ตอนที่ 204 การเสียเปรียบแบบห้ามมีปากมีเสียง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 204 การเสียเปรียบแบบห้ามมีปากมีเสียง
ต๭นที่ 204 การเสียเปรียบแบบห้ามมีปากมีเสียง หันยี่ฉีมีความสามารถทางด้านนี้ ขอแค่เขาออกหน้า ทุกคนจะต้องสยบลง แต่มู่โหรงจิ๋วและทูตของแคว้นเย่นแปบเดียวก็มองออกว่าคนที่ลงมือไปเมื่อกี้ คืออ๋องชิงผินหันยี่ฉี และคำพูดเมื่อครู่ของเขา ก็ทำให้พวกเขาทึ่งได้เป็นอย่างมาก คนที่มู่โหรงจิ๋วลวนลาม ก็คือพระชายาชิงผิน เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ชายอัปลักษณ์ผู้นี้ จะได้แต่งกับหญิงผู้สง่าเลอโฉมเช่นนี้เชียวรึ? ไม่ใช่ว่าพระชายาที่เขาแต่งล้วนสิ้นใจไปหมดแล้วหรือ ฉไหนหญิงผู้นี้ถึงยังมีชีวิตอยู่เล่า ?นางยอมแต่งออกเรือนได้ยังไงกัน ? หลังจากที่มู่โหรงจิ๋วรู้ว่านางคือพระชายาชิงผิน อาการแรกคือเสียดาย และตามด้วยความโกรธเคืองในเวลาต่อมา เพียงแต่ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขากลับเคอะเขินอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี เขาลวนลามพระชายาของหันยี่ฉีโดยที่รู้ไม่เท่าถึงการณ์ การดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ไม่โกรธถึงจะแปลก ผู้ชายคนไหนจะอภัยให้ได้หล่ะ? เพียงแต่……เขาก็ไม่ควรลงไม่ลงมือรุนแรงขนาดนี้หนิ มองดูมือที่เลือดไหลเป็นสายธารของตน มู่โหรงจิ๋วทั้งโกรธทั้งเจ็บ ใจร้อนจนเกือบจะสลบไป โชคดีที่ทูตข้างกายได้ประคองเขาไว้ มิเช่นนั้นได้ขายขี้หน้าไปแบบสุดๆเป็นแน่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เป่ยจื่อหัวก็เกือบจะตามไม่ทันเช่นกัน แต่เขาก็รีบพูดขึ้นว่า “ใครก็ได้ รีบไปตามแพทย์หลวงมา” มู่โหรงจิ๋วโกรธแต่มิกล้าไประบายกับหันยี่ฉี แต่กลับไปชักสีหน้าใส่เป่ยจื่อหัว “องค์ชายรอง พวกเจ้าหมายความเช่นไรกัน ถ้าวันนี้ไม่ให้คำตอบ ข้าจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆแน่” และแน่นอนว่าเป่ยจื่อหัวต้องเห็นภาพรวมเป็นสำคัญ ถ้าเวลานี้เขาวู่วามไปด้วยอีกคน สถานการณ์จะต้องวุ่นวายขึ้นอย่างแน่นอน ฉะนั้นต่อให้เขาอยากจะช่วยเหลือหันยี่ฉีมากเพียงใดก็ตาม ก็ควรจะจัดการตามศักยภาพที่ตนมี “เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดเท่านั้นเอง อ๋องชิงผินวู่วามไปหน่อยมันก็จริงอยู่ แต่องค์ชายใหญ่ท่านไม่ควรจะเสียมารยาทกับใครก็ได้หนิ คนเมื่อครู่คือพระชายาชิงผิน เชื่อว่าถ้าเป็นท่าน ในสถานการณ์แบบนี้ก็คงต้องทำเช่นนี้เหมือนกัน ถ้าแม้แต่ผู้หญิงของตนยังปกป้องไม่ได้ ยังนับว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่อีกหรือ ท่านว่าจริงไหม?” “เจ้า……”มู่โหรงจิ๋วกลับเถียงไม่ออก ถ้าเขาไม่ยอมรับ นั้นก็หมายความว่าเขาชอบที่จะสวมเขาคนอื่น แต่ถ้ารับ เรื่องมันก็จบน่ะสิ วันนี้เขาได้รับคำสบประมาทมานักต่อนัก ยังบาดเจ็บอีกด้วย เขาจะทนปล่อยให้ทุกอย่างมันจบยังนี้ได้อย่างไรกัน แต่เขายังจะทำยังไงได้อีกล่ะ? พูดอะไรไปก็ถูกสวนกลับหมด เขายังไม่เคยมีช่วงเวลาเก็บกดได้ขนาดนี้มาก่อน เขาโกรธจนจะระเบิดอยู่แล้ว ทันใดนั้น แพทย์หลวงได้มาถึง เป่ยจื่อหัวทำท่าทางพร้อมกับพูดว่า “พวกเจ้ารีบไปดูบาดแผลให้กับองค์ชายใหญ่จากแคว้นเย่น จะต้องรักษามือเขาให้หาย ถ้าผิดพลาดประการใด ข้าจะลงโทษพวกเจ้า ” ใช่ ขณะนี้บาดแผลของเขาน่าเป็นห่วง เลือดไหลไปเยอะ เสียเวลาไปนาน ถ้ายังจะชักช้าต่อไปจนมือเขาด้วนล่ะก็ ต่อให้ฆ่าพวกเขาทั้งหมดก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก ดังนั้นมู่โหรงจิ๋วจึงได้แค่ให้พวกเขาช่วยทำแผลให้ มือของเขา ถูกตะเกียบเสียบจนทะลุ เห็นได้ว่าวรยุทธของหันยี่ฉีล้ำเลิศเพียงไหน เพียงแค่ตะเกียบเล็กๆคู่นึง ยังสามารถใช้กำลังภายในเสียบทะลุได้เลย แหลมคมกว่าอาวุธลับพวกนั้นเสียอีก อยากจะทำแผล ก็ต้องดึงตะเกียบออกมาก่อน ดังนั้นขณะที่แพทย์หลวงกำลังดึงตะเกียบออก จึงได้ยินแค่เสียงร้องตะโกนไปทั่วทั้งพระตำหนักจื่อกวง ไปจนทั่วแคว้น องค์ชายใหญ่วันนี้ถือว่าอับอายขายขี้หน้าที่สุด องค์หญิงดวงมู่หย่าจากแคว้นเชียวที่อยู่ทางด้านข้าง รู้สึกอายและโกรธแค้นเช่นเดียวกัน แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้นางอยากพูดก็ทำไม่ได้ เรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนี้ นางไม่มีความจำเป็นต้องเอาตนเข้าไปเกี่ยวข้อง แม้แคว้นเชียวและเย่นจะเป็นพันธมิตรกัน แต่บางเรื่องก็ไม่ข้องแวะกัน เรื่องขายขี้หน้าเยี่ยงนี้นางไม่ยอมแบกรับด้วยหรอก ฉะนั้น จะโทษก็โทษที่เริ่มต้นมาพวกเขาดูแคลนหนานชู่มากเกินไป คิดแค่ว่าฮ่องเต้หนานชู่ล้มป่วย ที่เหลือก็เป็นแค่ขุนพลกระจอกๆ จะต้องแตกแยกไม่สามัคคีกันเป็นแน่ แต่ไม่คิดว่าเพิ่งจะมาก็เจอขวากหนามเข้าให้แล้ว นี่เป็นความผิดพลาดของพวกเขา เดิมทีพวกเขาได้เตรียมข้อแก้ตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้กลับมั่วไปหมด แม้แต่มู่โหรงจิ๋วยังเสียเปรียบเลย นางกล้าผลีผลามอีกที่ไหนกันหล่ะ เพราะฉะนั้นงานเลี้ยงต้อนรับในวันนี้ จึงผ่านไปได้อย่างราบรื่นภายใต้ความตรึงเครียดและแปลกประหลาด …… หลังจากที่งานเลี้ยงเลิกรา ทุกคนต่างก็พากันกลับ มู่โหรงจิ๋วจะต้องกลับไปยังที่พักที่ได้จัดเตรียมไว้ให้พวกเขา ส่วนขุนนางท่านอื่นก็ต่างคนต่างกลับจวนของตน จางยวี่โหร่วและพวกเพิ่งจะเดินไปถึงหน้าพระตำหนัก ก็ได้ยินเสียงจากทางด้านหลังขึ้น “ท่านทั้งสองช้าก่อน” จางยวี่โหร่วหันกลับไป เห็นหญิงชุดฟ้ารูปร่างสุดสวยกำลังเดินมา เป็นองค์หญิงจากแคว้นเหลียง พวกเขาเพิ่งจะช่วยนางไว้ที่ตำหนักจื่อกวงไปเมื่อกี้นี้เอง ตอนนี้ที่นี่คือทางออกของพระราชวัง ผู้คนผ่านไปมามากมาย นางกลับยืนพูดคุยกับพวกเขาที่นี่ จะต้องเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นแน่ “หลิงกวงขอบพระทัยที่ท่านอ๋องชิงผินและพระชายาได้ช่วยหม่อมฉันไว้” ไป๋หลิงกวงเดินไปข้างหน้าพวกเขา และได้ทำความเคารพทีนึง ครานี้ที่นางเคารพนับว่าให้เกียรติมาก ถ้าไม่ใช่เพราะจางยวี่โหร่วออกหน้า ตอนนี้นางคงถูกองค์ชายใหญ่จับตัวไปแล้ว โดยใช้ข้ออ้างว่า “สมรสเพื่อสร้างสัมพันธ์ไมตรี ”ต่อให้คนอื่นอยากจะก้าวก่ายก็คงไม่มีสิทธิ์ เรื่องในวันนี้ถ้าจัดการไม่ดีอาจทำให้เกิดสงครามขึ้นก็เป็นได้ คราวนี้ก็ถือว่าพวกเขาเสี่ยงภัยอยู่เหมือนกัน “องค์หญิงไม่ต้องเกรงใจไปหรอก พวกเราก็รับไม่ไหวเช่นกัน พวกเราต่างหากที่ควรขอบพระทัยที่ท่านได้แก้ต่างให้เรา” ตามเหตุผลแล้ว องค์หญิงแคว้นเหลียงผู้นี้มีคุณธรรมเสียจริง ยอมที่จะเสี่ยงต่อการผิดใจกับแคว้นเย่นเพื่อที่จะมาช่วยพูดจาปกป้องพวกเขา จางยวี่โหร่วชื่นชมคนแบบนี้เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งใบหน้าของนางสง่าจนทำให้คนหลงใหล เรียบร้อย ใจกว้าง มีความเป็นองค์หญิงอย่างมาก ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงอย่างนางเพื่อชื่อเสียงและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศแล้ว ยอมที่จะมาสมรสสร้างสัมพันธไมตรีถึงที่นี่ ก็ได้แสดงถึงจิตวิญญาณของการเสียสละและอุทิศตนแล้ว หญิงเช่นนี้เป็นแบบอย่างที่น่าเลื่อมใสเหมือนจางยวี่โหร่วประจวบเหมาะพอดี แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางถึงไม่ชอบนาง สัญชาตญาณเกิดการต่อต้านอยู่เบาๆ แม้แต่น้ำเสียงท่าทางการพูดยังมีความเกรงอกเกรงใจและความห่างเหินเลย ไป๋หลิงกวงยิ้ม และพูดขึ้นว่า เดิมข้าคิดว่า “หลังจากที่มาถึงหนานชู่ ตนจะต้องตกอยู่ในภวังค์ของการต่อสู้อันไม่จบไม่สิ้น และข้าจะต้องโดดเดี่ยวไร้การสนับสนุนเป็นแน่ แต่ตอนนี้ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้นแล้ว แต่ก่อนข้าแค่ได้ยินแค่ชื่อเสียงอันเลื่องลือของท่านอ๋องชิงผิน วันนี้ได้เจอกับตัว ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริงๆ เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ข้าแปลกใจก็คือ พระชายาชิงผินกลับเป็นหญิงที่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวด้วยเช่นกัน”
已经是最新一章了
加载中