ตอนที่ 82 มือที่อยู่ใต้โต๊ะอาหาร   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 82 มือที่อยู่ใต้โต๊ะอาหาร
ต๭นที่ 82 มือที่อยู่ใต้โต๊ะอาหาร หนานฉิงรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยกับเหตุการณ์นี้  แต่เพราะคนที่อยู่ข้างๆเป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้มากที่สุดของตัวเอง เลยทำให้ความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีลดลงไปได้บ้าง เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่พักหนึ่ง​ ไม่สามารถเมินเฉยลมหายใจของผู้ชายข้างๆที่ส่งผ่านมา​ และอดไม่ได้ที่จะบีบมือใต้โต๊ะไว้แน่น ตอนนั้นเองร่างกายของเป้ยฉายเวยก็สั่นเล็กน้อย​ คนอื่นๆรู้สึกงุนงงเล็กน้อย​ เขา​ คาดไม่ถึง​เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วดึงมือเธอไปจับไว้​ ​ ยังอยู่ต่อหน้าคนตั้งเยอะแยะ​ แม้ว่าใต้โต๊ะจะไม่มีใครมองเห็น​ แต่เพียงพอที่จะสามารถทำให้เธอตื่นเต้นจนอยากร้องกรี๊ดได้ "เวยเวย  เธอเป็นอะไรไป​ ทำหน้าตกอกตกใจ" อวี๋ซือซือมองแผ่นหลังเป้ยฉายเวยด้วยความสงสัย เหมือนกับว่ามีคนมาขอหมั้นแล้วอึ้งจนขยับตัวไม่ได้ "มะ​ ไม่มีอะไรหรอก​" ฉันแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องการส่งประวัติส่วนตัวในวันนี้  เป้ยฉายเวยอยากเอามือออกจากชายคนนั้นมาก​ แล้วพยายามเท่าไรก็ไม่เป็นผล​​ ได้แต่นั่งตัวสั่นแล้วปล่อยให้เขาจับต่อไป ทำไมเธอถึงมีความรู้สึกว่ากำลังคบชู้ลับหลังสามีนะ เธอรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้น​ ฉูเจ๋อหยางดูเหมือนว่าจะไม่รู้สึกสะทกสะท้าน​เลย​ เหมือนกับคนที่จับมือของเธออยู่นั้นไม่ใช่เขา​ แต่เป็นคนอื่น หรือเขาไม่กลัวว่าหนานฉิงจะรู้ตัวเลยหรือ เป้ยฉ่ายเวยได้แต่ด่าฉูเจ๋อหยางเงียบๆในใจ​ จอมปลอม! ใจดำ! คนเลว!   หนานฉิงยังข้องใจอยู่จึงถามขึ้น​ "ประวัติ​ส่วนตัวอะไร​ เวยเวยเธอไม่ได้ทำงานในร้านขายรองเท้าแล้วหรอ เวยเวยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ต้องอธิบาย​ต่อหนานฉิง​   จากนั้นก็ครุ่นคริด อาจเพราะ​หนานฉิงมีนิสัยเช่นนี้เธอเลยไม่ใส่ใจ​ "อือ​ มีปัญหา​นิดหน่อย​ ฉันเลยต้องหางานทำใหม่น่ะ"  เป้ยฉายเวยไม่สนใจ​ อวี๋ซือซือเสนอความเห็น เธอพูดอย่างเย็นชา​ "หนานฉิง​ เวยเวยไม่ได้ทำงานอยู่ในร้านรองเท้า​ธรรมดาๆนะ​ แต่เป็นผู้จัดการร้านรองเท้าแบรนด์ดังระดับโลก​ ไม่ใช่ร้านขายรองเท้าเล็ก ๆ​ บนถนน" ร้านแบรนด์ระดับโลกอย่างนี้ จะค่อนข้างเคร่งครัดในเรื่องระดับการศึกษา​ของพนักงาน​ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้จัดการ​ร้านตั้งแต่อายุยังน้อยอีก   คนดัดจริตอย่างนั้นคงจะไม่รู้​ว่าเธอต้องพยายามแค่ไหนเพื่องานนี้ หนานฉิงหน้าแดงพักหนึ่ง​ จะดีกว่าถ้าขยับมุมปากเพื่อขอความช่วยเหลือจากเป้ยฉายเวย  "ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจงานของเธอ​ เวยเวยคงไม่โทษฉันหรอกนะ" "อืม" เวยเวยพยักหน้าตอบ​ แล้วมองเพื่อนข้างๆอย่างอ่อนโยน   อวี๋ซือซือเหลืยบมองเวยเวยอย่างไม่พอใจ​ ในเมื่อทุกคนถือว่าเขาไม่ประสีประสา​ เธอจะพูดอะไรได้อีก เพื่อรักษา​หน้าหนานฉิง คนที่นั่งติดกับฉูเจ๋อหยางพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน​ "อาเจ๋อ​ ได้ยินมาว่างานของนายขาดผู้ช่วยอยู่หนึ่งคนไม่ใช่หรอ​ ฉันว่าความสามารถอย่างเวยเวยน่าจะพอทำได้" ​ ฉูเจ๋อหยางเหลือบมองใบหน้าประหม่าของเวยเวย ไปทำงานงานที่สำนักงานของเขา​ ข้อเสนอนี้ไม่เลวเลยทีเดียว เป้ยฉายเวยรีบปฏิเสธ​" ไม่เป็นไร​ วันพรุ่งนี้ฉันมีสัมภาษณ์​งาน" ล้อเล่นอะไรเนี่ย​ ให้เธอไปทำงานที่สำนักงานของฉูเจ๋อหยาง ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งลูกแกะเข้าถ้าเสือ​ ยิ่งเป็นสถานที่ที่ต้องเจอกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าทุกวัน​ ​คิดแล้วเธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที อวี๋ซือซือที่นั่งฟังอยู่ข้างๆหัวเราะเยาะอยู่หลายครั้ง "เวยเวย  ถ้าเธอไม่รังเกียจ​ ไปทำงานที่บริษัท​ฉันได้นะพอดีเลยกำลังขาดผู้ช่วยเลขาอยู่หนึ่งคน" คำพูดของหลี่จื่อเชียนทำให้รู้สึกสดชื่นสำราญใจ​​ แต่ก็ไม่ได้แสดงถึงความล่วงเกิน​ และยังเหมือนทำให้คนคล้อยตามได้อีก จริงสิ​ เป้ยฉายเวยเกือบจะพยักหน้าตกลงแล้ว​ ถ้ามือใหญ่ใต้โต๊ะไม่บีบมือเธอไว้ตลอด​ เธอจะตอบรับอย่างแน่นอน​ ตอนนี้เธอได้แต่ปฏิเสธ​ด้วยรอยยิ้ม "ไม่เป็นไรจื่อเชียน  ฉันได้ตอบตกลงกับซือซือว่าจะไปสัมภาษณ์​กับบริษัทพี่อวี๋เฮ่าแล้ว" ตอนนี้ได้แต่อ้างเอาพี่อวี๋เฮ่ามาเป็นโล่กำบัง  อวี๋ซือซือเลิกคิ้ว​ เรื่องจะเกิดเมื่อไร​ เธอจะรู้ได้ยังไง​ แต่เวยเวยพูดมาแบบนี้เธอก็ดีใจแล้ว หลี่จื่อเชียนเห็นว่าเป้ยฉายเวยตอบตกลงกับอวี๋ซือซือแล้ว​ ก็ไม่พูดอะไรอีก​ สายตาอบอุ่นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกหดหู่ "น่าเสียดาย​ คิดว่าเธอจะไปบริษัทของอาเจ๋อซะอีก​ ถ้าเป็นแบบนั้นจะได้ไปหาเธอสะดวก" หนานฉิงพูดด้วยความเสียดาย ถ้าหากเวยเวยไปทำงานที่บริษัทของอาเจ๋อ​ เธอก็จะมีข้ออ้างไปบริษัทเพื่อไปหาอาเจ๋อ​ ทั้งหมดเพราะอวี๋ซือซือคนเดียวเลย​ ชอบทำให้กลายเป็นเรื่องแย่ ความจริงแล้วเธอทั้งสองไม่ค่อยจะลงรอยกัน อวี๋ซือซือมองบนใส่เธออีกครั้ง​ ทั้งหมดคือคำพูดไร้สาระ​ พูดว่าไปหาเวยเวยสะดวกหรอ​ หรือว่าจะหาข้ออ้างเพื่อไปหาฉูเจ๋อหยางกันแน่ พอดีกับที่พนักงาน​นำอาหารมาเสิร์ฟ​บนโต๊ะ เรื่องงานของเธอจึงจบลง​ มองดูอาหารบนโต๊ะที่​ ’ซุปน้อยน้ำใส’​ สีหน้าของอวี๋ซือซือก็ไม่ดีทันที  "ฉูเจ๋อหยางนายทำอะไรเนี่ย​ มาร้านอาหารเสฉวนแล้วไม่กินเผ็ด​ แล้วนายจะมาทำไม" ฉูเจ๋อหยางได้ยินถ้อยคำหยาบคายของเธอ​ ก็ขมวดคิ้ว​ ​แล้วหันไปพยักหน้าเล็กน้อยกับพนักงาน​ เสียงเย็นชาพูดขึ้น​ "เอาพริกมาให้เธอกระปุกนึงสิ"​ มุมปากอวี๋ซือซือกระตุกขึ้นเล็กน้อย​ เขาสั่งพริกกระปุกนั้นมาเพื่อประชดเธอหรือ ถังฉีตงก้มหน้าหัวเราะเบาๆนอกจากอวี๋เฮ่าแล้วจะสามารถเห็นหน้าเสียขนาดนี้ได้อีกที่ไหน​ คิดไม่ถึงว่าจะได้อยู่ที่นี่กับอาเจ๋อ​ แล้วมีความสุขที่ได้เห็น อาหารมื้อนี้คุ้มแล้ว "ตลกตายล่ะสิ​ จะกินยังไงล่ะ​ ฉันจะกินเผ็ด​ ฉันอยากกินอาหารที่ทำจากซอสเผ็ด"  อวี๋ซือซืออยากตะโกนกลับไปมาก​ แต่สัมผัสได้ถึงดวงตาสีดำเย็นชาของฉูเจ๋อหยาง ไฟแห่งความโกรธในใจเธอก็สงบลง ​  ทำไมคนที่ควรตายอย่างฉูเจ๋อน่ากลัวอย่างกับชายแก่ในบ้านเธอเลยนะ "ซือซือ  กินเผ็ดเยอะทำให้ร้อนในนะ​ สิวก็ขึ้นอีก​ อาเจ๋อทำไปก็เพื่อพวกเราแหล่ะ"  หนานฉิงแสร้งพูดอย่างใจดี อวี๋ซือซือไม่กล้าหาเรื่องกับฉูเจ๋อหยาง กับหนานฉิงเธอไม่ได้กังวลอะไร​ จ้องเธอแล้วพูดว่า​ " เอ๊ะ​ ถ้าไม่ใช่เพราะฉูเจ๋อหยางพูดว่าไม่เอาเผ็ด​ เธอจะกระตือรือร้นออกหน้าแทนขนาดนี้ไหม ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนเธอกินเผ็ดเก่งหนิ" หนานฉิงเป็นเหมือนกระต่ายสีขาวตัวน้อยที่หลบซ่อนตัวหลังฉูเจ๋อหยาง  พูดด้วยสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม​" ซือซือ ฉันแค่อยากทำเพื่อทุกคน​ ทำไมเธอต้องพูดแบบนี้กับฉัน" เป้ยฉายเวยที่เห็นอวี๋ซือซือกำลังจะโกรธจัด​ จึงรีบทำให้สถานการณ์​สงบลง​ "งั้นให้พนักงานเสิร์ฟ​อาหารรสเผ็ดมาสักสองสามจานดีไหม" อวี๋ซือซือทำเสียงฮึดฮัดสองสามทีประมาณว่าเห็นด้วย พนักงาน​เสิร์ฟ​เช็ดเหงื่ออยู่ตลอดเวลา จนรับออ​ร์เดอร์เรียบร้อย จึงรีบวิ่งออกไป​ ลูกค้าโต๊ะนี้มีแต่พวกน่ากลัว​ มันจะดีกว่าถ้าจะไม่ขัดใจ การกินข้าวเต็มไปด้วยบรรยากาศ​ที่อึดอัด เป้ยฉายเวยออกแรงตรงนิ้ว​ เอานิ้วของฉูเจ๋อหยางออกทีละนิ้วๆ​ เมื่อเธอรู้สึกว่าจะเป็นอิสระ​แล้ว​ ก็​มีคนจับมันไว้อีกอย่างง่ายดาย เธอใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว ดีที่ตอนทุกคนหยิบตะเกียบขึ้น​ เขาจึงปล่อยมือเธอออก หากพูดถึงคนที่ไม่ได้รับผลกระทบเลย  คงจะมีแค่สองคน​ หนึ่งในนั้นคือคนที่อยู่รอบๆตัวซือซือมาตลอด ถังฉีตง อีกคนคือคนที่ไม่ค่อยจะอ้าปากพูดสักเท่าไร ตั้งแต่ตอนที่บรรยากาศทั้งห้อง​เริ่มไม่ค่อยดี  ฉูเจ๋อหยาง คนที่อ่อนโยนมาตลอดอย่างจื่อเชียน ก็ใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว​ กับข้าวอร่อยตรงหน้าเป้ยฉายเวย กลับกลืนลงคอลำบากเหมือนกับเคี้ยวขี้ผึ้งก็ไม่ปาน
已经是最新一章了
加载中