ตอนที่404 คุณต้องการที่จะครอบครองแม่ใช่หรือไม่   1/    
已经是第一章了
ตอนที่404 คุณต้องการที่จะครอบครองแม่ใช่หรือไม่
ตอนที่404 คุณต้องการที่จะครอบครองแม่ใช่หรือไม่ เตชิตพาธีมนต์ไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตส่งออกที่อยู่ไม่ไกลจากที่พัก ก่อนหน้านี้ทั้งสองทะเลาะกันที่บ้านเรื่องของนัชชา หากว่าเตชิตไม่ได้ดึงหน้าเขามาขอร้องแล้วล่ะก็ ไม่ว่ายังไงธีมนต์ก็ไม่ยอมออกมากับเขา “ดูสิว่าชอบทานอะไร หนูเลือกเองได้เลย” เตชิตมองดูผักสด เขาเอนกายเข้าไปถามอย่างอดทน แต่เดิมเป็นคำถามที่โอเคมาก แต่ว่าวันนี้ธีมนต์กลับไม่ได้ว่าง่ายเหมือนเช่นปรกติ เขายกฝ่ามือขึ้น จงใจทำหน้าจริงจังอยู่เจ็ดแปดส่วน “ผมชอบทานอะไร คุณลุงไม่ทราบหรือยังไงครับ” ประโยคนี้ เหมือนต้องการที่จะยั่วโมโหเตชิต เขาไม่ได้คาดหวังว่าธีมนต์จะพูดเช่นนั้น ยืนอึ้งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกมีความสุขเล็กน้อย การที่เด็กพูดกับเขาเช่นนี้แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเริ่มแน่นแฟ้นขึ้นอีกนิดแล้ว ปฏิบัติต่อเขาในฐานะคนใกล้ชิด ทันใดชายคนนั้นก็รู้สึกดี ไม่ว่าเราจะรักการกินหรือไม่ พยายามลีกเลี่ยงสิ่งที่เขาไม่ชอบทาน หยิบทุกอย่างมาอย่างละนิดละหน่อย ธีมนต์มองไปที่รถเข็นสินค้าที่ค่อยๆเต็มขึ้นเรื่อยๆ ปากน้อยๆก็ค่อยๆเผยอขึ้น ความโกรธในใจก็ค่อยๆลดลง พ่อและลูกชายเดินไปถึงบริเวณที่ขายของทานเล่น ความจริงแล้วเป็นแค่ทางผ่าน แต่สายตาของธีมนต์กลับไม่ยอมละจากบางสิ่ง ขาก็ไม่ขยับ เป็นไปไม่ได้ที่เตชิตจะไม่สังเกตเห็น เขาจึงต้องหยุดและถามว่า “อยากทานหรอ” “อยากทานคุ๊กกี้ช็อกโกแลตครับ” “แม่เธอบอกว่าไม่ได้นะ” “แต่ครั้งที่แล้วแม่เคยสัญญาว่าอีกสองวันจะซื้อให้” “ตอนนี้ยังไม่สองวันเลย” ธีมนต์คิดแล้วคิดอีก ดูเหมือนว่าจะจริงเช่นนั้น เขาวางคุกกี้ในมือลงอย่างไม่เต็มใจกลับไปที่แผงขายสินค้า ดวงตาคู่โตเต็มไปด้วยความเสียดาย “...อ๊ะ งั้นก็ได้” แม้ว่าปกติแล้วเตชิตจะทำตัวเป็นพ่อที่มีเหตุมีผล แต่ในใจแล้วกลับเป็นทาสของลูกชายโดยสมบูรณ์ เมื่อเห็นว่าธีมนต์ต้องการที่จะยอมแพ้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน แต่ปากก็ยังพูดไป “ซื้อให้เธอก็ได้ แต่ว่าต้องสัญญาก่อนนะ ลุงมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง” ฟังแล้วก็รู้สึกมีความหวัง ธีมนต์รีบถามขึ้นทันที “อะไรครับ” “อีกหน่อยต้องเข้านอนเอง ช่วยเหลือตัวเอง ตอนเช้าก็เหมือนกัน ทำได้ไหมล่ะ” สิ่งที่เขาคิดก็คือ ตราบใดที่เขาได้กินคุกกี้ช็อกโกแลต เงื่อนไขอะไรก็สามารถตกลงกันได้ แต่เมื่อเตชิตพูดคำขอของเขาออกมา ธีมนต์กลับรู้สึกลังเล นี่ไม่ใช่เพื่อใครอื่น นี่คือการปล่อยให้เขาพาแม่ออกไปข้างนอกตอนกลางคืน ราคาของคุกกี้ช็อกโกแลตนี้สูงไปซะแล้ว ตุ๊กตาน้อยยักไหล่ของเขาทันที “คุณไม่ยอมให้ผมนอนกับแม่ เพราะว่าคุณต้องการครอบครองแม่ไว้ใช่หรือไม่” เตชิตไม่ได้ตอบตรงๆ แต่พูดเลี่ยงๆไป “ความจริงแล้วแม่ของเธออยากให้เธอเข้านอนด้วยตัวเอง เธอก็เกือบจะห้าขวบแล้วนะ ไม่ได้เป็นเด็กน้อยแล้ว ถ้าตอนนี้ยังนอนเองไม่ได้ อีกหน่อยจะปกป้องแม่ของเธอได้อย่างไร” ธีมนต์รู้สึกพูดไม่ออก เขายังรู้สึกว่า ยังไม่สามารถยอมรับได้ในขณะนี้ เตชิตเห็นในแววตาแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ เขาจึงเปลี่ยนเป็นกลยุทธ์ที่อ่อนโยนกว่านี้ “เธอลองคิดดูนะ ความจริงแล้วแม่ของเธอก็คิดจะทำเช่นนี้อยู่แล้ว ให้เธอเข้านอนเองทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน แต่แทนที่จะรอให้เป็นเช่นนี้ ถ้าเธอรับปากลุงตอนนี้ก็ยังจะได้กินคุกกี้ช็อกโกแลตอีกด้วย” คนที่มีเหตุมีผลก็จะรู้คำพูดเช่นนี้มีข้อกังขาอยู่ แต่ว่าสำหรับเด็กสี่ขวบแล้ว เมื่อได้ฟังก็ติดกับเขาในทันที โดยเฉพาะธีมนต์ผู้ซึ่งต้องการทานคุกกี้ช็อกโกแลตอยู่แล้วเป็นทุนเดิม นี่เป็นแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขามองคุกกี้มองแล้วมองอีก แล้วก็เอ่ยถาม “แล้วอีกหน่อยคุณลุงจะแย่งแม่ผมไปรึเปล่า” แววตาที่ระมัดระวังทำให้เตชิตยิ่งรู้สึกเป็นทาสของลูกชายตัวเอง เขารีบส่ายหัวในทันที “ไม่มีทาง แม่หลงเธอจะตาย ยังไงก็เป็นของเธอตลอดไป ไม่มีใครสามารถแย่งแม่ไปจากเธอได้” หลังจากได้รับคำตอบนี้แล้ว ธีมนต์ก็ยื่นมือออกไปหยิบกล่องคุกกี้ “ตกลง งั้นผมรับปากคุณลุง” เตชิตหัวเราะกับเรื่องไร้สาระเป็นครั้งแรกในชีวิต “ธีธีเด็กดีจริงๆ” ดังนั้น หลังจากที่ทั้งสองกลับมาถึงบ้านแล้ว นัชชาก็พบว่า ทัศนคติที่ธีมนต์ที่มีต่อเตชิตนั้นดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ คนคนนี้ความจริงแล้วดูเย็นชา ทำอย่างไรถึงเข้ากับเด็กได้ดีขนาดนั้น จนกระทั่งเธอเห็นกล่องคุกกี้ในมือของธีมนต์ รสช็อกโกแลตกล่องใหญ่เลย ยังมีรสสตรอเบอร์รี่กล่องเล็กอีกหนึ่งกล่อง ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจ นี่คือสินบนสินะ แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ เตชิตไม่ได้แค่ติดสินบนเท่านั้น ยังมีแผนอะไรอีกด้วย เขาซื้ออาหารทะเลมาและยังมีเนื้อวัวอีกเล็กน้อย และยังมีผักสด เมื่อจัดเข้าไปเต็มตู้เย็นแล้ว ในที่สุดก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอีกเล็กน้อย เตชิตเห็นว่านัชชากำลังเดินลงมาที่ชั้นล่าง เขากระซิบถามข้างๆหูเธอ “ยังเจ็บอยู่รึเปล่า ผมซื้อครีมมาให้คุณแล้ว” เมื่อพูดจบก็ยื่นส่งครีมหลอดสีขาวให้กับเธอ นัชชาหยิบแล้วรีบยัดใส่กระเป๋าเสื้อ สายตามีความเอียงอาย “ไม่เป็นไรแล้ว” “คุณรีบขึ้นไปทาก่อน ไม่อย่างนั้นคืนนี้….” เขาพูดยังไม่ทันจบ นัชชาก็ขัดขึ้นมา “คืนนี้คุณอย่าได้คิด!” พูดจบ เธอก็เดินขึ้นบันไดไป ทิ้งความโกรธเอาไว้เบื้องหลังที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เตชิตยืนยิ้มอยู่กับที่ ยกมือก่ายหน้าผากอย่างช่วยไม่ได้ นี่เรียกว่าอะไร ภาพที่มีแต่ความสดชื่นและการอยู่อย่างพอเพียง นัชชากลับไปที่ห้องนอนเพื่อทายา ขี้ผึ้งเย็นทำให้อาการบวมแดงยุบลงไปมาก เธออดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญในใจถึงเรื่องเมื่อคืน ชายคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่สนใจฟังคำพูดใดๆ คืนนี้เขาไม่มีทางได้สมปรารถนา เมื่อทายาเสร็จ เธอก็ไปที่อ่างล้างมือ ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ยังเช็ดมือไม่เสร็จ นัชชารีบเดินไปดู เป็นสายจากชนุดม เธอรู้สึกตกใจ สองวันแล้วที่เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย สัมผัสถูกการสั่นสะเทือนของโทรศัพท์ ดูเหมือนว่าสัมผัสที่ปลายนิ้วจะสั่นไปถึงหัวใจ ลำคอของนัชชารู้สึกอึดอัด ยากที่จะเปล่งเสียงออกมา “ฮัลโหล” เมื่อได้ยินเสียงของเธอ ชายอีกคนที่ปลายสายก็เงียบไปสองวินาที จากนั้นเขากระซิบ “ร่างกายดีขึ้นรึยัง” เขาไม่ได้ถามว่าเธออยู่ที่ไหน ไม่ได้ถามว่าอยู่กับใคร ไม่ได้เกี่ยวกับความไว้วางใจ ผู้ชายคนนี้มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เขาไม่ถาม เพราะว่าเขารู้อยู่แล้ว ห้านิ้วของนัชชากำโทรศัพท์แน่นขึ้น ว้าวุ่นใจขึ้นในทันที “ฉัน... ร่างกายของฉันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อักเสบเล็กน้อยเลยทำให้มีไข้” คั่นแค่โทรศัพท์มือถือ แต่กลับระยะทางเหมือนอยู่ห่างไกล ทั้งสองไม่พูดอะไรสักพัก ฟังลมหายใจของกันและกัน ชนุดมรู้สึกอับจนหนทาง “นัชชา” เขาเรียกชื่อเธออย่างหนักแน่น นัชชาถูกเรียกจนหัวใจสั่น “อื้อ ว่ายังไง” ในเวลานี้ชนุดมกำลังทำงานกับผู้ช่วยในสำนักงาน นี่คือการหารือเกี่ยวกับการลงทุนของเตชิตแต่ทันใดนั้นเขากลับโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย ผู้ช่วยหันไปมองเมื่อเห็นเขาคุยสายส่วนตัว ในขณะนี้ ชายคนนั้นลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างที่มีแสงสว่างส่องจากเพดานจนถึงพื้น มองไปที่อากาศอันสดใสด้านนอก แต่ใจกลับเปียกชื้น “กลับมาเถอะ” ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจ หรือว่าเข้าใจไม่กระจ่างชัด เขาพูดทวนซ้ำอีกครั้ง “กลับมาหาผมนะ”
已经是最新一章了
加载中