ตอนที่ 205 สามีภรรยางอนกัน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 205 สามีภรรยางอนกัน
ต๭นที่ 205 สามีภรรยางอนกัน สำหรับคำชมของนาง จางยวี่โหร่วตอบรับด้วยรอยยิ้มเกรงใจก็เท่านั้น “องค์หญิงชมเกินไป เพียงแต่องค์หญิงคิดว่าเรื่องในวันนี้จะจบลงง่ายๆอย่างนี้หรือ? เรื่องอะไรก็แล้วแต่อย่างมองโลกในแง่ดีจนเกินไป เป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะช่วยเจ้าได้ทุกครั้งไป หวังว่าองค์หญิงจะระมัดระวังตัวเองด้วย” ไป๋หลิงกวงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหน้าลงและพูดขึ้น “ขอบพระที่ตักเตือน!” “อือ ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วงั้นพวกข้าก็ต้องกราบทูลลา เพลานี้ไม่เช้าแล้ว องค์หญิงพักผ่อนเถิด ” หลังจากที่พูดจบ จางยวี่โหร่วก็เดินจากไป เงาที่ทั้งรูปงามสง่าก็เดินตามข้างหลังมา เห็นภาพด้านหลังที่พวกเขาเดินจากไป ไป๋หลิงกวงได้ส่งสายตาอันเหงาหงอยออกมา …… หลังจากที่ขึ้นรถม้า จางยวี่โหร่วก็ไม่พูดไม่จา นางแค่นั่งอยู่ในนั้นเงียบๆ มองดูทิวทัศน์ยามราตรี ถ้าเป็นกลางวันก็แล้วไป เขายังคิดได้ว่านางกำลังมองดูวิวทิวทัศน์อยู่ แต่ตอนนี้เป็นตอนกลางคืน ข้างนอกมืดสนิทมองอะไรเห็นทั้งนั้น นอกจากจะตากลมหนาวแล้วยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ? เขาไม่ชอบเห็นสภาพที่นางมีความในใจ แบบนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความห่างเหินที่มีต่อกัน ตั้งแต่ในงานเลี้ยงแล้ว อารมณ์นางก็เริ่มเปลี่ยนไป ถึงแม้จะดีขึ้นในเวลาต่อมา แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะรับรู้ไม่ได้ ความรู้สึกนี้ได้ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ หลังจากที่รถม้าวิ่งมาได้ระยะเวลานึง ในที่สุดก็จอดลง ถึงหน้าพระตำหนักหวางแล้ว พวกเขากลับบ้านกันแล้ว คนลากรถเปิดผ้าม่านออก จางยวี่โหร่วเดินนำหน้าออกไป จากนั้นเดินเข้าประตูพระตำหนักไป ปล่อยให้เขาอยู่บนรถม้าแต่เพียงผู้เดียว จางยวี่โหร่วกลับถึงห้องบรรทม ถังไม้หลังที่กั้นฉากได้ใส่น้ำไว้เต็ม พร้อมกับโปรยด้วยกลีบดอกไม้ สำหรับรูปแบบความชอบของจางยวี่โหร่ว สาวใช้ในพระตำหนักต่างก็รู้กันดี ฉะนั้นไม่ต้องให้นางมากำชับ พวกนางจะเตรียมพร้อมทุกอย่างในเวลาอันสมควร ออกไปทั้งวัน นางแค่อยากจะอาบน้ำนอน ไม่เรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน พวกเขาเพิ่งมาถึงหนานชู่ได้วันแรก ก็เริ่มกลั่นแกล้งกันเสียแล้ว ไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ขณะที่เขาผลักประตูเดินเข้าไปในห้อง ก็ได้ยินเสียงน้ำไหล “ซอกซอก”เขาก็รู้ในทันทีว่านางกำลังทำอะไรอยู่ นางหนิ นับวันยิ่งกล้าดีมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ ทำราวกับเขาไร้ตัวตนก็ช่าง ตอนนี้กลับห้องมา ยังจะไม่รอเขาอีก ทำกิจธุระของตนแล้ว เขาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ผู้หญิงคนนี้ถ้าเอาแต่ใจขึ้นมา จะตามใจไม่ได้ นิสัยของเขาก็ไม่ชอบเสียเปรียบแบบนี้ ฉะนั้นเขาจึงเดินเข้าไปข้างใน คิดจะสั่งสอนนางสักหน่อย จางยวี่โหร่วกำลังอาบน้ำ มือที่เยือกเย็นค่อยๆเอื้อมไปจับไหล่ของนาง นางไม่ได้หันกลับ และไม่ได้ตื่นตูม เห็นได้ชัดว่านางรู้แล้วว่าคนๆนี้เป็นใคร นางแค่ตกใจเบาๆ จากนั้นก็พรมน้ำบนตัว สะบัดผมออก และอาบน้ำของนางต่อ นี่นางคิดจะไม่สนใจข้าไปตลอดเลยหรือ? การกระทำของนาง ชัดเจนว่าอยากจะยั่วโมโห “เพิ่งจะกลับมา ก็ทนไม่ไหวอยากจะถอดเสื้อผ้าเสียแล้ว นี่แสดงว่าเจ้าอยากอาบน้ำคู่สามีภรรยากับข้าสินะ ในเมื่อพระมเหสีน้ำใจเปี่ยมล้นเยี่ยงนี้ งั้นข้าจะสงเคราะห์ให้” ถึงแม้น้ำเสียงเขาจะฟังดูเบาๆ แต่กลับถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้กระจ่างยิ่ง ช่วงเวลานี้ที่จางยวี่โหร่วอยู่กินกับเขา จะไม่เข้าใจในตัวเขาได้เช่นไรกัน ทุกครั้งที่เขาตะโกนเรียกพระมเหสี ล้วนแต่เป็นน้ำเสียงเหน็บแนมทั้งนั้น ฉะนั้น “พระมเหสี” สามคำนี้ ไม่ใช่เป็นคำเรียกชื่อ แต่เป็นการแสดงอาการไม่พอใจ เขาไม่พอใจนั้นหรือ……เขามีสิทธิ์อะไรไม่พอใจ? จางยวี่โหร่วอัดอั้นมานานหาที่ระบายมิได้ “ข้าว่าเจ้าคิดมากไปแล้ว ออกไปทั้งวัน ข้าไม่ได้มีแรงเหมือนเจ้าหรอกนะ หลังจากอาบน้ำเสร็จก็อยากจะรีบพักผ่อน” อาบน้ำคู่สามีภรรยานั้นหรือ? คิดเพ้อเจ้ออะไร วันนี้ข้าไม่ให้เจ้าแตะเนื้อต้องตัวข้าหรอก “งั้นหรือ? ในเมื่อพระมเหสีอ่อนเพลียเช่นนี้ งั้นให้ข้ามารับใช้ด้วยตัวเองเป็นไงบ้าง?” มือของเขาค่อยๆขยับเขยื้อนลงข้างล่าง ตั้งแต่ไหล่ ไปจนถึงหน้าอก ฝ่ามือได้ไปแตะต้องเนื้อหนังอันนิ่มนวลพวกนั้น ไม่ทันไรจางยวี่โหร่วก็หน้าแดงขึ้นมา รีบผลักมือเขาออก แต่แขนของเขาแรงเยอะเกินไป นางจึงผลักไม่ออก พละกำลังของผู้หญิงเดิมทีก็อ่อนแรงอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายที่มีวรยุทธสูงส่งอย่างเขาเลย ในสถานการณ์อันเคอะเขินเช่นนี้ แม้แต่พลังจางยวี่โหร่วยังไม่มีจะเบ่งเลย “เจ้าทำอะไรน่ะ? เอามือสกปรกของเจ้าออกไป!” ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็ได้เก็บสายตาอย่างเร็ว แสดงสีหน้าโกรธเคือง แม้แต่เสียงพูดยังเย็นชา ลงอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าพูดอะไร เจ้าริอาจรังเกียจข้านั้นหรือ!” แม้นางจะพูดแรงเกิน นางขอยอมรับ แต่นางกลับไม่อยากขอโทษ เอาหล่ะ ในเมื่อเจ้าต้องการจะหักหน้า งั้นความโกรธเคืองที่นางอัดอั้นเอาไว้ก็ไม่ต้องเก็บไว้อีกต่อไป นางหันหน้ากลับมา มองหน้าเขา “หรือว่าไม่จริง? วันนี้ท่านอ๋องออกหน้าออกตาปกป้องนางช่างซาบซึ้งกินใจยิ่งนัก ถ้าข้าเป็นองค์หญิงแคว้นเหลียง คงชื่นชมศรัทธา จนต้องเอาตัวเข้าแลกเลยทีเดียวแหละ ” ได้ยินนางเอ๋ยถึงองค์หญิง เขาก็ชะงักไปพักนึง จากนั้นก็ปรากฏสายตาประหลาดขึ้นในดวงตา “เจ้าพูดอะไรกัน? องค์หญิงแคว้นเหลียงถูกกลั่นแกล้งจากองค์ชายใหญ่ก็เพราะหนานชู่ ยิ่งไปกว่านั้นแคว้นเย่นหยิ่งยโสโอหังเช่นนี้ เป็นเจ้า เจ้าจะทนดูต่อไปได้รึ ?” ก็จริง จางยวี่โหร่งคิดแบบนี้ตอนแรกเช่นกัน นางปลอบใจตนเองอยู่ในใจ ที่เขาทำแบบนี้ก็แค่ช่วยเหลือผู้ถูกรังแก เพื่อระงับความโอหังของแคว้นเย่น ทุกอย่างที่ทำก็เพื่อหนานชู่ก็เท่านั้น นางไม่ควรจะคิดต่างๆนาๆ แต่รอบสอง ขณะที่นางเห็นมู่โหรงจิ๋วบีบคั้นให้ไป๋ลิงกวงเป็นพระชายาของตน สายตาอันเคียดแค้นของเขาก็ได้บังเกิดขึ้น ไปจนกระทั่งมือไม้สั่น เขาเป็นคนใจเย็นมิใช่หรือ? เหตุใดถึงได้ผิดศีลกับผู้หญิงเพียงคนเดียวถึงสองรอบหล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นหลายปีมานี้สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างหนานชู่กับแคว้นเย่นและเชียว แคว้นเหลียงไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องด้วย ทำไมตอนนี้ถึงได้พูดปกป้องพวกเขาล่ะ? ที่จริงแล้ว จางยวี่โหร่วสงสัยว่าจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ไม่แน่ว่าแคว้นเหลียงก็คิดไม่ซื่อเช่นกัน ตามสภาพการณ์แล้ว แคว้นเย่นและเซียวได้เปรียบกว่าหนานชู่อย่างเห็นได้ชัด นางไม่จำเป็นต้องออกหน้าพูดแทนพวกเขาก็ได้ ฉะนั้น เรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ เพียงแค่ข้อสงสัยที่นางคิดได้ เหตุใดเขาถึงคิดไม่ได้นะ? ต่อให้ออกหน้าช่วยนาง ก็ควรจะมีขอบเขต ขณะที่เขาเผชิญหน้ากับมู่โหรงจิ๋ว ณ พระตำหนัก จื่อกวง กลับมีท่าทีที่ขาดสติไปจนกระทั่งไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น นี่มันไม่ใช่รูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบันของเขาหนิ
已经是最新一章了
加载中