ตอนที่ 43 รีบหนีไปสะ
1/
ตอนที่ 43 รีบหนีไปสะ
วิวาห์ร้าย แต่งกับผี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 43 รีบหนีไปสะ
ตอนที่ 43 รีบหนีไปสะ เมื่อรอบๆไม่มีใครแล้ว ซูหลินถึงได้อธิบายกับฉัน เมื่อกี้ขณะที่สาวใช้กำลังยืนคุยกันนั้น ซูหลินก็ได้สังเกตโดยรอบจนไปเจอกับห้องนึง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจ้าวซิ้วจะอยู่ห้องนี้ ฉันก็คิดว่าอาจมีความเป็นไปได้ ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วคุณชายอาจจะกำลังรับแขกอยู่ด้านนอกก็เป็นได้ แต่สิ่งที่ยังกลัวตอนนี้ก็คือคุณหญิงที่เป็นภรรยาคนแรกต่างหาก แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วนั้นเขาน่าจะรับแขกอยู่ด้านนอกกันหมด ดังนั้นทางที่เด็กรับใช้ไปจะต้องเป็นทางที่จ้าวซิ้วอยู่อย่างแน่นอน ซูหลินเวลานี้ท่าทางคือเป็นตำรวจที่มีความสุขุมนุ่มลึก อีกทั้งยังมีความว่องไวด้านการตรวจตราจริงๆ ฉันเดินตามหลังซูหลิน พยายามอย่างมากที่จะเดินให้เบาที่สุด แม้แต่ลมหายใจเองก็ตาม แต่ยังไงก็ตามที่ซูหลินพูดมันก็ยังเป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น ห้องตรงหน้าอาจจะไม่ได้เจอจ้าวซิ้วก็เป็นได้ อาจจะเป็นผีที่น่ากลัวมากๆก็เป็นได้ ก่อนที่ซูหลินจะเปิดประตูได้หันศีรษะมาเพื่อบอกเป็นนัยๆว่าให้ฉันเตรียมตัวให้พร้อม ฉันจึงย่อตัวลงในขณะที่ซูหลินกำลังจะเปิดประตูนั้น อยู่ดีๆฉันก็คิดอะไรได้ขึ้นมาจึงรีบจับชานเสื้อของซูหลินไว้ ซูหลินตกใจชั่วขณะ หัวมาที่ฉันด้วยความหงุดหงิดแล้วจ้องมองฉัน ฉันจึงยิ้มแบบเจื่อนๆให้เขาพร้อมทั้งล้วงของที่อยู่ในกระเป๋าให้เขาดูแล้วบอกว่า “ให้เจ้าตัวเล็กเข้าไปแทนดีกว่าไหม เขาทั้งตัวเล็กอีกทั้งไม่โดนสังเกตเห็นง่ายแน่นอน” ซูหลินจึงพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเห็นว่าเหตุผลดูดีฟังขึ้น เจ้าตัวเล็กนี้ก็มีพลังอยู่บ้าง จึงรีบกระโดดลงจากมือฉันไป เหมือนหนูตัวเล็กๆที่วิ่งลอดช่องประตูไปโดยไม่ต้องพยายามทำอะไรกับประตูเลย ไม่นานนักเจ้าตัวเล็กก็ค่อยๆโผล่ออกมาจากช่องประตูแล้วรีบปีนขึ้นมาในมือของฉัน แล้วบอกว่า “ห้องนี้เป็นห้องว่างหน่ะ” ฉันได้แต่มองหน้ากับซูหลิน ถ้าเอาตามที่ซูหลินพูด จ้าวซิ้วต้องอยู่แถวๆนี้นี่ ถ้าไม่ใช่ห้องนี้ ต้องเป็นห้องแถวๆนี้แน่ๆ ห้องทุกห้องของที่นี่นั้นล้วนติดด้วยไฟสีแดงเข้มๆมืดๆทั้งนั้นเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเป็นประเพณีของเขาที่เข้ากับบรรยากาศหรือไม่ แต่มันไม่เอื้ออำอวยสำหรับพวกเราเลย ทำให้การตามหาเป็นไปด้วยความยากลำบากและล่าช้า เพราะทำได้แค่ค่อยๆตรวจดูทีละห้องๆ พวกเรายังคงตามหาไปเรื่อยๆจนถึงห้องที่สอง เจ้าตัวเล็กรีบวิ่งเข้าไปอย่างรู้หน้าที่ ไม่ถึงวินาทีเดียวก็วิ่งกลับออกมาแล้ว พร้อมทั้งพูดด้วยสีหน้าความตกใจกลัวว่า “มีคน.. คนนั้น..เขากำลังกินมนุษย์อยู่” ฉันก็ไม่เข้าใจในตอนแรก ด้วยความที่ซูหลินอยากรู้จึงค่อยๆไต่ไปดูตรงหน้าต่าง ฉันก็ทำตามซูหลิน มองเห็นข้างในคือ มีคนหัวโตกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ เพราะเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าเหมือนคนที่อยู่ด้านนอกจึงทำให้เห็นว่ารูปร่างเขาเป็นเช่นไร แค่เห็นว่าร่างกายของเขาเริ่มเน่า แต่แค่มองก็รู้แล้วว่าตอนสมัยยังมีชีวิตเขาชอบเล่นกล้าม ช่วงหน้าท้องและแขนของเขาเนื้อหนังเริ่มลอกออกมีแต่ตรงหัวไหล่ที่ยังไม่ลอกออกไป ขณะนั้นเขาก็เคี้ยวแบบคนหิวโหย เพราะร่างของเขาเริ่มเน่าเปื่อยแล้วจึงมีหนอนชอนไชอยู่เต็มไปหมดทำให้ฉันรู้สึกพะอืดพะอมเป็นอย่างมาก จึงทำให้ทนไม่ไหวต้องอ้วกออกมา ฉันจึงรีบเอามือปิดปากอย่างไว ตายแล้ว ไม่ทันการณ์สะแล้ว คนในห้องได้ยินเสียงของฉันแล้ว เขาตะโกนเสียงดังออกมา “ใครอยู่ข้างนอกนั่น !” พวกเราไม่มีใครตอบกลับไปเลยสักคน ได้แต่อยู่กันอย่างเงียบๆแล้วมองหน้ากัน ไม่นานนักก็ได้ยินมนุษย์หัวโตเดินออกมา เสียงก้าวเดินอยู่ใกล้ขึ้นไปทุกที ฉันรู้ว่าเขาต้องอยากรู้แน่ว่าเป็นเสียงอะไรดังขึ้น ฉันมองไปรอบๆ พบว่าไม่มีที่ให้พวกเราซ่อนตัวเลย แต่ถ้าพวกเราขัยบตัวตอนนี้ต้องเกิดเสียงขึ้นแน่ๆ เป็นสถาการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ ถ้ามนุษย์หัวโตนั่นมาเจอกับพวกเรา แล้วเขาตะโกนเรียกทุกคนมาที่นี่ ไม่ดีแน่ๆหายนะแน่ๆ หมดหนทางจริงๆ ซูหลินคิดในใจว่าอาจจะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีต่อสู้กับเจ้าหัวโตนั่นทันใดนั้นเมื่อพวกเราเห็นว่าเจ้านั่นกลับเข้าไปในห้องเรารีบตามไปและล็อคประตูอย่างเบามือ แต่ซูหลินไม่ใช่คู่ปรับที่เหมาะสมกับเจ้าหัวโตนั่น ฉันได้แต่มองซูหลินที่ถูกเจ้าหัวโตบีบคอด้วยมือข้างเดียวแล้วทุ่มลงกับพื้น ทันใดนั้นเจ้าหัวโตก็เห็นพวกเราเข้า ในใจก็ดีใจและเลียริมฝีปากอย่างกระหาย วินาทีนั้นเจ้าตัวเล็กตะโกนดังว่า “ไม่ดีแน่ ถ้าพวกเรายังไม่หนี จะถูกเจ้านั่นจับกินเอาได้นะ” ได้ยินเช่นนั้น ฉันจึงรีบวิ่งหนีไปที่ประตู แต่อีกใจนึงก็อยากจะช่วยซูหลิน ฉันไม่สามารถจะทิ้งเขาไว้ที่นี่ได้ ! ในขณะที่เจ้าหัวโตกำลังวิ่งมาทางพวกเรา ซูหลินก็รีบพยุงตัวขึ้นมาแล้วเอาเครื่องรางแปะไว้ที่ด้านหลังหัวของเจ้าหัวโตนั่น เจ้าหัวโตรู้สึกถึงความเจ็บปวดจึงรีบหันมาจับซูหลินทุ่มลงกับพื้นอีกครั้ง จึงทำให้ซูหลินเลือดไหลออกมา ไม่ได้นะ อยู่ที่นี่พวกเราจะให้เลือดไหลไม่ได้ ! “ซูหลิน เช็ดเลือดเร็วเข้า !” ซูหลินจึงเอามือเช็ดเลือด ทำให้มือเขาเปื้อนเลือดเต็มไปหมด แล้วก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่ทว่าเจ้าหัวโตเดินมาทางนี้และกำลังจะจับฉันได้แล้ว ซูหลินจึงรีบร่ายคาถาออกมา ทำให้อยู่ดีๆเจ้าหัวโตก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้น ทำให้ทั้งห้องเงียบลงฉับพลัน ไม่มีอะไรไหวติงเลยแม้แต่อย่างเดียว ต่อมาซูหลินก็เดินมาทำอะไรกับเครื่องรางก็ไม่ทราบได้ ฉันก็ไม่รู้ได้ว่าเขาคิดจะทำอะไร วินาทีนั้น ด้านนอกก็มีเสียงแทรกเข้ามา “เมื่อกี้เสียงอะไรหน่ะ มาจากห้องนี้หรือไม่ ฉันรู้สึกว่าเหมือนมีการปะทะกันเกิดขึ้น ” ไม่ได้การละ มีคนกำลังมาทางนี้ ! ซูหลินรีบเช็ดเลือดกับเครื่องรางด้วยความว่องไว แล้วรีบย้ายร่างของเจ้าหัวโตไปไว้ที่ข้างโต๊ะ แต่ก็ยังไม่วายที่จะหันมาบอกฉันว่า “เฉินน่อ รีบไปหลบใต้เตียงเร็วเข้า” ฉันรีบวิ่งไปหลบตามคำสั่งและทำได้เพียงจ้องมองซูหลินจัดการอยู่ตรงหน้า เมื่อพาไอเจ้าหัวโตไปวางไว้ตรงข้างโต๊ะดังเดิม ซูหลินก็รีบเข้าไปซ่อนตัวด้วยอย่างดี ทันใดนั้นกลุ่มคนรับใช้ก็เปิดประตูเข้ามาเจอกับเจ้าหัวโตที่อยู่ที่โต๊ะก็ถอนหายใจออกมา แต่ทว่าคนพวกนั้นต่างก็ดูสงสัยไม่มีที่สิ้นสุด จึงได้เดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พยายามที่จะเลิกผ้าปูโต๊ะที่ขาดเปิดขึ้นดู ใจฉันตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว เวรแล้ว คนพวกนี้มีเยอะเกินไป พวกเราสู้ไม่ไหวแน่ๆ ฉันอยากจะออกไปล่อความสนใจพวกนี้จริงๆเลยเพราะยังไงซูหลินก็ยังสามารถช่วยฉันได้ แต่ถ้าซูหลินโนจับเข้าละก็ ฉันไม่สามารถช่วยเขาได้เลย ขณะนั้นที่กำลังตัดสินใจจะออกไปนั้น ด้านนอกก็เกิดเสียงประหลาดขึ้น พอพวกเขาได้ยินเสียงประหลาดนั้นทำให้คนพวกนั้นละสายตาจากห้องนี้แล้วรีบวิ่งไปด้านนอก ฉันจึงได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา จนกระทั่งด้านนอกเงียบลง ฉันและซูหลินจึงรีบออกมาจากที่ซ่อน แล้วพวกเราก็มองหน้าแล้วหัวเราะกันออกมา ฉันจึงคิดถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในกระเป๋าฉัน กำลังจะล้วงออกมาแต่ทว่าหาเจ้าตัวเล็กไม่เจอ ! ฉันเลยนึกถึงเหตุการณ์ที่อยู่ด้านนอก หรือว่าเจ้าตัวเล็กวิ่งออกไปเพื่อสละตัวเองที่จะช่วยพวกเรางั้นเหรอ ฉันคงไม่ทันระวังอีกแล้วสิเนี่ย ฉันจึงรีบวิ่งออกไปข้างนอก หารอบๆแล้ว จู่ๆกำแพงตรงหน้าของฉันก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมา กลายเป็นเจ้าตัวเล็กปรากฏตัวออกมา แล้ววิ่งกลับมาในมือฉันเหมือนเดิม ฉันใช้สองมือโอบอุ้มเจ้าตัวเล็กอย่างเบามือ เบาใจลงเยอะเลย เพราะว่าเจ้าตัวเล็กนี้ทำเสียงนั้นจึงทำให้กลุ่มคนรับใช้วิ่งออกมาข้างนอก อีกอย่างเป็นเพราะเจ้าตัวเล็กหลบซ่อนในกำแพงจึงไม่มีทางที่จะถูกพบอย่างแน่นอน ฉันจึงหันไปพูดกับซูหลินว่า “เห็นไหม ตอนนั้นใครคิดจะฆ่าเจ้าตัวเล็กได้ลงคอกันนะ !” ซูหลินทำหน้าตาเขร่งขรึม เหมือนเด็กทำความผิดมาก็ไม่ปาน แล้วบอกกับเจ้าตัวเล็กว่า “ขอโทษแล้วกัน” พูดจบซูหลินก็รู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก ซูหลินจึงเอาบุหรี่ออกมาเพื่อจะสูบ ทำให้ฉันมองไปที่เขาจนเขามีสติขึ้นมา จึงเก็บบุหรี่กลับเข้าซองเหมือนเดิม หลังจากนั้นพวกเราก็ค่อยๆตรวจไปทีละห้องๆ จนกระทั่งพวกเราเลี้ยวเข้าไปทางนึง เจอกับห้องที่ไม่เหมือนใคร ถ้าเทียบกับห้องที่ผ่านมามันก็ดูเป็นแค่ห้องธรรมดา แต่ทว่าห้องนี้กลับดูคล้ายตำหนักอะไรสักอย่าง บนประตู แกะสลักรูปมังกรเอาไว้ สีพื้นล้วนเป็นสีแดงที่สวยสดงดงาม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้เห็นแต่สีแดงเข้มมืดทะมึนหรือไม่จึงทำให้รู้สึกว่าสีแดงนี้สว่างสดใสยิ่งนัก ฉันมองไปที่ซูหลินพักนึง รู้ได้ทันทีว่าห้องนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน และไม่สามารถจะปล่อยให้เจ้าตัวเล็กไปเผชิญกับสิ่งอันตรายด้วยตัวคนเดียวแน่ๆ พวกเราจึงค่อยๆเปิดประตูเบาๆพร้อมทั้งเข้าไปข้างในทั้งสามคน สิ่งที่ฉันเห็นในครั้งตั้งแต่เดินเข้าไปนั้นคือของตกแต่งที่สวยงามและมีมูลค่ามากมาย ดูไม่เหมือนกับเป็นที่ของวิญญาณเอาเสียเลย เหมือนเป็นที่พักของมเหสีในสมัยก่อนมากกว่า เต็มไปด้วยภาพวาดที่งดงาม และยังมีผ้าม่านที่ทำมาจากทอง อีกทั้งแจกันที่มีมูลค่าอีก จนทำให้ฉันอ้าปากค้างอย่างห้ามไม่ได้ ทำให้เกิดเสียงร้องว้าวออกมา จนซูหลินต้องรีบเข้ามาปิดปากฉันคล้ายไม่พอใจที่ฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เช่นนี้ เมื่อฉันได้สติเขาจึงเอามืออกจากปากฉันและชี้ไปอีกทางนึงให้ฉันดู มีผู้หญิงคนนึงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เธอนั่งหันหลังให้พวกเราอยู่ ดีนะที่กระจกแต่งตัวเล็กเธอเลยยังไม่เห็นพวกเราและพวกเราก็ไม่เห็นท่าทีของเธอเช่นกัน แต่เห็นลางๆว่าเธอเป็นคนสวยมากคนนึงเลยละ เธอสวมชุดกระโปรงสีแดงที่ทำมาด้วยฝีมือประณีต แน่นอนว่าไม่ใช่แฟชั่นของคนสมัยใหม่ คล้ายว่าเป็นคุณหญิงมาจากตระกูลที่ร่ำรวย บนศีรษะมีเครื่องเพชรอย่างดีที่สุด มีความสวยงามของราชวงศ์ถังอยู่ ดูจากท่าทางของเธอแล้วคล้ายว่ากำลังเขียนคิ้วอยู่ ขณะที่ฉันกำลังพิจารณาเธออยู่นั้น ไม่ทันได้ระวังคือเธอหันหน้ามาทางนี้ ปากสีแดงเอ่ยเสียงออกมาเบาๆไม่เหมือนกับเป็นวิญญาณเลยสักนิด เธอพูดขึ้นมาว่า “มีเรื่องอะไรเหรอว่ามาสิ”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 43 รีบหนีไปสะ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A