ตอนที่411ปล่อยวางได้แล้ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่411ปล่อยวางได้แล้ว
ตอนที่411ปล่อยวางได้แล้ว หลังจากทานข้าวเสร็จหล่อนฉวยโอกาสตอนที่ธีมนต์กำลังเพลิดเพลินกับการดูการ์ตูนนัชชาเดินไปที่ห้องครัวที่มืดสลัวโทรศัพท์หาเตชิตให้เขามาหาเธอตอนนี้ หลังจากพูดโทรศัพท์อยู่สองสามประโยคก็วางสายพอเธอหันหลังกลับมาก็เจอกับณัชชนม์ที่ยืนอยู่ข้างหลังพอดี เธอตกใจจนยกมือทาบอก"แม่ก็นะหนูตกใจหมดเลย!" ณัชชนม์มาที่ห้องครัวเพื่อหยิบน้ำไม่คิดว่าจะได้เจอเธอกำลังโทรศัพท์พอดีแม่เป็นคนรู้ใจลูกที่สุดเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของเธอก็เข้าใจได้ทันที"ลูกโทรหาผู้ชายนามสกุลจิวะพงษ์นั่นใช่ไหม?" "ค่ำมืดขนาดนี้ทำไมไม่ส่งเสียงเลยละคะ"นัชชาไม่ได้ตอบตรงๆได้แต่กลบเกลื่อนไปมา ณัชชนม์จูงมือเธอไปที่ห้องนอนในห้องมีเพียงแม่ลูกเธอพูดออกมาอย่างไม่มีเก็บงำคนเป็นแม่อดไม่ได้ที่จะกังวลเรื่องลูก"สรุปเรื่องของลูกกับเตชิตเป็นยังไงกันแน่?" นัชชากำลังจะอ้าปากก็ถูกเธอขัดพูดต่อว่า"ลูกพูดออกมาตรงๆเถอะอย่าโกหกแม่กับพ่อเลย" "..."คำพูดเหล่านั้นเหมือนขวางคอเธออยู่ช่วยไม่ได้นัชชาจำต้องสารภาพ"ช่วงนี้ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปมากเรื่องของธีมนต์เขาก็จัดการเจรจาอย่างเรียบร้อยแล้วอีกอย่างตอนนี้ธีมนต์ก็ยอมรับเขาในฐานะพ่อซึ่งเป็นสิ่งที่หนูไม่คาดคิดมาก่อน" "แล้วลูกล่ะ?"ณัชชนม์มองเธอด้วยความกังวล"ลูกคิดยังไง?" "หนูก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ..." "เฮ้ยดูสิลูกก็เป็นซะอย่างนี้"ณัชชนม์พูดเพราะความห่วงก็กลับสับสนยิ่งไปใหญ่รู้สึกร้อนใจ"ทำไมลูกถึงไม่รู้ว่าตัวเองคิดอย่างไรละเตชิตมีท่าทีอย่างไรเขาอยากให้ลูกกลับไปอยู่กับเขาเหมือนเดิมหรอ?" นัชชารู้สึกตอบยาก"เขาคิดอยู่นะ" ณัชชนม์เห็นท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติของเธอก็เข้าใจว่ารวมๆแล้วเป็นอย่างไรที่แน่ๆเธอกับเตชิตต้องมีความอาลัยอาวรณ์อยู่ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ตอบอย่างเคอะเขินขนานนี้ ณัชชนม์ถอนหายใจ"ลูกกับเขาเดี๋ยวคบเดี๋ยวเลิกมาห้าปีแล้วจนตอนนี้มีลูกด้วยกันมันคงเป็นชะตากรรมจริงๆ" นัชชาคิดว่าแม่คงนึกถึงเรื่องเศร้าในอดีตเธอรีบก้าวไปข้างหน้ากอดแม่ไว้"แม่คะ..." "แม่ไม่เป็นไรจ๊ะ"ณัชชนม์สูดหายใจเข้าลึก"ที่จริงห้าปีมานี้เตชิตก็ไม่ได้อยู่เฉยๆเรื่องของลูกเขาก็เสียใจมากเขาติดต่ออยู่กับตำรวจตลอดเพื่อหาความคืบหน้าและยังส่งของมาให้แม่กับพ่อตลอดเขาไม่เคยลืมเรื่องเกี่ยวกับลูกเลยเพียงแต่ว่าแม่กับพ่อรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจที่จะฝากลูกและหลานไว้กับเขา" แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้นจะไม่ได้เป็นเรื่องจริงนัชชายังมีชีวิตอยู่แต่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกสาวไปมันตราตรึงลึกเข้าไปถึงกระดูกของเธอยากที่ลืมเลือนได้ นัชชาเข้าใจความรู้สึกนี้แม้เธอเองจะไม่อาจให้อภัยในเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่ต้องพูดถึงณัชชนม์และเมทนี"แม่คะหนูรู้ถ้าแม่กับพ่อไม่ยอมรับเขาหนูก็จะไม่อยู่กับเขา" ผ่านเรื่องราวมาเยอะเธอไม่อยากจะหาเรื่องอะไรเข้ามาวุ่นวายอีกแค่ต้องการอยู่อย่างสงบเรียบง่ายในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่เลี้ยงธีมนต์จนเติบใหญ่แค่นั้นเอง เมื่อได้ยินนัชชาพูดอย่างนั้นณัชชนม์นิ่งเงียบเธอคิดมานานแล้วก่อนที่จะเอ่ยปากพูดออกมา"นัชชาที่จริงแม่กับพ่ออาจจะมีความรู้สึกไม่สบายใจเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนแต่ก็หวังอยากให้ลูกมีความสุขถ้าลูกจะเลี้ยงหลานคนเดียวแม้ว่าจะไม่ขัดสนกินอิ่มนอนหลับแต่ในใจคงว้าเหว่แม้ว่าลูกจะทนได้แต่ก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อหลานหากว่าลูกคิดว่าเตชิตใช้ได้แม่กับพ่อก็จะไม่พูดอะไรอีกแต่ครั้งนี้ลูกต้องรู้จักดูและเลือกคน" สิ่งที่พ่อแม่กลัวมากที่สุดคือการที่ลูกไม่มีความสุขในชีวิตนัชชาตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ณัชชนม์ก็รู้สึกไม่ดีไปตามๆกันเธอเป็นเด็กดีเป็นตัวของตัวเองเข้มแข็งและมีความรับผิดชอบเวลาที่พวกเขาสามารถอยู่กับเธอน้อยเกิดไปไม่อยากให้ในที่สุดเมื่อเธอจากไปเหลือไว้เพียงลูกสาวคนเดียว นัชชาฟังจบทั้งปวดใจทั้งตื้นตันคำพูดเหล่านี้เพราะเป็นแม่ถึงสามารถพูดกับเธอได้"แม่คะเรื่องเมื่อห้าปีก่อนที่จริงเป็นเรื่องเข้าใจผิดหนู่ก็ผิดอยู่ส่วนหนึ่งไม่ใช่ความผิดของเขาทั้งหมด" ณัชชนม์ตบหลังมือของเธอเบาๆ"ถ้าลูกปล่อยวางได้พ่อกับแม่ก็ปล่อยวางได้" นัชชากอดเธอไว้แน่นเธอถึงพบว่าร่างกายของณัชชนม์นั้นผอมกว่าเมื่อก่อนเยอะคนเมื่ออายุเยอะขึ้นร่างกายจะหดตัวความสูงลดลงน้ำหนักก็เบาขึ้น ห้าปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเหลือเกินสำหรับพวกเขาเหมือนแก่กว่าเดิมเป็นสิบปีโดยไม่รู้ตัว นัชชารู้สึกปวดใจมาก"แม่คะไม่ต้องกังวลทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ" "แม่รู้จ๊ะ"ณัชชนม์ลูบหลังเธอเบาๆ"ตอนนี้ลูกก็เป็นแม่คนแล้วจะทำนิสัยเป็นเด็กๆไม่ได้แล้วนะเรื่องในอนาคตลูกต้องคิดดีๆไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่แค่เห็นลูกของแม่มีความสุขแม่กับพ่อก็ไม่มีอะไรเป็นห่วงแล้วละจ๊ะ" นัชชาน้ำตาคลอเบ้าทำบุญมาขนาดไหนถึงได้เกิดมาเจอพ่อแม่ที่ดีขนาดนี้"แม่คะขอบคุณค่ะขอบคุณพ่อด้วย" "พูดอะไรแบบนั้นลูกครอบครัวแดนโพธิ์เรามีลูกสาวเพียงคนเดียวนนี่หน่าก็ต้องหวังว่าลูกจะปลอดภัยตลอดรอดฝั่ง!"ณัชชนม์ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่หางตาหัวเราะทั้งน้ำตา"ตอนนี้ลูกกลับมาแล้วถ้าไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปอีกตั้งสติจัดการกับงานและสิ่งต่างๆที่นั่นแม่กับพ่อรอคอยที่จะอยู่ข้างลูกตลอดไป" นัชชาพยักหน้า"หนูรู้แล้วคะ" “เอาล่ะตอนนี้ก็เย็นมากแล้วเดี๋ยวแม่ไปเอาเกี๊ยวที่เพิ่งทำเสร็จมาให้เผื่อตอนเย็นๆลูกกลับไปแล้วเกิดหิวจะได้เก็บไว้กิน”ณัชชนม์พูดพลางเปิดประตูเดินออกไปข้างนอกเธอเข้าไปที่ห้องครัวแล้วเอากล่องเก็บความร้อนออกมาเอาเกี๊ยวที่นึ่งสุกแล้วใส่ลงไปตอนส่งให้เธอพูดกำชับอีกครั้ง"ให้ผู้ชายนามสกุลจิวะพงษ์คนนั้นลองชิมดูด้วย" นัชชารู้สึกประหลาดใจที่เธอยังนึกถึงเขาทำให้ใจของเธอเจ็บแปรบๆพูดไม่ออกเหมือนกับสองคนที่เธอห่วงใยพวกเขาก็ใส่ใจซึ่งกันและกัน "แม่คะ..." ณัชชนม์ผลักแขนของเธอเดินออกไปนอกห้องครัว"เอาล่ะเดี๋ยวหลานจะมาเห็นเข้า" พูดคุยกันอีกพักหนึ่งเตชิตส่งข้อความบอกว่าเขามาถึงชั้นล่างแล้วเขาไม่ได้โทรมาคงกลัวว่าอยู่กับครอบครัวไม่สะดวกรับสาย ก่อนออกจากบ้านนัชชาทิ้งบัตรเอทีเอ็มเอาไว้"พ่อแม่คะในบัตรนี้เป็นเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากทำงานที่อังกฤษทุกเดือนจะมีรายได้คงที่เข้ามาที่บัตรใบนี้แม่กับพ่อเก็บไว้นะคะเผื่อว่ามีอะไรต้องใช้" เธอรู้ว่าเมทนีและณัชชนม์ไม่ได้ลำบากอะไรแต่ก็อยากให้พวกเขาในฐานะลูกคนหนึ่ง "ไม่เป็นไรลูกลูกเก็บไว้เถอะพ่อกับแม่มีเงินไม่ใช้เงินของลูกหรอก"เมทนีกล่าวพลางเอาบัตรยัดใส่ในกระเป๋าของเธอ นัชชารีบหลบ"เอาไว้ที่หนูๆก็ไม่ได้ใช้หรอกพ่อกับแม่ไม่ต้องประหยัดเงินอะไรอยากได้อะไรก็ซื้อได้เลยนะคะเงินปอนด์อังกฤษอัตตราแลกเปลี่ยนดีกว่าเงินหยวนเยอะ" "ไม่ต้องหรอกลูก"เมทนียังคงยืนกรานไม่รับ นัชชาเริ่มร้อนรน"พ่อคะรับไว้เถอะถือซะว่าให้หนูได้ตอบแทนบุญคุณบ้าง" ณัชชนม์เห็นว่าลูกเริ่มร้อนรนเลยห้ามเมทนีไว้"พอเถอะลูกให้ก็รับไว้เถอะคิดซะว่าเป็นน้ำใจจากลูก!" "แต่ว่า..." "ไม่มีแต่อย่าทำให้ชักช้าเลยตอนนี้สองทุ่มแล้วธีมนต์คงง่วงนอนแล้วล่ะ"ณัชชนม์พูดพลางเดินไปส่งเธอที่ประตู"ลูกรีบกลับไปเถอะถึงบ้านแล้วโทรกลับมาหน่อยนะลูก" นัชชากลัวว่าเมทนีจะตามมาเอาบัตรเอทีเอ็มคืนเลยรีบเดินออกจากบ้านโดยไม่หันกลับมามอง เธอเดินจูงธีมนต์ลงมาจากบ้านตรงประตูทางเข้าชายหนุ่มจอดรถอยู่ด้านข้างพวกเขาลงมารอด้านล่างเรียบร้อย
已经是最新一章了
加载中