ตอนที่ 201 สาวงามอันดับหนึ่งของแคว้นเหลียง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 201 สาวงามอันดับหนึ่งของแคว้นเหลียง
ต๭นที่ 201 สาวงามอันดับหนึ่งของแคว้นเหลียง สิบวันผ่านไป แขกอันทรงเกียรติจากทั้งสามแคว้นก็ได้ย่างกรายมาถึง ฮ่องเต้ทรงพระประชวร หน้าที่รับแขกจึงตกเป็นขององค์ชายสอง เขาได้กำชับให้คนในวังไปจัดการที่พักให้องค์หญิงองค์ชายจากสามแคว้นได้มาพัก พวกเขาพักอยู่ในที่ทำการสมาคมอยู่คืนนึง วันที่สองถึงจะเข้าวัง ถึงเวลาจึงจะมาออกหน้าต้อนรับที่พระตำหนักจินหนวน หลังจากที่ทักทายทำความรู้จักกัน ก็ได้จัดงานเลี้ยงที่พระตำหนักจื่อกวงเพื่อต้อนรับพวกเขา ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างจางยวี่โหร่ว แน่นอนว่าไม่มีสิทธิ์ไปเข้าร่วมงานข้าราชการที่พระตำหนักจินหนวนได้หรอก แต่งานเลี้ยงต้อนรับที่จะจัดขึ้นนี้ มีแค่ขุนนางตำแหน่งสามผิ่นขึ้นไปที่สามารถพาครอบครัวเข้าร่วมงานได้ นอกจากภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว คนอื่นๆจะต้องมีอายุที่พร้อมจะแต่งงานเพราะข้อตกลงยุติศึกสงครามในครั้งนี้ต้องสร้างอยู่บนพื้นฐานของการสมรสสร้างสัมพันธไมตรี ไม่ว่าองค์หญิงองค์ชายคนไหนทรงปลื้มใครแล้ว คนๆนั้นก็จะต้องทำใจ ในสถานการณ์แบบนี้ จางยวี่โหร่วไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น ในเมื่อนางแต่งออกเรือนไปแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางไปแต่งกับใครได้อีก แต่หลิงจือต้องระวัง เพราะนางยังไม่สมรสกับองค์ชายสอง ถ้าถูกเลือกตัวจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน แต่นางได้เตือนนางไว้แล้ว ให้นางแต่งตัวเรียบๆง่ายๆ ทำยังไงต่อนางก็น่าจะรู้ดี …… งานเลี้ยงต้อนรับถูกจัดขึ้นในเวลากลางคืน จางยวี่โหร่วเตรียมพร้อมเป็นที่เรียบร้อย เมื่อได้เวลา นางก็เข้างานไปพร้อมกับหันยี่ฉี วันนี้นางใส่ชุดนางในสีขาว ปักปิ่นหยกไว้บนหัวแบบง่ายๆ และปิ่นยังเป็นของที่หันยี่ฉีเลือกให้นางกับตัว เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่แต่งตัวสีสันฉูดฉาดพวกนั้นแล้ว ถือว่านางแต่งตัวได้เรียบมาก จางยวี่โหร่วต้องการมาแบบเงียบๆ แต่นางกลับไม่รู้ว่าในกลุ่มคนคนไร้การศึกษาที่วันๆรู้จักแค่แต่งตัว สภาพแบบนี้ของนางถึงจะเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน บริสุทธิ์ราวกับดอกชาขุนเขาสีขาว ความสวยและบริสุทธิ์นั้น ทำให้ผู้คนละสายตาไปจากนางไม่ได้เลย เห็นองค์ชายพวกนั้นจับจ้องไปยังจางยวี่โหร่ว ทันใดนั้นก็มีมือจากข้างหลังเอื้อมมาโอบเอวนางไว้แน่น และกอดนางไว้ในอ้อมอก เห็นหน้ากากเขี้ยวจิ้งจอกอันดุร้ายน่ากลัว คนพวกนั้นต่างก็หน้าซีดตกใจไปตามๆกัน ไม่กล้ามองอีกกลัวว่าตนเองจะถูกควักลูกตาในเวลาต่อมา พวกเขาไม่เคยเจอจางยวี่โหร่วมาก่อน แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สถานะตัวตนของนางแล้ว นี่เป็นแม่หญิงจากครอบครัวตระกูลจางเชียวนะ ตอนนี้คือพระชายาชิงผิน ถ้าพวกเขากล้าหยาบคายต่อพระชายาล่ะก็ ระวังจะโดนตัดหัวล่ะ เสียดาย……เสียดายจริงๆ คนสวยขนาดนี้ต้องแต่งให้กับปีศาจร้ายน่ากลัว กินเลือดกินเนื้อคน หลังจากที่เข้าไปในพระตำหนักจื่อกวง ไม่ทันไรนางก็ได้เจอหลิงจือ สายตาแรกที่มองไป นางเกือบจะหัวเราะเสียงดัง เจ้าหนูคนนี้ นางแค่ให้นางแต่งตัวเรียบง่าย ไม่ให้ดึงดูดสายตาผู้คน แต่ก็ไม่ถึงกับต้องแต่งขนาดนี้ก็ได้ ใบหน้าไม่รู้ไปทาอะไรมา เดิมจากผิวที่ขาวผ่องตอนนี้กลับดูเหลือง ดูไปแล้วเหมือนไร้จิตวิญญาณ คะแนนหน้าตาถูกหักไปไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่งตัวธรรมดาไม่เตะตาผู้คน จะได้ไม่ต้องถูกเลือกไปแต่งงาน เพราะตอนนี้หลิงจือยังไม่สมรสกับองค์ชายสอง ดังนั้นจึงไม่สามารถตามองค์ชายสองไปได้ ทำได้แค่นั่งบนตำแหน่งขุนนางข้างล่างกับท่านพ่อ จางยวี่โหร่วไปทักทายนาง ทั้งคู่มองหน้ายิ้มให้กัน จากนั้นก็กลับไปนั่งที่ของตน องค์ชายรองนั่งอยู่บนที่นั่งชั้นสูงสุด วันนี้เขาเป็นหัวหน้า ก็คือผู้ที่ควบคุมทุกอย่างที่นี่ ชัดเจนว่าเขาเห็นหลิงจือแล้ว ส่วนการแต่งตัวของนางเขาก็รู้อยู่แก่ใจ แม้ว่าเขาจะต้องรักษาภาพลักษณ์อยู่ตลอด แต่บางทีก็มีส่งสายตาเอ็นดูอ่อนหวานออกไปอยู่บ้าง ญาติสนิทมิตรสหายต่างก็พากันมาถึงแล้ว องค์หญิงองค์ชายจากแคว้นต่างก็เยือนเสด็จมาถึงด้วยเช่นกัน ขณะที่จางยวี่โหร่วเห็นพวกเขาสามคน ก็อดตะลึงไม่ได้ คนที่เดินอยู่หน้าสุดคือองค์ชายใหญ่จากแคว้นเย่น นามว่ามู่โหรงจิ๋ว เขาใส่ชุดพิธีลายงูเหลือมสีม่วงทอง ถึงหน้าตาจะดูไม่มีพิษมีภัย แต่สายตาหลักแหลมและแยบยล ข้างหลังเขายังมีสตรีอีกสองคน หน้าตาสวยเพริศพริ้งที่สุดในปฐพี สตรีทางด้านซ้าย ใส่ชุดกระโปรงสีแดง สวยจนเป็นที่เตะตา นางคือองค์หญิงสามจากแคว้นเซียว ลูกสาวผู้ซึ่งฮ่องเต้โปรดปรานมากที่สุด นามว่าดวงมู่หย่า ส่วนหญิงสวมกระโปรงสีฟ้าที่อยู่ทางด้านขวานั้นคลุมผ้าปิดหน้าอยู่ หน้าตาสละสลวยของนางถูกปกปิดไว้ใต้ผ้าคลุม ไม่ใช่ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าเลย เพียงแต่ขมุกขมัว ทำให้เพิ่มความลี้ลับให้นางได้มากขึ้นอีก ตาที่โผล่ออกมานั้นมีความแวววาว มองไปแล้วเกิดความซาบซึ้งใจ นางคือองค์หญิงจากแคว้นเหลียง เป็นสาวงามอันดับหนึ่งจากแคว้น นามว่าไป๋หลิงกวง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาหนานชู่ และจางยวี่โหร่วก็ได้เห็นพวกเขาครั้งแรกด้วย นางอดคิดไม่ได้ว่า พวกเขาจากสามแคว้นต่างก็ส่งลูกๆที่โดดเด่นที่สุดมา มันหมายถึงอะไรกัน? พวกเขาต้องการจะกระชับความสัมพันธ์จริงๆ หรือเพียงแค่อ้างเหตุผลนี้มาเพื่อการอื่น? เป่ยจื่อหัวเห็นพวกเขา ก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง แสดงความเคารพ “ทุกท่านมาจากแดนไกล เดินทางมาเหน็ดเหนื่อย ลำบากยากยิ่ง ความบริสุทธิ์ใจที่พวกเจ้าต้องการจะสร้างสัมพันธ์ด้วยข้าเห็นเป็นที่ประจักษ์แล้ว จะกราบทูลเสด็จพ่อให้ ทุกท่านเชิญดื่มด่ำกับอาหารที่ข้าจัดเตรียมไว้ให้” องค์ชายใหญ่จากแคว้นเย่นหัวเราะขึ้นมา “พวกเราเดินทางมาหลายวันถึงจะมาถึงที่นี่ เหตุใดผู้ที่มาต้อนรับไม่ใช่ฮ่องเต้ กลับเป็นเจ้าหล่ะ? หรือพวกท่านดูแคลนพวกเราสามแคว้น ?” เขาพูดแบบนี้ออกไป ทุกคนต่างก็โวยวายขึ้น องค์ชายใหญ่จากแคว้นเย่นอาจจะกำเริบเสิบสานไปหน่อย ที่พูดแบบนี้ออกมาตรงๆ ขณะที่อยู่พระตำหนักจินหนวนเขาก็ไม่ได้มีกริยาท่าทีดีอะไรดีนักแล้ว ตอนนี้จัดงานเลี้ยงต้อนรับให้พวกเจ้าด้วยความปรารถนาดี คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะไม่ไว้หน้าข้าเลย ดวงมู่หย่าพูดคล้อยตามในทันที “พวกข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ หวังว่าจะยุติสงครามตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อที่จะให้ประชากรอยู่เย็นเป็นสุข พวกเราได้แสดงความบริสุทธิ์ใจไปแล้ว แล้วพวกท่านหล่ะ?” แคว้นเย่นและเซียวร่วมมือกัน พวกเขาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีเจตนาจะกลั่นแกล้ง เป่ยจื่อหัวไม่ได้แสดงท่าทีโมโหอะไร พูดอย่างสุขุมว่า “ความบริสุทธิ์ใจของหนานชู่ สร้างอยู่บนรากฐานของพวกเจ้า ถ้าทุกท่านมาด้วยความสันติ จะไปเคร่งกับเรื่องเล็กๆพวกนี้ทำไมกัน เคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่าเสด็จพ่อทรงพระประชวร ฉะนั้นจึงออกมาต้อนรับด้วยตัวเองมิได้ แต่ท่านก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก กำชับให้ข้าต้อนรับทุกท่านอย่างสมเกียรติ หรือว่าทุกท่านไม่เชื่อใจข้า ดูแคลนหนานชู่ ?” 
已经是最新一章了
加载中