้าจะช่วยเขาอย่างดี” อะไรที่เรียกว่าสายฟ้าฟาดยามกลางวันแสก ๆ ความยินดีทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นอากาศว่างเปล่า เดิมเขาคิดว่าการลองถามไถ่วันนี้จะได้คำตอบที่เขาคิดอยากได้ แต่ตอนนี้จึงได้รู้แล้วว่าความคิดของตนช่างน่าขัน เสด็จพ่อทรงตรัสกับเขาเอง ให้เขาใจตายด้านไปซะจริง ๆ รู้ว่าตนเองกับบัลลังก์ไม่ได้มีบุพเพสันนิวาสต่อกัน แม้ว่าจะไม่มีองค์รัชทายาท ยังมีองค์ชายสอง อะไรที่ว่าบิดาเมตตาบุตรกตัญญู กล่าววาจา วางมาดภูมิฐานตีลูกขรึมเช่นนั้นมากมาย แต่สุดท้ายกลับให้ผลบั้นปลายเช่นนี้แก่เขา เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ คิดจะแตกหักกันไปข้างแล้ว “จื่อห้าว เป็นอย่างไรแล้ว?” เห็นเขาเงียบไปครึ่งวัน ฮ่องเต้มองเขาด้วยความสงสัย “ไม่...กระหม่อมผู้เป็นบุตรรับราชโองการ พระเชษฐาสองเป็นจอมทัพผู้ที่เหมาะสมในการสืบทอดราชบัลลังก์จริง ๆ เสด็จพ่อโปรดวางใจ กระหม่อมผู้เป็นบุตรต้องช่วยสนับสนุนพระเชษฐาสองอย่างสุดกำลังในวันข้างหน้า ปกป้องแผ่นดินหนานหชู่นี้พ่ะย่ะค่ะ” เขาก้มศีรษะด้วยความเคารพ ทำท่าซื่อสัตย์ แต่ในก้นบึ้งสายตาของเขา กลับมีความเคียดแค้นชิงชังที่สะดุดตาน่ากลัวแวบผ่านไป 
已经是最新一章了
加载中