ตอนที่ 88 กินข้าวที่โรงอาหาร   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 88 กินข้าวที่โรงอาหาร
ต๭นที่ 88 กินข้าวที่โรงอาหาร เป้ยฉายเวยมองโต๊ะทำงานตรงหน้าอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ​ เห็นทีเธอคงต้องทำงานอยู่ในสายตาของฉูเจ๋อหยางจริงๆซะแล้ว หวังว่าฉูเจ๋อหยางจะโผล่มาแวบๆเหมือนที่หลินไห่พูดนะ​ ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างสงบก็พอ​ ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้​เธอถูกกลุ่มคนมารุมดูเหมือนลิงก็ไม่ปาน เธอรู้สึกว่าตัวเองยิ้มจนหน้าแข็งหมดแล้ว​ โชคดีที่ใกล้ถึงเวลาพักแล้ว เธอนัดเจอกับซือซือที่โรงอาหารของพนักงาน "เวยเวย​ ใกล้ถึงเวลากินข้าวเที่ยงแล้วนะ​ จะไปโรงอาหารด้วยกันไหม" หลินไห่เดินยิ้มหวานมาถาม   เป้ยฉายเวยปฏิเสธ​อ้อมๆ​ "ไม่เป็นไรค่ะพี่ไห่​ ฉันนัดกับเพื่อนไว้แล้ว" " เพื่อน? เวยเวยทำไมมีเพื่อนใหม่เร็วจัง​" แค่ช่วงเวลาตอนเช้ามีคนมาพยายามตีสนิทกับเธอแล้วหรือ​ เขาต้องการเห็นไอ้คนชั่วนั่น​   " ไม่ใช่ค่ะ​ เป็นเพื่อนที่ทำงานอยู่บริษัท​นิตยาสารชั้นบนค่ะ" เป้ยฉายเวยมองหลินไห่แบบไม่เข้าใจ​ ทำไมเธอรู้สึกว่าน้ำเสียงของพี่ไห่ดูเหมือนโกรธ   "อ๋อๆ​ อย่างนี้นี่เอง​ งั้นเจอกันตอนบ่ายนะ​ วันนี้ทุกคนค่อนข้างยุ่ง​ หลังเวลาพักเที่ยงฉันจะพาเธอไปรู้จักกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ" หลินไห่มองเป้ยฉายเวยที่ออกปากมาขนาดนี้แล้ว​ ก็ไม่อยากตามไปอีก "ค่ะ​ ได้ค่ะ" เป้ยฉายเวยพยักหน้า หลินไห่ถูกคนอื่นลากตัวไปแล้ว เป้ยฉายเวยเก็บของบนโต๊ะแล้วขึ้นลิฟท์​ไปโรงอาหารชั้นสอง​ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท​ไหน​ โรงอาหารของพนักงานล้วนอยู่ชั้นสองทั้งสิ้น เพื่อสะดวกในการติดต่อสื่อสารและเพื่อให้เน็ตเสถียร​ ทุกคนจะมีอินเทอร์เน็ต​ของตัวเอง ทุกคนสามารถใช้คอมพิวเตอร์​ลงทะเบียนในระบบได้คนละบัญชี​ และสามารถเปลี่ยนชื่อได้ตามใจชอบ โดยภาพรวมแล้วค่อนข้างจะทันสมัยเลยทีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มชายหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานจะดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ​ วัฏจักร​ของสิ่งมีชีวิตล้วนเป็นเช่นนี้​ ต้องขยายพันธุ์​ก่อน​ ถึงมีชีวิตอยู่ได้ บนคอของอวี๋ซือซือมีป้ายชื่อห้อยอยู่​ เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปนเบื่อ​หน่าย​ "เวยเวย  เธอช้าจัง" "มาแล้วๆ" เป้ยฉายเวยยิ้มแล้วเดินมา สาวสวยคนละแบบสองคนเดินอยู่ด้วยกัน ดึงดูดสายตาของใครหลายคนเป็นอย่างมาก​ มีทั้งสายตาตกตะลึง​ อิจฉา​ มองดู​ มีคำถามและสายตาอยากรู้อยากลองปะปนอยู่ด้วยกัน เป้ยฉายเวยรู้สึกไม่ชินเป็นที่สุด "เฮอะ​ นี่ฉันเข้ามาในสวนสัตว์​หรือนี่​ หรือพวกเราเป็นสัตว์เลี้ยง​เอาไว้โชว์​ มองอะไรนักหนา" อวี๋ซือซือพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบาไปในโรงอาหาร​ พริบตาเดียวเสียงทั้งหมดก็เงียบไป แล้วมองพวกเธอตรงๆเหมือนเห็นสัตว์​สายพันธุ์​ใหม่อย่างนั้น "ซือซือช่างเถอะ​ พวกเราเพิ่งมาคนอื่นยังไม่เคยเห็นเป็นเรื่องปกติ​ นานๆไปเดี๋ยว​ก็ชินเองแหล่ะ" เป้ยฉายเวยพยายามไกล่เกลี่ยและดึงชายเสื้ออวี๋ซือซือ อวี๋ซือซือถอนหายใจฟึดฟัด​ แล้วลากเป้ยฉายเวยไปต่อแถวสั่งอาหาร การปฏิบัติ​ต่อสาวสวยไม่เหมือนกัน​ คุณลุงร้านข้าวมือไม้หยุดสั่น​ และดูกระฉับกระเฉง​ขค้นมาทันที​ ตักข้าวให้พวกเธอสองคนเต็มจาน "ขอบคุณ​ค่ะลุง" อวี๋ซือซือกล่าวขอบคุณสำหรับความใจดี​ "พวกหนูผอมเกินไปแล้ว​ กินเยอะๆหน่อย" คุณ​ลุงพูดไปหน้าแดงไป เป้ยฉายเวยก็ก้มหัวขอบคุณ​อย่างมีมารยาท​ คนอยู่ด้านหลังก็เริ่มบ่นอุบอิบ "คุณ​ลุงลำเอียงไปรึเปล่าเนี่ย​ ทำไมของพวกเธอ​ได้เยอะ​ ของพวกเราได้น้อยล่ะ" "ใช่ๆ​ พวกเราก็อยากได้เยอะๆเหมือนกันนี่" "ลุงจะดูแลเป็นพิเศษ​เพราะเป็นสาวสวยไม่ได้นะ" คุณ​ลุงพูดกลับด้วยเสียงโมโห​" ถ้าพวกแกสวย​ ฉันก็จะดูแลดีเป็นพิเศษ​ มีปัญหา​อะไร"  ผู้ชายที่ถูกตวาดไปไม่พูดอะไร​ เขาจะไม่มีวันเป็นผู้ชายมาดแมนได้อีก คนต่อแถวต่างหัวเราไปตามๆกัน คุณลุงเริ่มตักอาหารด้วยอาการสั่นเหมือนโรคพาร์กินสัน​ต่อ​ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว "แบบนี้จะไม่มีปัญหา​แน่นะ" เป้ยฉายเวยหมายถึงคุณลุงที่พูดตรงไปตรงมาจะไม่โดนใครร้องเรียนหรอ "วางใจได้​ ตอนมาฉันได้ยินหมดแล้ว​ อย่าคิดว่าแกเป็นลุงขายข้าวธรรมดา​นะ​ โรงอาหารนี้แกเป็นคนเหมา​ และยังดูสนิทสนมกับเจ้าของตึกด้วยนะ​ เพราะฉะนั้น​พวกนี้แค่บ่นได้ไม่กี่คำหรอก"   อวี๋ซือซือลากเป้ยฉายเวยไปนั่งตรงมุมหนึ่ง​ แล้วก็มองสถานการณ์​รอบๆไปด้วย " ซือซือ  ฉันสงสัยแต่แรกอยู่แล้วว่าเธอไม่ได้มาทำงาน​ แต่มาคอยสอดแนมใช่ไหม"  เป้ยฉายเวยไม่เข้าใจที่อวี๋ซือซือเพิ่งจะมาเอาครึ่งวัน​ ทำไมอะไรๆก็รู้ดีไปหมด "เธอเนี่ย​ ไม่มีสมองแล้วยังไม่ยอมรับอีกนะ" อวี๋ซือซือมองเธอด้วยสายตาเมินเฉย​ แล้วพูดต่อ​ "เธอคิดว่างานฉันว่างขนาดนั้นเลยหรอ เธอต้องทำความเข้าใจอะไรสักหน่อย​ นี่คือโรงอาหารของพนักงานทั่วไป​ เธอดูทางนั้น​ ขึ้นบันไดไป​ ระดับการบริการก็จะต่างกัน​​ เป้ยฉายเวยมองตามที่อวี๋ซือซือชี้มีบันได​แยกเป็นสองส่วนจริงด้วย​ ด้านบนมีครึ่งชั้น​ มีคนนั่งอยู่สองสามคน   รูปแบบบรรยากาศไม่เหมือนกับเป็นโรงอาหารเลย  "เอาเถอะ​ แต่ฉันขอยืนยันอีกครั้งว่าฉันมีสมองนะจ้ะ" "โอเคๆ​ เธอมีๆ​ เออใช่วันนี้เธอทำงานเป็นยังไงบ้าง​ ห้องทำงานฉูเจ๋อหยางรกเหมือนกองขยะเลยใช่ไหม​ แล้วพวกทนายที่ทั้งนิสัยไม่ดีและก้าวร้าวนั่นหัวโล้นทุกคนเลยรึเปล่า"   อวี๋ซือซือเก็บรวบรวมลักษณะ​ทนายความ​ที่อยู่ในหัวของเธอ​ นึกคำไหนได้ก็พูดออกมา  เป้ยฉายเวยจำใจต้องยอมรับและพูดว่าไม่หรอก​ ทุกคนค่อนข้างยุ่ง​ แล้วที่เธอบอกว่าหัวโล้นแล้วใส่แว่นน่ะมีอยู่ไม่กี่คน​ แต่ว่าบรรยากาศ​ก็ถือว่าใช้ได้" " งั้นเธอเห็นไอ่คนชั่วฉูเจ๋อหยางนั่นรึเปล่า" อวี๋ซือซือนั่งใกล้เธอถามเสียงเบา แต่ทว่าในโรงอาหารก็มีพนักงานของเขาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน  ถ้าคนอื่นมาได้ยินว่าเธอพูดไม่ดีเกี่ยวกับหัวหน้า​ เธอกลัวว่าตัวเองจะออกไปจากโรงอาหารแห่งนี้ไม่ได้น่ะสิ "ไม่เห็น" พอเป้ยฉายเวยตอบเสร็จ​ ก็เงยหน้ามองซือซือที่วันนี้แต่งตัวแปลกๆ​ "ซือซือ ทำไมเธอแต่งตัวฮิปฮอปแบบนี้" คนกลุ่มหนึ่งที่สวมสูท​ ใส่รองเท้าหนัง​ การแต่งตัวเป็นการผสมผสานระหว่างชายและหญิง​ ใส่ทองเส้นใหญ่​ นาฬิกา​ และในมือถือบาร์​บีคิวอยู่  เป็นผู้หญิงที่หน้าตาดี​ แต่มองแล้วดูอ่อนหวานมาก เธอจะบอกว่าฉันเหมือนเด็กหรอ" อวี๋ซือซือเขี่ยสร้อยโลหะบนหน้าอกเล่นเสียงดังกริ๊งกร๊าง​ พูดปนตลกว่า​" ฉันได้ยินมาว่าเจ้านายฉันเป็นพวกเจ้าเล่ห์ฉันเลยเปลี่ยนการแต่งตัวแบบใหม่​ เป็นไงเท่ไหม" เป้ยฉายเวยกระดกมุมปากขึ้น​ บังคับตัวเองให้ใจเย็นลง​ "เท่ๆ​ ตอนนั้นเจ้านายเธอตกใจไหม" อวี๋ซือซือถอนหายใจ​ พูดด้วยความล้มเหลว​" ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น​ แต่พวกเขาไม่ได้ว่าอะไรฉัน​ แล้วก็บอกให้​ไปหยิบของที่ฝ่ายบุคคลเลย" ​ " ดูแล้วผู้หญิง​ที่ทำงานนิตยสาร​ ทั้งมีความรู้เยอะและสุขุม" เป้ยฉายเวยเริ่มสงสัยว่าเจ้านายนิตยสา​รเฉนซีจะเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่ "ผู้หญิง​ อย่ามาล้อเล้นหน่า" อวี๋ซือซือหัวเราะเสียงเบา​"เป็นผู้ชายตัวอ้วนสูงร้อยเก้าสิบ​ ไม่มีศิลปะอยู่ในสายเลือดเลย ดูไปแล้วหุ่นก็เหมือนพวกผู้ชายที่ขายตัวตอนกลางคืนนะ"  "......" เป้ยฉายเวยรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรถามต่อแล้ว​ จึงเริ่มกินข้าวไปเงียบๆ 
已经是最新一章了
加载中