บทที่99 ถูกตำหนิที่โกหก   1/    
已经是第一章了
บทที่99 ถูกตำหนิที่โกหก
บ๗ที่99 ถูกตำหนิที่โกหก “หวังดีกับหนูหรอ ฮ่าฮ่า มันน่าตลกดีนะคะ พ่อกับแม่รู้ไหม ตอนที่หนูอยู่เมืองนอกคนเดียวหนูต้องเจอกับอะไร” หนานฉิงหัวเราะเสียงดังขึ้นมา หัวเราะจนไม่สามารถหยุดได้ เหมือนกับคนบ้าคลั่ง “เสี่ยวซือ หนูเป็นอะไรไปลูก อย่าทำให้แม่ตกใจสิ” เหาเสว่ฉินเริ่มตื่นตระหนก เธอมองกลับไปที่หนานเทียนหยางอย่างกังวลใจ น้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความเคารพโดยปกตินั้นหายวับไป เธอแม้กระทั่งตะโกนเรียกชื่อจริงของเขา “หนานเทียนหยาง เสี่ยวซือเป็นลูกของคุณไม่ใช่ศัตรู ทำไมคุณถึงได้ลงไม้ลงมือ เสี่ยวซืออยากจะคบกับใครก็คบกับคนนั้น ฉูเจ๋อหยางจะร้ายกาจยังไงตระกูลหนานเราก็เอาอยู่” หนานฉิงเองก็คิดว่าพ่อคงจะเห็นด้วยกับคำพูดของแม่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพ่อซึ่งปกติตามใจเธอเสมอกลับใจแข็งอย่างกับหิน เขาไม่ยอมให้เธอกับอาเจ๋อคบกันต่อไป ไม่เหลือพื้นที่ให้ต่อรอง “ไม่ได้ เสี่ยวซือเธอต้องรู้ตัวว่ากำลังใช้นามสกุลอะไร” หนานฉิงหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง เธอยังตัวเองลุกขึ้นอย่างว่องไว เธอกัดริมฝีปากจนแดงและหลั่งน้ำตาไม่หยุดหย่อน เธอพูดด้วยความขมขื่น “พ่อ พ่อไม่ยอมให้หนูคบกับอาเจ๋อ หนูจะขอตายดีกว่า พ่อกับแม่รู้ไหมเพราะว่าการกระทำของพ่อกับแม่ในตอนนั้น ทำให้ลูกสาวต้องเผชิญกับเรื่องอะไรที่ต่างประเทศ” หนานเทียนหยางเห็นนัยน์ตาหนานฉิงเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเขาเองก็ไม่อาจทำใจสงบนิ่ง “เสี่ยวซือ…” “ใช่ค่ะ พ่อ ตอนนั้นหนูถูกคนข่มขืนที่ต่างประเทศ มีลูกสาวอยู่คนเดียว ซึ่งตอนนี้หนูก็ยอมรับผู้ชายคนหนึ่งได้แล้ว ผู้ชายที่หนูรักที่สุดในชีวิต หรือพ่อต้องการที่จะฆ่าลูกสาวตัวเองจริงๆคะ” หนานฉิงตะโกนใส่หนานเทียนหยาง ใช่แล้ว เพื่อที่จะคบกับอาเจ๋อ เธอไม่แคร์อะไรทั้งนั้น อย่างไรก็ตามเขามีลูกสาวเพียงแค่คนเดียว แค่เปลี่ยนวิธีพูดเท่านั้น ผลลัพธ์อย่างไรก็ยังเหมือนเดิม ลูกสาวที่เกิดกับผู้ชายคนนั้นคงไม่ได้มาที่เมืองจีนอีกตลอดชีวิตนี้ เธอไม่มีอะไรที่จะต้องกังวล เหาเสว่ฉินรับเรื่องนี้ไม่ได้และเธอก็ร่วงลงกับพื้น เธอพึมพำกับตัวเอง “เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร…” “ฉันจะไปฆ่าไอ้ผู้ชายคนนั้น” หนานเทียนหยางโกรธมาก เขาสลัดคำที่หนานฉิงพูดว่า “ข่มขืน” ออกไปจากหัวไม่ได้ “เรื่องในอดีตของพ่อหนูไม่อยากพูดถึงอีกต่อไป อยากคิดถึงมันอีก หนูแค่อยากให้พ่อช่วยหนูเรื่องอาเจ๋อ” หนานฉิงเริ่มจับมือของหนานเทียนหยางอย่างอ่อนแรง เธอพูดอย่างน่าสงสาร “พ่อไม่ต้องกลัวหรอกว่าอาเจ๋อจะแก้แค้นบ้านของเรา ตราบใดที่พ่อให้เวลาหนู หนูจะพิสูจน์ให้พ่อเห็นเองว่าอาเจ๋อไม่มีทางมีความคิดเช่นนั้น” เธอมองพ่อและไม่พูดอะไร ได้แต่เพิ่มแรงที่มือ “พ่อ ความจริงแล้วเมื่อสองสามวันก่อนอาเจ๋อขอหนูแต่งงาน เขาต้องการหมั้น หนูยังไม่ทันได้บอก” ใบหน้าหนานเทียนหยางกล้ำกลืนเล็กน้อย “เสี่ยวซือ ลูกพูดจริงหรอ” “อื้อ” หนานฉิงเอียงอายและพยักหน้า “ขอแค่พ่อให้โอกาสหนูกับอาเจ๋อ” หากไม่ใช่เพราะหนานฉิงประสพกับเรื่องเลวร้ายมา หนานเทียนหยางไม่มีทางยอมให้หนานฉิงคบกับฉูเจ๋อหยาง สามสิบกว่าปีในการประกอบวิชาชีพ เขาได้รับการฝึกฝนความสามารถในการมองผู้คน ถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจเพียงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าอาเจ๋อไม่ได้มาดี แต่ว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็เพียงพอที่จะให้เขากำจัดศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ หากไม่ใช่เพราะลูกสาว เขาจะทำให้ฉูเจ๋อหยางไม่มีที่ยืนอยู่ในเมืองจิ่นอัน กำจัดเจ้าตัวอันตรายนี้ซะ ตอนนี้เพื่อลูกสาวเพียงคนเดียว เขาจะยอมแพ้ไม่ได้ “เสี่ยวซือ ถ้าหากว่าฉูเจ๋อหยางพูดอย่างนั้นจริงๆ หนูก็ชวนเขามาทานข้าวที่บ้านสักมื้อสิ” “จริงหรอคะพ่อ ดีจังเลยค่ะ” หนานฉิงยิ้มทั้งน้ำตา “ลูกรักของพ่อว่ายังไง พ่อก็ว่าอย่างนั้นล่ะจ๊ะ” หนานเทียนหยางกลับมาพูดจาเป็นพ่อที่อ่อนโยนตามเดิม “พ่อ พ่อดีกับหนูจริงๆ” “เสี่ยวซือ ลำบากหนูแล้วจริงๆ ต่อไปมีแม่อยู่ด้วยจะไม่มีใครกล้ามารังแกหนูอีกแล้วนะ” เมื่อเหาเสว่ฉินรู้ว่าซือซือต้องประสพกับเรื่องร้ายมาเธอก็ร้องไห้ไม่หยุด “แม่ หนูไม่เป็นอะไรแล้ว ขอแค่ครอบครัวเราได้อยู่ด้วยกันก็พอ” หนานฉิงแสร้งทำเป็นพูดอย่างสงบนิ่ง “หนูเจ้าลูกคนนี้เป็นลูกแหง่มาตั้งแต่เด็ก เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกแม่ หนูบอกกับแม่มาเดี๋ยวนี้ว่าใครที่รังแกลูก” ตอนนี้หานเสว่ฉินยิ่งมองดูหนานฉิงก็ยิ่งปวดใจ “ไม่ ไม่มีอะไรคะแม่” เหาเสว่ฉินเห็นท่าทีที่ต้องการจะพูดแต่ไม่พูดอะไรของหนานฉิง เธอก็คิดว่าลูกคงไม่อยากให้เธอเป็นห่วง มันยิ่งทำให้เธอยิ่งน้อยใจ “เสี่ยวซือลูกไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่ไม่มีใครมารังแกลูกของแม่ได้ บอกแม่มาว่าใครกันที่รังแกหนู” “ไม่มีอะไรค่ะ อาจจะเพราะว่าวันนี้เวยเวยอารมณ์ไม่ค่อยดี ส่วนชานมเป็นแค่อุบัติเหตุ” หนานฉิงเป็นคนฉลาดและรู้ทันเกมส์ ถ้าหากบอกว่าซือซือเป็นคนเทชานมใส่เธอ พ่อแม่ต้องโกรธอย่างแน่นอน ไม่ได้เป็นผลดีแต่อย่างไร และยิ่งจะทำให้บ้านไม่สงบเสียอีก ดังนั้นเธอจึงจงใจพูดจาคลุมเครือ ไม่พูดชื่อเป้ยฉ่ายเวยขึ้นมาตรงๆ เธอให้พ่อแม่เข้าใจกันไปเอง “เวยเวยหรอ เด็กสาวที่ลูกพูดถึงบ่อยๆว่าเป็นเพื่อนสนิทของลูกน่ะรึ แล้วเธอทำกับลูกอย่างนี้ทำไมล่ะ” เหาเสว่ฉินแปลกใจเรื่องเวยเวย ที่เด็กสาวที่เรียบร้อยว่าง่ายอย่างนั้นจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ หนานฉิงกัดนิ้วตัวเองและกลั้นเสียงพูดออกมา “หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ดูเหมือนว่า ตั้งแต่เวยเวยไปทำงานที่ออฟฟิศของอาเจ๋อ หล่อนก็เปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้” เหาเสว่ฉินเป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน ทำไมเขาจะฟังไม่ออกว่าลูกสาวของเขาต้องการจะสื่ออะไร เธอตบหลังลูกสาวด้วยความเอ็นดู “เสี่ยวซือหนูใจดีเกินไปแล้ว หนูถึงโดนผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าพวกนั้นรังแกเอา จำไว้ว่าหนูเป็นลูกสาวของนายกเทศบาลตระกูลหนาน” “สู้ผู้หญิงที่อยู่หน้าโต๊ะไม่ได้ เพื่อนผู้ไม่ประสงค์ดี เราไม่ต้องให้ความสำคัญ” “แม่คะ เวยเวยไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกค่ะ” หนานฉิงแสร้งทำเป็นพูดแก้ให้เป้ยฉ่ายเวย “เสี่ยวซือหนูช่างเดียงสาเกินไป ผู้หญิงประเภทนี้แค่เห็นแวบแรกก็รู้ว่าจิตใจไม่ดี ไม่ต้องห่วงแม่รู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไร” หนานฉิงได้ยินแม่เธอเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ขณะที่ทุกคนไม่ทันสังเกตเห็นเธอก็อมยิ้มขึ้นมาอย่างสะใจ เป้ยฉ่ายเวยเธอกล้าแย่งผู้ชายของฉัน ฉันจะทำให้เธอตายทั้งเป็น “เสี่ยวซือ แม่จะพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดชุดใหม่ วันนี้หนูพักผ่อนอยู่ที่บ้านก่อน พรุ่งนี้ค่อยช่วยแม่เตรียมจัดอาหารเย็นกัน” เหาเสว่ฉินช่วยพยุงหนานฉิงลุกขึ้นจากพื้น “แม่หนูทำเองได้ค่ะ อีกอย่างหนูก็ไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้อาเจ๋อจะมาได้ไหม” เมื่อพูดถึงฉูเจ๋อหยาง ใบหน้าของหนานฉิงก็เต็มไปด้วยความละอาย “เสี่ยวซือของพวกเราช่างขี้กลัวจริงๆ เอาเถอะ หนูรีบไปเปลี่ยนชุดเถอะ” เหาเสว่ฉินยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้พูดกับหนานเทียนหยางให้จบ หนานฉิงพูดกับหนานเทียนหยางเบาๆ “พ่อ หนูไปข้างบนก่อนนะคะ” หนานเทียนหยางพยักหน้า ท่าทีสง่างามแต่เปี่ยมไปด้วยความรัก “เชื่อฟังแม่ของเธอนะ วันนี้พักผ่อนอยู่บ้านซะ” “ทราบแล้วค่ะพ่อ” หนานฉิงบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเองแล้ว เธอจึงจากไปด้วยความสบายอกสบายใจ 
已经是最新一章了
加载中